ตำรวจคุมตัว “ราเกซ” พ่อมดการเงิน ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง และ สภ.ราชาเทวะ แจ้งบันทึกจับกุม พร้อมนำตัวตรวจร่างกายและสอบปากคำที่กองปราบปราม ก่อนฝากขังศาลอาญาฯกรุงเทพใต้เช้าวันนี้
ขอขอบคุณภาพจาก ช่อง 9
ขอขอบคุณภาพจาก ช่อง Nation
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิปทั้งหมด
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 02.30 น.วันนี้ (31 ต.ค.) ขบวนรถเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้นำตัวนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดียักยอก มาถึงกองปราบปราม โดยนายราเกซอยู่ในขบวนรถคันที่ 3 ซึ่งรถตู้พยาบาล ของโรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้นายราเกซอยู่ในสภาพนอนบนเตียงรถเข็นผู้ป่วย เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่จึงช่วยยกเตียงรถเข็นลงมาจากรถตู้ของโรงพยาบาล ก่อนพาขึ้นบันไดไปยังชั้น 2 ห้องประชุมสุรสีหนาท ของกองปราบปรามซึ่งได้จัดเตรียมไว้ให้แพทย์ทำการตรวจร่างกายและหากแพทย์วินิจฉัยว่านายราเกซสามารถให้ปากคำได้ พนักงานสอบสวนทั้งหมด 8 นายก็จะดำเนินการสอบปากคำให้เสร็จสิ้น เพื่อจะนำตัวนายราเกซไปฝากขังที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ทั้งนี้ กองทัพสื่อมวลชนทุกสำนักทั้งสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ ได้มารอทำข่าวนายราเกซตั้งแต่ช่วงเย็น แต่กว่าจะมาถึงกองปราบปราม ก็ใช้เวลานานกว่ากำหนดถึง 4 ชั่วโมง เนื่องจากหลังตำรวจควบคุมนายราเกซเมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบินการบินไทย ที่ TG 615 เมื่อเวลา 21.45 น.แล้ว ก็ได้นำตัวนายราเกซผ่านช่องทางพิเศษ ไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของสนามบิน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ราชาเทวะ จึงบันทึกการจับกุมพร้อมสอบปากคำเบื้องต้นในชั้นจับกุมเสร็จสิ้นแล้วจึงควบคุมตัวมาที่ปราบปรามดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดกองปราบปรามกว่า 30 นายได้รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดพร้อมไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปทำข่าวบนอาคารชั้น 2 กองปราบปรามแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 30 ต.ค. คณะเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยควบคุมตัวนายราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพฯ พาณิชย์การ จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี ผู้ต้องหาคดียักยอก มาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินของการบินไทย ที่ TG 615 ซึ่งคาดว่าเจ้าหน้าที่จะนำตัวนายราเกซออกทางช่องทางพิเศษ เพื่อดำเนินขั้นตอนผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง จากนั้นอาจจะนำตัวนายราเกซ ไปควบคุมยังกองปราบปรามหรืออาจนำตัวโรงพยาบาลตำรวจก่อน เนื่องจากนายราเกซ มีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัวและอยู่ในสภาพต้องนั่งรถเข็น
อย่างไรก็ตาม ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโดกองปราบปราม จำนวน 10 คันรถตู้พร้อมอาวุธครบมือ และตำรวจคนเข้าเมืองตำรวจสภ.ราชาเทวะ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับนายราเกซอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการชิงตัวนายราเกซ สักเสนา
ล่าสุด เมื่อเวลา 22.45 น. เครื่องบินการบินไทย ที่TG 615 ได้ลงจอดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถตู้เข้าไปรับนายราเกซถึงรันเวย์พร้อมขบวนรถที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อเดินทางมุ่งหน้าไปที่กองปราบปราม ก่อนให้แพทย์ตรวจร่างกายและดำเนินการสอบปากคำนายราเกซ ที่ห้องประชุมสุรสีหนาท ชั้น 2 ของกองปราบปรามซึ่งได้จัดเตรียมไว้
วันเดียวกัน พล.ต.ต.นพ.อรรถพันธ์ พรมณฑารัตน์ รองนายแพทย์ใหญ่ โรงพยาบาลตำรวจ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการตรวจร่างกายนายราเกซ สักเสนาว่า ทางคณะแพทย์ได้เตรียมรถพยาบาลและอุปกรณ์ในการตรวจร่างกายไว้พร้อมแล้ว นอกจากนี้ได้ประสานแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมและแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง โรคหัวใจ โรคปอด และสาขาอื่น ๆ ตามที่ได้รับรายงานว่านายราเกซมีอาการเจ็บป่วยด้านใด ซึ่งข้อมูลส่วนนี้จะถูกส่งถึงตนโดยตรง เมื่อเดินทางมาถึง บก.ป.ทีมแพทย์ก็จะตรวจเพื่อประเมินอาการในเบื้องต้นได้ทันที
พล.ต.ต.นพ.อรรถพันธ์ กล่าวต่อว่า การวินิจฉัยอาการของโรคก็สามารถดำเนินการได้ทันที และโดยทั่วไปแล้วอาการของผู้ป่วยซึ่งถึงขั้นไม่สามารถให้การได้นั้นคงจะเป็นอาการทางสมอง ส่วนโรคอื่นๆ ที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจส่งผลในการให้การของผู้ต้องหา คือ อาการของโรคความดัน โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตาม อาการของโรคเหล่านี้แพทย์ใช้เวลาเพียงไม่นานก็ประเมินได้ว่า ผู้ป่วยมีความพร้อมกับการให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่หรือไม่หรือควรจะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนกรณีหลังจากการส่งตัวไปดำเนินคดีในชั้นศาลและถูกคุมขังในเรือนจำนั้นตามปกติเรือนจำต่างๆ ก็มีแพทย์ประจำอยู่แล้ว แต่หากผู้ต้องหาร้องขอกับทางตำรวจก็อาจมีการพิจารณ่าส่งแพทย์ไปดูแลได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีการตรวจร่างกายของนายราเกซนั้น ทางทีมแพทย์ได้ทำหนังสือยินยอมการตรวจร่างกายและเปิดเผยผลตรวจให้นายราเกซ ได้เซ็นชื่อยินยอมไว้แล้ว ก่อนที่แพทย์ผู้ตรวจจะนำข้อมูลที่ได้รับมาเปิดเผยเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการละเมิดสิทธิจนอาจเป็นเหตุให้ถูกฟ้องร้องในภายหลังได้
หลังจากนั้น พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.ก.ได้เดินทางมาตรวจความพร้อมที่กองปราบปราม ก่อนเปิดเผยว่า การสอบปากคำผู้ต้องหาต้องดูสภาพร่างกายของนายราเกซ แต่ทางตำรวจก็จะพยายามสอบปากคำให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้เนื่องจากตำรวจมีอำนาจในการควบคุมตัวได้เพียง 48 ชั่วโมง และต้องควบคุมตัวผู้ต้องหาไปขออำนาจศาลฝากขังไม่เกินเวลา 12.00 น.วันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.)
ต่อมาเวลา 21.45 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้ช่วยผบ.ตร.ในฐานะโฆษก ตร.เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับการยืนยันว่า เครื่องบินจะลงที่สนามบินสุวรรณภูมิในเวลา 22.45 น. ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม พร้อมคณะพนักงานสอบสวน และล่าม รวมถึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปรออยู่ที่สนามบินแล้ว โดยหลังจากนายราเกซลงเครื่องมาแล้ว ท่านรองอัยการสูงสุดหัวหน้าคณะก็จะมอบตัวนายราเกซให้กับตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จากนั้นก็จะทำการแจ้งข้อหารวมทั้งสอบปากคำเบื้องต้นประมาณ 30 นาที จากนั้นเจ้าหน้าที่กองปราบปรามก็จะนำตัวนายราเกซมายังกองปราบปรามซึ่งใช้เป็นสถานที่ควบคุมตัวโดยใช้เวลาในกากรเดินทางอีกประมาณ 40 นาที ฉะนั้นก็จะเดินทางมาถึงกองปราบปรามประมาณ 24.00 น.
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวต่อว่า เมื่อมาถึงกองปราบปรามแล้วคณะแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจก็จะทำการตรวจสุขภาพนายราเกซ เพื่อดูว่าสถานภาพทางร่างกายและจิตใจของนายราเกซเป็นอย่างไรบ้าง จากนั้นแพทย์ก็จะลงความเห็น ถ้าแพทย์ลงความเห็นว่า มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี สามารถที่จะให้ถ้อยคำได้ พนักงานสอบสวนก็จทำการสอบปากคำนายราเกซให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้ ก่อนที่จะนำตัวไปฝากขังที่ศาลในเช้าวันพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) โดยจะเดินทางออกจากกองปราบปรามในเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งหากศาลรับฝากขังทุดอย่างก็จะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย กระบวนการของราเกซก็จะเข้าสู่ความดูแลของเรือนจำต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ประสานกับคณะที่ไปรับนายราเกซหรือไม่ว่าอาการป่วยของนายราเกซในขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า จากการประสานกันล่าสุดที่ช่วงที่กำลังเปลี่ยนเครื่องที่กรุงปักกิ่ง ก็ยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อมาถึงกองปราบปรามแล้ว คณะแพทย์ก็จะทำการตรวจร่างกายอีกครั้ง และจะถือว่าเป็นคำวินิจฉัยสุดท้าย หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น คืนนี้นายราเกซก็จะนอนอยู่ที่ห้องขังของกองปราบปราม โดยขณะนี้เจ้าตัวก็ไม่ได้ร้องขออะไรเพิ่มเติม และยินดีที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่กับพนักงานสอบสวน