“เด็จพี่” ได้ทีซูฮก “หมอบรรลุ” ตรงฉินสอบโกงไทยเข้มแข็ง สะแหลนจี้ “มาร์ค” ไขก๊อกเฉย? ปูดข้าราชการ กอ.รมน.ร้องไม่ได้เงินมา 6 เดือน จี้แจงใครอม ระแวงจัด อ้าง “ป๋า” แต่งชุดทหารเต็มยศส่งสัญญาณปฏิวัติเหมือน 19 กันยา
วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่ นพ.บรรลุ ศิริพานิช ประธาน คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีร้องเรียนทุจริตโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข รายงานผลสอบต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าการดำเนินงานของรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่บางคนของกระทรวงฯ ส่อไปในทางทุจริตว่า ตนขอชื่นชม นพ.บรรลุที่ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างตรงไป ตรงมาด้วยความยุติธรรม คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน และเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ถึงแม้รัฐบาลจะเป็นผู้แต่งตั้งให้เข้ามาตรวจสอบก็ตาม และจากผลสอบนั้นเห็นได้ชัดว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข นายมานิต นพอมรวดี รมช.สาธารณสุข และข้าราชการการเมือง 2 คน รวมทั้งยังมีข้าราชการในกระทรวงอีก 8 คน รวม 12 คนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตาม ขอตำหนินายวิทยาที่ไปกล่าวหาว่าการสอบสวนอาจมีประเด็นการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะเหมือนถ่มน้ำลายรดตัวเองทั้งๆ ที่เป็นคนตั้ง นพ.บรรลุให้สอบสวนเองแต่กลับไม่เชื่อในผลการสอบ
นายพร้อมพงศ์กล่าวอีกว่า ตนขอเรียกร้องนายอภิสิทธิ์ในฐานะผู้นำสูงสุดในรัฐบาลให้ดำเนินการกับบุคคลทั้ง 12 คนอย่างจริงจังเพื่อเป็นตัวอย่าง การกระทำที่ส่อไปในทางที่ผิด เป็นถึงรัฐมนตรีที่มีการทำงานส่งผลต่อบ้านเมือง ดังนั้น ขอให้ลาออก แต่ไม่ใช่การตัดตอนเพื่อให้พ้นผิดเหมือนกรณีปลากระป๋องเน่า ที่สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครผิด สำหรับนายอภิสิทธิ์ที่มีสถานะเหนือกว่านายวิทยานั้น ต้องแสดงความรับผิดชอบสูงกว่าเหมือนที่นายอภิสิทธิ์เคยพูดว่า ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลระงับการดำเนินงานภายใต้โครงการไทยเข็มแข็งซึ่งมีวงเงินถึง 1.4 ล้านล้านบาทไว้ก่อนจนกว่าจะตรวจสอบได้ว่าการทำงานเป็นไปอย่างสุจริตโปร่งใส อีกทั้งพฤติกรรมของรัฐบาลที่สื่อมวลชนตั้งฉายาว่า รัฐบาลใครเข้มแข็งนั้น สะท้อนให้เห็นการทำงานของรัฐบาลได้เป็นอย่างดีว่า เป็นการทำงานแบบพวกมากลากไป โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของใคร
นายพร้อมพงศ์กล่าวต่อว่า ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนจากข้าราชการในสังกัดกองอำนวยการรักษาความ มั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จากทั่วประเทศว่า รัฐบาลไม่ได้จ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงเป็นเวลาถึง 6 เดือนแล้ว โดยระบุว่าการที่กำนัน ผู้ใหญู่บ้าน ไม่ได้เงินเบี้ยเลี้ยงหรือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุนั้น จ่ายไม่ครบตามกำหนดเวลายังแค่ตกใจ แต่กรณีนี้ผ่านมา 6 เดือนยังไม่ได้รับเบี้ยเลี้ยงทำให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก ขอทวงถามไปถึงนายกรัฐมนตรีว่า สาเหตุที่ไม่จ่ายเบี้ยเลี้ยงนั้นเป็นเพราะรัฐบาลถังแตกหรือมีใครที่อมเงิน ไว้โดยไม่ยอมจ่าย ขอให้ตรวจสอบโดยเร็วที่สุดเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ให้ชัดเจน
นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ สวมเครื่องแบบทหารบกเต็มยศ ต้อนรับบุคคลที่เข้าอวยพรเนื่องในเทศกาลปีใหม่ว่า ตนมองว่าการแต่งกายดังกล่าวอาจมีนัยยะแอบแฝง เพราะย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติเมื่อเดือนกันยายน 2549 นั้น พล.อ.เปรมได้สวมเครื่องแบบในลักษณะเช่นเดียวกันจากนั้นจึงเกิดการปฏิวัติ และวันนี้ตนได้ทราบข่าวเชิงลึกมาว่าอาจมีเรื่องการปฏิวัติเกิดขึ้นอีก จึงขอตั้งข้อสังเกตว่าตำแหน่งองมนตรีนั้นไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองได้ ดังนั้นการแต่งตัวในลักษณะดังกล่าวถือเป็นการส่งสัญญาณทางการเมือง เพื่อข่มขู่ประชาชนที่จะออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมหรือไม่ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่สะท้อนให้เห็นว่าบ้านเมืองปกครองแบบประชาธิปไตยที่ไม่เต็มใบ และอาจเกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนกรณี 19 ก.ย.2549
