“ส.ว.สมชาย” สุดผิดหวัง สื่อตั้งฉายาวุฒิสภา “ตะแกรงก้นรั่ว” ซัดไม่แฟร์ เอาเหตุการณ์เดียวเขียน ยันตรวจสอบรัฐบาลอภิสิทธิ์ตลอด ระงับกฎหมายให้แก้ไขหลายฉบับ รับสรรหาขัดแย้งเลือกตั้งจริง จวก “วิชาญ” เขียนมั่วซั่ว เห็นใจ “ประสพสุข” หลักเลื่อน ชี้ทำหน้าที่ถูกแล้ว ต้องเป็นกลาง บอกเจอมากับตัวไม่ใช้สแตนด์อิน ถ่อยจริงๆ สภาฯล่าง
วันนี้ (28 ธ.ค.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา และแกนนำกลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณีสื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายาวุฒิสภาประจำปี 2552 ว่า “ตะแกรงก้นรั่ว” ว่า ฟังชื่ออาจจะพอไปได้ แต่เมื่อดูคำอธิบายแล้วตนไม่เห็นด้วย และคิดว่าไม่แฟร์เท่าไหร่ เพราะเป็นการนำปรากฏการณ์ตอนเดือนท้ายๆ เพียงเหตุการณ์เดียวมาเขียน ทั้งที่ควรประเมินทั้งปี จึงรู้สึกผิดหวังกับผู้ที่ตั้งฉายาให้ โดยวุฒิสภาปีนี้ทำงานได้ดีพอสมควร ในแง่การตรวจสอบก็ขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 1 ครั้ง เท่ากับ 2 รัฐบาลก่อนหน้านี้ ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ก็ยื่นตรวจสอบรัฐมนตรีทุกพรรค และทุกรัฐบาลอย่างเสมอหน้า แต่ยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องตั้งกระทู้ถาม เพราะระบบจัดการทางธุรการทำให้กระทู้ถามไม่ตรงสถานการณ์
ส่วนงานด้านกฎหมายที่สำคัญสุด คือ วุฒิสภาเป็นผู้แก้ไขร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 4 แสนล้าน ที่ต้องได้รับการตรวจสอบโครงการ ส่วนงานด้านตรวจสอบนโยบายรัฐบาล โครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคัน วุฒิสภาก็มีส่วนตรวจสอบทำให้โครงการต้องชะลอลง ส่วนโครงการชุมชนพอเพียงและโครงการไทยเข้มแข็งในกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมาธิการสามัญของวุฒิสภา 2 คณะ ก็ตรวจสอบและมีข่าวออกมาเนืองๆ ฉะนั้น ปีนี้วุฒิสภามีผลงานออกเป็นระยะ
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนความขัดแย้งระหว่าง ส.ว.สรรหา และส.ว.เลือกตั้ง ยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงเพราะมีที่มาต่างกัน ส่วนเรื่องที่นายวิชาญ ศิริชัยเอกวัฒน์ ส.ว.สรรหา ออกหนังสือให้ ส.ว.ทบทวน การทำหน้าที่ตนเองโดยเฉพาะการพิจาณากฎหมายตรวจเงินแผ่นดินนั้น นายวิชาญเขียนไม่รอบด้าน ทั้งนี้ มีบางฝ่ายพยายามจะล้มกฎหมายนี้มาตลอด เพราะกฎหมายนี้เปิดอีกช่องทางเพื่อจะส่งเรื่องตรวจสอบไปศาลได้ และสภาผู้แทนฯก้แก้ไขมา 50 มาตราแล้ว และยิ่งได้คุยกับวิปรัฐบาลทราบว่า ถ้าวุฒิสภาแก้ไขก็ต้องมีการตั้งกรรมาธิการร่วมกันของสองสภา พรรคร่วมรัฐบาล จะไม่ยอมให้ผ่านแน่ จึงต้องเดินหน้า เพราะไม่ง่ายที่กฎหมายปราบทุจริตจะออกได้ในช่วงเวลาปกติ นอกจากนี้ กฎหมาย ป.ป.ช.หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับศาล เกี่ยวข้องกับผู้ที่มีส่วนสรรหา ส.ส.ทั้งสิ้นยังไม่มีปัญหา ฉะนั้นถ้าพูดแบบนี้ถือว่าดูถูกวุฒิสภาเกินไป
นายสมชายกล่าวอีกว่า ส่วนที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภาตั้งฉายาประธานวุฒิสภาว่า “ประธานหลักเลื่อน” ตนเห็นใจประธานวุฒิสภาเพราะมาจากศาล และในใจประธานวุฒิสภาต้องการเห็นความประนีประนอมจึงไม่พยายามไปข้างใด และอะไรช่วยลดความขัดแย้งได้ ประธานวุฒิสภาถ้าพยายามทำ ฉะนั้นเมื่อไม่ยืนข้างใดจึงโดนฝ่ายที่ไม่พอใจโจมตี ทั้งนี้ กรณีรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าประธานวุฒิสภาทำถูกแล้ว เพราะวุฒิสภาเป็นผู้สังเกตการณ์ไม่ใช่จะไปเจรจาตกลงกับฝ่ายอื่นได้ ส่วนเรื่องที่ประธานวุฒิสภาอนุมัติให้ ส.ว.เดินทางไปต่างประเทศกันบ่อยๆนั้น คิดว่าเป็นปัญหาจริง แต่ก็เพราะประธานพยายามลดราวาศอก แต่ตนคิดว่าสังคมต้องการให้ประธานมีจุดยืนที่เข้มแข็งในเรื่องนี้ และไม่ประนีประนอมกับความไม่ถูกต้อง ส่วนฉายาอื่นๆ เช่น ของประธานสภาผู้แทนราษฎร ตนเห็นด้วย เพราะชั้นเชิงนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ แพรวพราว แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ และคนอื่นๆ ที่เป็นประธานถือว่าห่างชั้นมาก ส่วนฉายาสภาผู้แทนราษฎร ตนเห็นด้วย เพราะเจอมาเอง โดยตอน ส.ว.ไปประชุมร่วมรัฐสภา ส.ส.ฝ่ายค้านด่าหยาบคายใส่ ส.ว.หญิง ฉะนั้นสภาผู้แทนฯ ต้องปรับปรุงเยอะ