“โฆษกมาร์ค” จี้ “แม้ว-แก๊งหัวขวด-เพื่อไทย” รับผิดชอบขบวนการปูดเอกสารลับ ขยายผลความแตกแยกระดับประเทศบรรุผล หนุน การทูตทำความเข้าใจ 2 ประเทศ ปัดไทยทำปฏิวัติในเขมร ท้า “นช.แม้ว” อย่าปากดีให้เร่งแปลเอกสารลับลงเว็บไซต์ จะได้ฟ้องร้องพ่วงไปกับแก๊ง 3 เกลอเผื่อจะได้ขังรวม
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำพรรคเพื่อไทย เคลื่อนไหวเกี่ยวกับกรณีเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศว่า ตนคิดว่าความเคลื่อนไหวของนายจตุพรที่มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศ ได้ขยายผลจากเรื่องภายในประเทศไปสู่ต่างประเทศ ตามความคาดหมายแล้ว เพราะในเอกสารที่เป็นภาษาไทย ก็ยังคงบิดเบือนเนื้อหาค่อนข้างมาก และเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวเมื่อตกไปถึงมือสมเด็จฯ ฮุนเซน ได้มีการแปลเป็นภาษาเอกสารเขมร ตนคิดว่าน่าจะมีการบิดเบือนไปมากกว่าที่เป็นภาษาไทย
ดังนั้นจึงอยากถามหาความรับผิดชอบจากคนของพรรคเพื่อไทยว่า จะรับผิดชอบต่อความแตกแยก ความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้นนี้อย่างไร ซึ่งการที่สมเด็จฯ ฮุนเซนระบุว่า ประเทศไทยจะทำการปฏิวัติในเขมร อยากถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะยุคนี้ประเทศไทย โดยเฉพาะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่เคยคิดแทรกแซงประเทศเพื่อนบ้าน มีแต่ประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้นที่มาก้าวล่วงและแทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งความตั้งใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ล้วนแต่ต้องการให้ประเทศเพื่อนบ้านของไทย กดดันประเทศไทย โดยลืมนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ทุกวันนี้จะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามเคลื่อนไหว เพื่อกดดันประเทศไทยเพียงแต่ไม่มีประเทศใดเอาด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นได้จากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปพำนักที่ประเทศจีนและฮ่องกง ซึ่งวันนี้ประเทศจีนก็ออกมาระบุว่า ไม่ต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะเลือกเอาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยมากกว่าความสัมพันธ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ละความพยายาม ที่จะไล่บี้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศลาว เวียดนาม มาเลเซีย หรือแม้แต่พม่าที่จะส่ง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบผู้นำพม่า แต่อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าประเทศเหล่านี้ ยังยึดผลประโยชน์ประเทศชาติมากกว่าผลประโยชน์ส่วนบุคคล หากสมเด็จฯ ฮุนเซนจะเข้าใจผิดว่าประเทศไทยแทรกแซงประเทศกัมพูชา สนับสนุนให้มีการปฏิวัติกัมพูชา ตนจึงอยากให้การทูตของทั้ง 2 ประเทศได้ทำความเข้าใจ เพื่อที่จะมีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ตรงกัน
นายเทพไทกล่าวว่า การเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวที่จะมีการเปิดเอกสารลับ ซึ่งวันนี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีทั้งนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายกอบแก้ว พิกุลทอง และนายจตุพร แกนนำกลุ่ม นปช. มีเพียง พ.ต.ท.ทักษิณที่ประกาศออกมาว่าจะแปลเอกสารดังกล่าว และเผบแพร่ในเว็บไซต์ วันนี้ตนก็รอคอยอยู่ แต่เหตุใดถึงยังไม่แปล จะอ้างว่าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงหรือกลัวถูกดำเนินคดีด้วย หาก พ.ต.ท.ทักษิณทำตามที่ประกาศไว้ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ ก็ขอให้แปลลงเว็บไซต์ เพื่อจะได้ฟ้องร้องให้ตกเป็นผู้ต้องหาอีกคดีหนึ่ง และเมื่อศาลตัดสินว่ามีความผิดทั้งหมดก็จะถูกจับไปขังรวมกันระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ทวิตเตอร์ที่ระบุว่าจะสู้ไม่เลิกจนกว่าอำมาตย์จะเลิกสร้างความเป็นเผด็จการและ 2 มาตรฐานนั้น นายเทพไทกล่าวว่า อยากถามว่าทุกวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณกำลังสู้กับใครที่สู้ไม่เลิก ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนกับคนที่มีบ่วงติดคอ ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรัดและจะรัดคอตัวเอง ซึ่งความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ทวิตเตอร์ออกมา เป็นรายวัน ก็น่จะเป็นเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณว่างงาน หรือว่าจิตฟุ้งซ่าน เพราะล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องไร้สาระ เช่น กรณีที่ทวิตเตอร์มาเหน็บแนมนายกฯ ซึ่ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังต้องการสื่ออะไร ถือเป็นเรื่องไร้สาระ ดังนั้น ตนคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีจิตใจเป็นอย่างไรจึงต้องแสดงออกผ่านทวิตเตอร์ของตัวเอง รวมถึงการการชุมนุมจ.มหาสารคาม ซึ่งจะมีการเลือกตั้งซ่อม พ.ต.ท.ทักษิณก็ใช้ลูกไม้เดิมๆ ด้วยการโฟนอินออดอ้อนขอคะแนน โดยอ้างว่าถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยมากๆ แล้วจะสามารถพาตัวเองกลับประเทศได้ ตนจึงอยากบอกว่าถ้าเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กลับมาไม่ได้ กลับมาก็ต้องติดคุก เว้นแต่จะไม่ยอมติดคุกก็ต้องหนีคดีให้หมดอายุความ ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรเอาผลการเลือกตั้งหรือพลังมวลชนมาบีบ เพื่อช่วยตัวเองให้ออกจากคุก
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศออกมาว่าจะสู้ไม่ถอย ถือเป็นการส่งสัญญาณให้คนเสื้อแดงที่มีวาระในการชุมนุมตลอดทุกสัปดาห์ไม่เว้นแม้แต่ช่วงปีใหม่ ซึ่งการที่กลุ่มเสื้อแดงจะชุมนุมใมนวันที่ 27 ธ.ค.นี้ ถือเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทั้งประเทศฉลองปีใหม่ บุคคลเหล่านี้กลับอ้างว่าเป็นการรำลึกถึงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช การยกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาอ้าง และเอา พ.ต.ท.ทักษิณมาเทียบเคียงนั้น ดังนั้น อยากบอกว่าไม่ควรเอา พ.ต.ท.ทักษิณมาเทียบเคียง เพราะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นคนกู้ชาติ และพ.ต.ท.ทักษิณเป็นคนขายชาติ
ส่วนการที่คนเสื้อแดงไปปิดล้อม กกต. และแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนั้น นายเทพไทกล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงสร้างความหวั่นไหวให้กกต.พอสมควร มิฉะนั้น นางสดศรี สัตยธรรม กกต.คงไม่ออกมาระบุว่าจะลงคะแนนยุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งท่าทีที่ออกมาจาก กกต.ก็จะทำให้คนเสื้อแดงได้ใจและจะเคลื่อนไหวกดดันไปเรื่อยๆ จนได้เสียงข้างมาก ดังนั้น ตนไม่อยากเห็นสังคมเป็นเช่นนี้เพราะการตัดสินใจใดๆ ต้องยึดหลักกฎหมาย ข้อมูลข้อเท็จจริงมากกว่าการใช้มวลชนไปกดดัน ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วกระบวนการยุติธรรมของไทยจะอยู่ได้อย่างไร เพราะเมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่พอใจก็ใช้กลุ่มมวลชนเข้าไปกดดัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น สิ่งที่นายจาตุรนต์ออกมาวิจารณ์ว่า กกต.ใช้ลูกไม้ตื้นๆ ซึ่งถือว่านายจาตุรนต์ไม่รู้ขั้นตอนข้อกฎหมายและขั้นตอนพิจารณาของ กกต. เพราะนายจาตุรนต์มีความรู้ด้านกฎหมายตื้นๆ จึงออกมาเคลื่อนไหวและพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์กรณีเงิน 258 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แต่คนเหล่านี้ก็พยายามยัดเยียด ให้พรรคประชาธิปัตย์มีความผิด โดยพยายามบอกว่าถ้าไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ถือว่า กกต.ทำงาน 2 มาตรฐาน ดังนั้น จึงอยากให้เอาข้อเท็จจริงมาดู ซึ่ง กกต.ชุดนี้เคยให้ใบแดง ใบเหลืองกับพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยโอดครวญ และต่อสู้ตามกระบวนการ ยอมรับมติ แต่เชื่อว่าสัณชาตญาณเสือโดนเตะนิดเตะหน่อยก็คงจะไม่ร้อง แต่ถ้าเป็นสัณชาติญาณอื่นก็อาจจะร้องครวญครางเมื่อโดนกับตัวเอง ดังนั้น การที่กล่าวหาว่ากกต.ได้ทำตามแผนบันได 4 ขั้นของ คมช. ทั้งนี้จะกล่าวหา คมช. หรือ กกต.อย่างไรก็ได้ แต่ไม่ควรมาเชื่อมโยงกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคสู้ตามข้อเท็จจริง หากผิดก็คิดว่าหนีความผิดไม่พ้น