“เทพเทือก” โวผลงานรัฐบาลทำยางราคาสูง ฟุ้งเจรจาประธานาธิบดีอินโดนีเซียสำเร็จ ยึดระดับราคาไม่ให้ตก เล็งดึงญวนร่วมแก๊ง ยันอิเหนาหนุนรัฐแก้ดับไฟใต้ พร้อมแจงแทนไทยในที่ประชุมมุสลิม จี้ชาติอื่นอย่าก้าวก่ายกิจการภายใน แย้มเล็งลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปเยือนประเทศอินโดนีเซียว่า ได้พบกับนายสุสิโล บัมบัง ยุโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ซึ่งได้มีการเจรจาเพื่อให้อินโดนีเซียร่วมมือกับไทยในการรักษาเสถียรภาพของราคายางพารา เพราะไทยและอินโดฯ เป็น 2 ประเทศที่ขายยางพาราสู่ตลาดโลกมากที่สุดประมาณ 80% และได้บอกไปว่ารัฐบาลชุดนี้ใช้เวลา 1 ปีในการทำให้ราคายางมาอยู่ที่ 80 กว่าบาท จาก 47 บาท ซึ่งหน้าที่ต่อไปของเราก็คือต้องรักษาระดับราคาที่กิโลกรัมละกว่า 80 บาทนี้ให้อยู่ต่อไป ไม่ให้เกิดการผันผวน ซึ่งจะทำให้เกษตรกรสวนยางมีรายได้ที่มั่นคงและเป็นรากฐานในการแก้ไขปัญหา เศรษฐกิจของรัฐบาลที่สำคัญด้วย
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ประธานาธิบดีอินโดฯ ได้แสดงความชื่นชมรัฐบาลไทยที่สามารถแก้ปัญหาราคายางพาราได้สำเร็จเพราะถือว่า เป็นผลดีต่อเกษตรกรสวนยางในอินโดฯ และประเทศอื่นด้วย ดังนั้น ทางอินโดฯ จึงบอกว่าพร้อมที่จะสนับสนุนมาตรการของประเทศไทยในการรักษาเสถียรภาพยางพารา ให้เกินกิโลกรัมละ 80 บาท หรือตันละ 2,600 เหรียญสหรัฐ และจะร่วมมือกับบรรดาพ่อค้าผู้ส่งออกในอินโดฯดำเนินการในทิศทางเดียวกับที่รัฐบาลไทยทำ คือจะไม่ขายยางพาราออกสู่ตลาดโลกในราคาที่ต่ำกว่าตันละ 2,600 เหรียญสหรัฐ ซึ่งหาก 2 ประเทศทำอย่างนี้ก็จะทำให้เสถียรภาพราคายางในตลาดโลกดี ทั้งนี้ ได้หารือด้วยว่าจะนำเรื่องของยางพารานี้เป็นเรื่องหนึ่งในเวทีของอาเซียน ในการเจรจากรอบความร่วมมือของอาเซียนทางเศรษฐกิจให้บรรจุเรื่องยางพาราเข้าไปด้วย และหลังจากนี้ก็จะเชิญให้ประเทศเวียดนามเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มไตรภาคีของผลิตยางที่เดิมมีอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ก็จะชวนเวียดนามเข้ามาอีกประเทศหนึ่ง เพราะเวียดนามมีตัวเลขส่งออกยางอยู่พอสมควร
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า ได้บอกกับประธานาธิบดีอินโดฯ ไปด้วยว่า ทางไทยมีเป้าหมายที่จะทำสต็อกยางพาราประมาณ 3 แสนตัน เป็นสต็อกภายในของเราโดยเป็นความร่วมมือระหว่างรัฐบาลกับเอกชน ซึ่งรัฐบาลอินโดฯ ก็อาจจะดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับเราก็ได้ อย่างไรก็ตาม ตนจะนำเรื่องที่ไปเจรจากับรัฐบาลอินโดฯ เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายยางพารา และจะเสนอให้แก้ไขกฎหมายกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางเพื่อจะขยายกองทุนให้โตขึ้น ทั้งนี้เพื่อนำไว้ใช้เป็นสวัสดิการสำหรับชาวสวนยางรายย่อยและผู้ใช้แรงงาน ชาวสวนยางทั้งหลาย
“การเดินทางไปอินโดนีเซียครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เพราะประธานาธิบดีอินโดฯ เข้าใจปัญหายางพาราและเข้าใจมาตรการต่างๆ ซึ่งท่านบอกว่าติดตามและเอาใจช่วยมาโดยตลอด ขอให้สำเร็จ” รองนายกฯ กล่าว
นอกจากนี้ นายสุเทพยังกล่าวถึงการหารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เรื่องปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ได้กำหนดนโยบายชัดเจนว่าการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นจะต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่มีการเข่นฆ่าหรือทำร้ายประชาชน จะผิดหรือถูกต้องว่ากันตามกฎหมาย และในการแก้ปัญหาภาคใต้นั้นรัฐบาลไทยมุ่งที่จะพัฒนา ยกระดับคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นตามแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ พระราชทานเอาไว้ว่าเข้าใจ เข้าถึงและพัฒนา โดยรัฐบาลได้ทุ่มเงินงบประมาณถึง 64,000 ล้านบาท เพื่อจะพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารที่ส่งลงไปนั้นก็เพื่อไปคุ้มครองให้ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของ ประชาชนเท่านั้น ไม่ได้เอาไปเข่นฆ่าสังหารประชาชนอย่างที่เคยมีมาในอดีต
ประธานาธิบดีอินโดนีเซียบอกกับตนว่า ได้ติดตามเรื่องราวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดเวลาและเข้าใจดีเพราะอินโดนีเซียเคยมีประสบการณ์เรื่องนี้ เคยมีปัญหาที่อาเจะห์และติมอร์ ซึ่งนายสุสิโล ยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องภายในของไทย ซึ่งอินโดนีเซียในฐานะที่เป็นเพื่อนบ้านที่ดีในฐานะที่เป็นสมาชิกอาเซียนด้วยกัน ขอเอาใจช่วยรัฐบาลไทยทุกอย่าง และพร้อมที่จะสนับสนุนแนวทางในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไทยทุกประการ และได้ให้การรับรองว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยทำนั้นถูกต้องแล้วและฝากตนมาบอกนายกฯ ว่า หากมีอะไรที่คิดว่ารัฐบาลอินโดนีเซียจะสนับสนุนได้มากกว่านี้ก็ให้แจ้งไป ทั้งนี้ นายสุสิโลยังได้ชี้แจงข้อเท็จจริงในที่ประชุมมุสลิม (OIC ) แทนไทย แล้วได้บอกประเทศมุสลิมทั้งหลายว่าให้ถือว่าปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็น เรื่องของไทย ขอประเทศอื่นอย่าได้เข้ามาแทรกแซงก้าวก่าย
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้บอกว่า หากมีโอกาสมาเยือนประเทศไทยอีกก็ขอให้ช่วยจัดให้ท่านลงไปเยี่ยมประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย และในระหว่างนี้รัฐบาลอินโดนีเซียจะตั้งคณะทำงานพิเศษศึกษาดูว่ามีอะไรบ้างที่รัฐบาลอินโดนีเซีย จะช่วยเหลือสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาได้บ้าง เช่น การให้ทุนการศึกษานักเรียนในจังหวัดภาคใต้ไปเรียนระดับมหาวิทยาลัยในอินโดนีเซีย หรือการส่งทีมเข้ามาสนับสนุนสิ่งที่รัฐบาลไทยส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ ส่วนเรื่องการโปรยใบปลิวว่าจะก่อเหตุในช่วงปีใหม่ในพื้นที่ภาคใต้นั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ถือเป็นภาวะที่ไม่ปกติอยู่แล้ว และตอนนี้บังเอิญมีพายุ มีมรสุมโหมเข้ามาทุกด้าน รัฐบาลก็มีหน้าที่ตั้งรับและแก้ไขปัญหาไป ต้องตั้งใจให้มั่น และร่วมมือร่วมใจกันทั่วประเทศเผชิญหน้าสู้กับปัญหา และเราต้องฝ่าฟันไปให้ได้ ซึ่งก็คงต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่จะต้องทำเรื่องการข่าวต่อไป
