“เลขาฯ กกต.” เผยนายทะเบียนพรรคฯตั้งคณะทำงานเพิ่ม 1 ชุด ดูกฎหมาย พ.ร.บ.พรรคการเมือง ยันเปลี่ยนมติเงินบริจาค 258 ล้านบาทได้ หากมีข้อมูลเสริม โต้ “จาตุรนต์” ปัดยื้อเวลารอแก้รัฐธรรมนูญช่วยประชาธิปัตย์ ลั่นยังไม่รู้รัฐจะแก้หรือไม่ เมื่อไหร่
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวถึงความคืบหน้า การพิจารณา 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ขณะนี้ทราบว่านายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมา 1 ชุด โดยมีผู้แทนจากด้านกิจการพรรคการเมือง และจากสำนักกฎหมายและคดี เพื่อมาดูในเรื่องข้อกฎหมาย พ.ร.บ.พรรคการเมือง เพราะขณะที่ร้องนั้นเป็นการร้องในความผิดของกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2541 แต่ปัจจุบันเป็นการใช้กฎหมายใหม่ปี 50 ดังนั้นจึงต้องดูอย่างรอบครอบ และเรื่องนี้คณะอนุกรรมการสืบสวนสอบสวนก็ไม่ได้พิจารณามาให้ ทั้งนี้การตั้งคณะทำงานขึ้นมาไม่ได้เป็นการยื้อเวลาอย่างที่บางฝ่ายกล่าวหา
นายสุทธิพลกล่าวว่า ซึ่งการดำเนินการในขณะนี้เป็นการดำเนินการตามมติเสียงข้างมาก ที่ให้นายทะเบียนพรรคการเมืองมาดำเนินการตามมาตรา 95 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ซึ่งก็ต้องดูอีกครั้งหากมีข้อเท็จจริงใหม่ หรือนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า มีหลักฐานใหม่แล้วมีความชัดเจนการลงมติก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งในอดีตเคยมีแต่ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดขึ้นบ่อย เช่นเดียวกับหลายหน่วยงาน แต่ต้องดูตามเหตุผลที่สามารถต้องอธิบายได้ ซึ่งเชื่อว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงมติจริงๆ นายทะเบียนก็จะต้องมีเหตุผลอธิบายต่อสังคมได้ ทั้งนี้ยอมรับว่าการทำงานของนายทะเบียนพรรคฯ และกกต. อยู่ภายใต้การกดดันของกระสังคม ซึ่ง กกต.จะไปทำตามกระแสไม่ได้ เพราะจะเกิดผลกระทบ ซึ่งการทำงานของ กกต.ที่ผ่านมา สำหรับเรื่องนี้ใช้เวลากว่า 7 เดือน ก็ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผิดปกติ เพราะทุกอย่างมีขั้นตอน ส่วนที่ทุกคนเห็นว่าช้า ก็เนื่องจากว่าเรื่องของกรณีดังกล่าวมีความซับซ้อนของเรื่อง มีทั้งประเด็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ ที่ดีเอสไอสอบสวนมา และในส่วนของประเด็น พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่ต้องดำเนินการ จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่นายทะเบียนพรรคฯ จึงต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาอีก 1 ชุด เพื่อความรอบคอบ เนื่องจากฐานความผิดแตกต่างกัน
ส่วนที่ กกต.ทำงานช้าเพราะต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นการยุบพรรค เพื่อช่วยเหลือพรรคประชาธิปัตย์ อย่างที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย คาดการณ์ไว้หรือไม่นั้น นายสุทธิพลกล่าวว่า กรณีดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ และถ้าหากแก้ไขจริงก็ต้องใช้เวลาซึ่งการพิจารณาคดีดังกล่าวคงไม่ใช่เวลานาน ขนาดนั้น ตนขอย้ำว่า กกต.เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ทำงานด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม ขณะที่ผลการลงมติของ กกต.ที่พิจารณาในเนื้อหาไปแล้ว 2 คน จะมีผลผูกพันหรือไม่ หากต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหลังจากนายทะเบียนพรรคฯ เสนอความเห็น ก็เป็นดุลพินิจของ กกต.แต่ละคน เหมือนกับที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาที่มีคำพิพากษาไปแล้ว แต่หากต่อไปมีข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ศาลก็เคยมีการประชุมใหญ่เพื่อลงมติที่อาจจะมีความแตกต่างกันกับตอนแรกได้ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง