“เทพเทือก” ลั่น รัฐบาลไม่คิดแทรกแซงเขมรทำรัฐประหาร ยัน “อภิสิทธิ์” ไม่คิดร้าย เชื่อ “ฮุนเซน” รับข้อมูลมั่ว ครวญสักวันคงจะเข้าใจ สวน "ปณิธาน" แนะกต.เร่งชี้แจง เผยผู้นำอิเหนาห่วงสัมพันธ์ไทยเขมร บอกถ้าเจอ “ฮุนเซน” จะเคลียร์ให้ แต่ปัดจุ้นเป็นกาวใจ - คุยคำโต 1 ปี ไม่เคยจุ้นงานตำรวจ โวทำ สตช.ก้าวหน้า ย้ำโยกย้ายนายพลตามความเหมาะสม
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (25 ธ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงความสัมพันธ์ของไทยและกัมพูชาว่า ในการหารือกับนายสุสิโล บัมบัง ยุโดโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซียนั้น ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องนี้ด้วย โดยบอกว่า ในฐานะสมาชิกอาเซียน อยากเห็นไทยและกัมพูชาสามารถคลี่คลายปัญหาข้อขัดข้องหมองใจกันได้โดยเร็ว หรืออย่างน้อยที่สุด อย่าทำให้ปัญหานี้ขยายตัวมากขึ้น ซึ่งอินโดนีเซียได้ติดตามปัญหาความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้เข้าใครออกใคร เพียงแค่อยากเห็นทั้ง 2 ประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพราะจะได้มีผลทำให้อาเซียนเข้มแข็งไปด้วย ซึ่งตนได้บอกประธานาธิบดีอินโดนีเซียไปว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นมาจากที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาและไปพักอยู่ที่นั่น ซึ่งรัฐบาลไทยก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายคือขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษตามคำพิพากษาของศาล แต่รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธ หลังจากก็มีการตอบโต้กันมาเรื่อยจึงเป็นปัญหา ซึ่งประธานาธิบดีอินโดนีเซียก็บอกว่าตอนนี้ก็คงต้องรักษาสถานการณ์อย่างนี้ไปก่อน เมื่อไหร่ที่มีเหตุการณ์คลี่คลาย เปลี่ยนแปลงก็ค่อยพยายามเร่งเจรจาให้ความสัมพันธ์คืนกลับสู่สถานการณ์เดิม แต่ตนก็บอกว่า แม้ความสัมพันธ์ด้านต่างประเทศดูจะมีปัญหาไม่ลงตัวกันมาก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพยังดีอยู่ และเราก็พยายามไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้งทางการทหาร เราจะรักษาความสงบเรียบร้อยตามบริเวณชายแดนเอาไว้ทั้ง 2 ประเทศ และพยายามให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศได้ใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งประธานาธิบดีอินโดฯ ก็ดีใจที่ได้ฟังอย่างนี้ และคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการนี้ถูกต้อง ซึ่งในฐานะสมาชิกอาเซียน ทุกโอกาสที่พบหรือได้เจรจากับสมเด็จฮุนเซน ท่านก็จะพยายามพูดคุย แต่ที่ทำอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเสนอตัวเป็นคนกลาง แต่ทำในฐานะที่เป็นพี่น้องของประชาคมอาเซียนด้วยกัน ต้องมีความหวังดีต่อกัน และอยากให้อาเซียนเป็นเอกภาพ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ส่วนกรณีที่ทางสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา บอกว่าเห็นในเอกสารลับของไทยแล้ว มีการอ้างว่าไทยต้องการทำสงครามกับกัมพูชา และอ้างอีกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี อยู่เบื้องหลังในการที่จะทำรัฐประหารในกัมพูชานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศคงต้องชี้แจง ซึ่งหากสมเด็จฯฮุน เซน ได้มีโอกาสดูข่าวจากประเทศไทยก็ขอฝากไปด้วยว่า ไม่เป็นความจริงด้วยใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตนขอรับรองด้วยเกียรติยศของตนว่า รัฐบาลไทยไม่เคยคิดเข้าไปแทรกแซงกิจการการเมืองภายในประเทศเขมร และนายกฯก็เป็นนักประชาธิปไตย ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการเมือง การปกครองด้วยวิธีการอื่นที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีจิตวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตยอย่างนี้ก็ไม่คิดจะไปทำร้ายประเทศ เพื่อนบ้านด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ตนก็ไม่ทราบว่าถูกขยายมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจและไม่เชื่ออยู่แล้ว ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องชี้แจงเพราะข้อเท็จจริงทุกคนในประเทศไทยก็รู้ดีว่านาย อภิสิทธิ์ ไม่ใช่คนอย่างนั้น
ขณะที่นายกฯกัมพูชามาพูดอย่างนี้ จะส่งผลกระทบความสัมพันธ์หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เราเข้าใจดีอยู่แล้วว่าเมื่อมีความขัดแย้งกัน ไม่พอใจกันและโจมตีกันก็จะเป็นอย่างนี้ แต่ประเทศไทยก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ซึ่งสมเด็จฯฮุน เซน คงได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจากที่นายจตุพร และกลุ่มเสื้อแดงหรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปบอกก็แล้วแต่ แต่ตนก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งสมเด็จฮุนเซน ก็คงจะเข้าใจความจริงว่ารัฐบาลไทยไม่เคยคิดร้ายต่อเขมร อย่างไรก็ตามคิดว่าเรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศคงต้องชี้แจงเพราะเป็นงานของกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งนี้ตนเชื่อว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่ทำให้สถานการณ์ยิ่งบานปลาย
"ตบมือข้างเดียวดังไปไม่ได้หรอก ท่านกล่าวหาว่าเราจะไปทำปฏิวัติในประเทศท่าน แต่เมื่อเราไม่ได้ทำ มันก็ไม่ได้ปัญหา แต่ต้องเข้าใจว่าเมื่ออยู่กันระหว่างอุณหภูมิของความขัดแย้งในระดับนี้ เราจะไปเคลื่อนไหวหรือทำอะไรมากก็คงยาก ก็ต้องรอให้อุณหภูมิลดลงบ้าง” รองนายกฯ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศก็คงทำงาน และการแก้ไขปัญหา ซึ่งก็มีหลายรูปแบบ หลายวิธีการซึ่งก็มีระดับของการปฏิบัติการอยู่ ซึ่งตนยืนยันว่า นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ไม่ได้หายหน้าไปทุกครั้งที่มีปัญหา และยังไม่จำเป็นต้องเพิ่มกำลังทหารตามแนวชายแดนส่วนหลังจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ก็เป็นไปอย่างนี้ก่อน ซึ่งคนที่ติดตาม เรื่องนี้ก็คงจะพอคาดการณ์ได้อยู่แล้ว และไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร แต่มันก็เหมือนมรสุม ถึงจะหนักหนา ถึงจะโหมเข้ามาอย่างไร มันก็ต้องมีวันจบ และตนคิดว่าไม่นานจะจบ นายสุเทพยังเชื่อว่า ที่สำคัญจบแบบที่รัฐบาลนี้ยังอยู่ด้วย
นอกจากนี้ นายสุเทพยังกล่าวด้วยว่า ตลอด 1 ปีในการบริหารประเทศของรัฐบาล ฝ่ายการเมืองไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาถือว่ามีความก้าวหน้า แต่ยอมรับว่ามีความสับสนในใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจบางกลุ่ม ซึ่งเชื่อว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ และย้ำว่าทุกอย่างที่รัฐบาลดำเนินการเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่าการโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพลมีการพิจารณาตามเหตุผลและความเหมาะสม