ASTV ผู้จัดการรายวัน-นายกฯ ยันรัฐบาลไทยไม่คิดแทรกแซงกิจการภายใน หรืออยู่เบื้องหลังปฏิวัติรัฐบาลกัมพูชา ตามที่"ฮุนเซน" กล่าวร้าย แต่จะยึดหลักรักษาความสัมพันธ์ที่ดีของสองประเทศ ไม่ใช้ความรุนแรง เชื่อนานาประเทศเข้าใจนโยบายไทย ซัดฝ่ายการค้านทำความสัมพันธ์สองประเทศวุ่น เพียงเพื่อหวังผลทางการเมืองของตัวเอง "เทือก"เชื่อสักวัน"ฮุนเซน"จะเข้าใจ "ปู้จิ้น"ให้ร้องยูเอ็นประท้วงผู้นำเขมรปากเสีย
วานนี้(25 ธ.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ออกมาโวยว่ารัฐบาลไทยมีแผนอยู่เบื้องหลังคิดทำปฏิวัติรัฐบาลกัมพูชา ตามเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศที่มีการนำมาแฉว่า ไม่มีเรื่องที่ประเทศไทยจะไปทำอย่างนั้น นโยบายรัฐบาลไทยชัดเจนมากคือ 1. ต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีความคิดที่จะใช้ความรุนแรง ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะทำให้การค้าการขายระหว่างกันได้รับผลกระทบ 2. รัฐบาลไทยไม่ไปแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา และไม่เคยไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร หรือทำในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม การที่สมเด็จฮุนเซน ออกมาพูดผ่านสื่อเช่นนี้ เชื่อว่าไม่กระทบภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานานาชาติ เพราะต่างชาติทราบข้อเท็จจริงว่า นโยบายของประเทศไทยเป็นอย่างไร คิดว่าคงไม่มีปัญหาบานปลายอะไร และไม่จำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะตนและรัฐบาลไทย ก็ยืนยันมาตลอด แต่ถ้าทางกัมพูชาจะฟังฝ่ายค้านจะทำอย่างไรได้ นโยบายก็ต้องมาจากรัฐบาล
"มันมีคนที่ไปวุ่ยวายกับเรื่องนี้อยู่ เป็นฝ่ายการเมืองของเราเอง ซึ่งน่าเสียดายว่าทางที่จะช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น แทนที่จะช่วยกันทำให้เหตุการณ์สงบลง ก็ไปหวังผลในทางการเมืองของตัวเอง"นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการขยายผลทำให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนกับประชาชนหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าคงไม่มี ขอให้ประชาชนคนไทยหนักแน่น และพี่น้องชาวกัมพูชาด้วย ขอให้หนักแน่น รัฐาลไทยไม่มีแนวคิดที่จะไปทำอะไร จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา มีการร่วมมือในทุกเรื่องอย่างต่อเนื่องมาตลอดเกือบทั้งปี ยกเว้นหลังจากที่เกิดเหตุการขึ้น เป็นการใช้มาตรการทางการทูต ส่วนที่มีการยกเลิกเงินกู้เป็นฝ่านกัมพูชาเอง ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นฝ่ายยกเลิก
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าประธานาธิบดีอินโดนนีเซีย จะเข้ามาช่วยประสานความเข้าใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านคุยกับตนมาสองสามรอบว่า ด้วยความห่วงใยในฐานะประเทศอาเซียนด้วยกัน ตนเข้าใจว่าท่านคงพยายามที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ดีขึ้นต่อกัน
"ท่านได้คุยกับสมเด็จฮุนเซนบ้างแล้ว ถ้าจำไม่ผิดที่สิงคโปร์ ก็มีการคุยกัน"
เมื่อถามว่ามีข้อแม้ว่าไทยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ยุ่งเกี่ยวเรื่องอะไร เราไม่ได้ไปยุ่งอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีประเทศที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยจะกลายเป็นว่า เรื่องนี้เข้าสู่เวทีอาเซียนหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ได้มีประเด็นจะต้องไกล่เกลี่ยอะไร เพียงแต่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในฐานะมิตรประเทศของไทย และกัมพูชา ก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้นำของสองประเทศ เป็นเรื่องปกติ
**ปธน.อินโดฯรับช่วยเจรจา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึง การหารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียในเรื่องนี้ว่า ท่านได้แสดงความเป็นห่วงเหมือนกัน ในฐานะสมาชิกอาเซียน ท่านอยากเห็นประเทศไทย และกัมพูชา คลี่คลายปัญหาข้อขัดข้องหมองใจกันได้โดยเร็ว หรืออย่างน้อยที่สุดอย่าทำให้ปัญหาขยายตัวมากขึ้น เพราะหากมีความสัมพันธ์ที่ดี ก็จะทำให้อาเซียนเข้มแข็งไปด้วย
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้บอกท่านประธานาธิบดีอินโดฯว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ มาจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของรัฐบาลกัมพูชา และไปพักอยู่ที่นั่น ซึ่งรัฐบายไทย ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ ขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษตามคำพิพากษาของศาล แต่รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธ หลังจากนั้นก็มีการตอบโต้กันมาเรื่อย จึงเป็นปัญหา ซึ่งท่านก็บอกว่า ตอนนี้ก็คงต้องรักษาสถานการณ์อย่างนี้ไปก่อน เมื่อไรที่เหตุการณ์คลี่คลาย เปลี่ยนแปลง ก็ค่อยพยายามเร่งเจรจาให้ความสัมพันธ์คืนกลับสู่สถานการณ์เดิม แต่ตนก็บอกไปว่า แม้ความสัมพันธ์ด้านต่างประเทศดูจะมีปัญหา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ยังดีอยู่ และเราก็พยายามไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้งทางการทหาร เราจะรักษาความสงบเรียบร้อยตามบริเวณชายแดนเอาไว้ทั้ง 2 ประเทศ และพยายามให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ได้ใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งประธานาธิบดีอินโดฯ ก็ดีใจที่ได้ฟังอย่างนี้ และคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการนี้ถูกต้องแล้ว ซึ่งในฐานะสมาชิกอาเซียน ทุกโอกาสที่พบหรือได้เจรจากับสมเด็จฮุนเซน ท่านก็จะพยายามพูดคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงประธานาธิบดีอินโดฯ เสนอตัวเป็นกาวใจ ระหว่างไทย และกัมพูชา รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ ซึ่งท่านบอกเหมือนกันว่า ที่ทำอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเสนอตัวเป็นคนกลาง แต่ทำในฐานะที่เป็นพี่น้องของประชาคมอาเซียนด้วยกัน อยากให้อาเซียนเป็นเอกภาพ เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน
**สักวัน"ฮุนเซน"จะเข้าใจ
นายสุเทพ ยังได้ปฏิเสธถึงกรณีที่ สมเด็จฮุนเซน ระบุว่าเอกสารลับของไทย ต้องการทำสงครามกับกัมพูชา และนายกฯไทย อยู่เบื้องหลังในการที่จะทำรัฐประหารในกัมพูชา
"ผมขอรับรองด้วยเกียรติยศของผมว่า รัฐบาลไทยไม่เคยคิดเข้าไปแทรกแซงกิจการการเมืองภายในประเทศเขมร นายกฯอภิสิทธิ์ เป็นนักประชาธิปไตย ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการเมือง การปกครอง ด้วยวิธีการอื่นที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีจิตวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตยอย่างนี้ ก็ไม่คิดจะไปทำร้ายประเทศเพื่อนบ้านด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบว่าถูกขยายมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจ และไม่เชื่ออยู่แล้ว ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องชี้แจง เพราะข้อเท็จจริงทุกคนในประเทศไทย ก็รู้ดีว่านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่คนอย่างนั้น" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้สมเด็จฮุนเซน คงได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจากที่นายจตุพร และกลุ่มเสื้อแดงหรือพ.ต.ท.ทักษิณ ไปบอกก็แล้วแต่ แต่ตนก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งสมเด็จฮุนเซน ก็คงจะเข้าใจความจริงว่า รัฐบาลไทยไม่เคยคิดร้ายต่อเขมร
"คนที่ติดตามเรื่องนี้ก็คงจะพอคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร แต่มันก็เหมือนมรสุม ถึงจะหนักหนา ถึงจะโหมเข้ามาอย่างไร มันก็ต้องมีวันจบ และคิดว่าไม่นานจะจบ ที่สำคัญจบแบบที่รัฐบาลนี้ยังอยู่ด้วย" นายสุเทพกล่าว
**ร้องยูเอ็นประท้วงฮุนเซนปากเสีย
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน ระบุประเทศไทยมีแผนจะทำการปฏิวัติรัฐบาลกัมพูชาว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวมาก่อน คิดว่าเป็นข่าวโคมลอย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะการปฏิวัติต้องเป็นบุคคลในประเทศนั้นเป็นผู้กระทำ ถ้าประเทศอื่นทำเรียกว่าเป็นการบุกรุก ส่วนการกล่าวหานี้ หากเกิดผลการทบต่อรัฐบาลไทยก็สามารถฟ้องร้องต่อองค์การสหประชาชาติ (UN)ได้
วานนี้(25 ธ.ค.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรี กัมพูชา ออกมาโวยว่ารัฐบาลไทยมีแผนอยู่เบื้องหลังคิดทำปฏิวัติรัฐบาลกัมพูชา ตามเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศที่มีการนำมาแฉว่า ไม่มีเรื่องที่ประเทศไทยจะไปทำอย่างนั้น นโยบายรัฐบาลไทยชัดเจนมากคือ 1. ต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีความคิดที่จะใช้ความรุนแรง ไม่มีแม้แต่ความคิดที่จะทำให้การค้าการขายระหว่างกันได้รับผลกระทบ 2. รัฐบาลไทยไม่ไปแทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชา และไม่เคยไปวิพากษ์วิจารณ์อะไร หรือทำในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเมืองภายในกัมพูชา
อย่างไรก็ตาม การที่สมเด็จฮุนเซน ออกมาพูดผ่านสื่อเช่นนี้ เชื่อว่าไม่กระทบภาพลักษณ์ประเทศไทยในสายตานานาชาติ เพราะต่างชาติทราบข้อเท็จจริงว่า นโยบายของประเทศไทยเป็นอย่างไร คิดว่าคงไม่มีปัญหาบานปลายอะไร และไม่จำเป็นต้องให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงทำความเข้าใจ เพราะตนและรัฐบาลไทย ก็ยืนยันมาตลอด แต่ถ้าทางกัมพูชาจะฟังฝ่ายค้านจะทำอย่างไรได้ นโยบายก็ต้องมาจากรัฐบาล
"มันมีคนที่ไปวุ่ยวายกับเรื่องนี้อยู่ เป็นฝ่ายการเมืองของเราเอง ซึ่งน่าเสียดายว่าทางที่จะช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้น แทนที่จะช่วยกันทำให้เหตุการณ์สงบลง ก็ไปหวังผลในทางการเมืองของตัวเอง"นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการขยายผลทำให้เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างประชาชนกับประชาชนหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าคงไม่มี ขอให้ประชาชนคนไทยหนักแน่น และพี่น้องชาวกัมพูชาด้วย ขอให้หนักแน่น รัฐาลไทยไม่มีแนวคิดที่จะไปทำอะไร จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมา มีการร่วมมือในทุกเรื่องอย่างต่อเนื่องมาตลอดเกือบทั้งปี ยกเว้นหลังจากที่เกิดเหตุการขึ้น เป็นการใช้มาตรการทางการทูต ส่วนที่มีการยกเลิกเงินกู้เป็นฝ่านกัมพูชาเอง ฝ่ายไทยไม่ได้เป็นฝ่ายยกเลิก
เมื่อถามว่า มีข่าวว่าประธานาธิบดีอินโดนนีเซีย จะเข้ามาช่วยประสานความเข้าใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ท่านคุยกับตนมาสองสามรอบว่า ด้วยความห่วงใยในฐานะประเทศอาเซียนด้วยกัน ตนเข้าใจว่าท่านคงพยายามที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจที่ดีขึ้นต่อกัน
"ท่านได้คุยกับสมเด็จฮุนเซนบ้างแล้ว ถ้าจำไม่ผิดที่สิงคโปร์ ก็มีการคุยกัน"
เมื่อถามว่ามีข้อแม้ว่าไทยจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกัมพูชาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า ยุ่งเกี่ยวเรื่องอะไร เราไม่ได้ไปยุ่งอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีประเทศที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยจะกลายเป็นว่า เรื่องนี้เข้าสู่เวทีอาเซียนหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ใช่ ไม่ได้มีประเด็นจะต้องไกล่เกลี่ยอะไร เพียงแต่ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ในฐานะมิตรประเทศของไทย และกัมพูชา ก็มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกับผู้นำของสองประเทศ เป็นเรื่องปกติ
**ปธน.อินโดฯรับช่วยเจรจา
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึง การหารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซียในเรื่องนี้ว่า ท่านได้แสดงความเป็นห่วงเหมือนกัน ในฐานะสมาชิกอาเซียน ท่านอยากเห็นประเทศไทย และกัมพูชา คลี่คลายปัญหาข้อขัดข้องหมองใจกันได้โดยเร็ว หรืออย่างน้อยที่สุดอย่าทำให้ปัญหาขยายตัวมากขึ้น เพราะหากมีความสัมพันธ์ที่ดี ก็จะทำให้อาเซียนเข้มแข็งไปด้วย
นายสุเทพ กล่าวว่า ตนได้บอกท่านประธานาธิบดีอินโดฯว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้ มาจากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาพิเศษของรัฐบาลกัมพูชา และไปพักอยู่ที่นั่น ซึ่งรัฐบายไทย ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ ขอตัวพ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษตามคำพิพากษาของศาล แต่รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธ หลังจากนั้นก็มีการตอบโต้กันมาเรื่อย จึงเป็นปัญหา ซึ่งท่านก็บอกว่า ตอนนี้ก็คงต้องรักษาสถานการณ์อย่างนี้ไปก่อน เมื่อไรที่เหตุการณ์คลี่คลาย เปลี่ยนแปลง ก็ค่อยพยายามเร่งเจรจาให้ความสัมพันธ์คืนกลับสู่สถานการณ์เดิม แต่ตนก็บอกไปว่า แม้ความสัมพันธ์ด้านต่างประเทศดูจะมีปัญหา แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ยังดีอยู่ และเราก็พยายามไม่ให้กลายเป็นความขัดแย้งทางการทหาร เราจะรักษาความสงบเรียบร้อยตามบริเวณชายแดนเอาไว้ทั้ง 2 ประเทศ และพยายามให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ได้ใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งประธานาธิบดีอินโดฯ ก็ดีใจที่ได้ฟังอย่างนี้ และคิดว่าสิ่งที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการนี้ถูกต้องแล้ว ซึ่งในฐานะสมาชิกอาเซียน ทุกโอกาสที่พบหรือได้เจรจากับสมเด็จฮุนเซน ท่านก็จะพยายามพูดคุย
ผู้สื่อข่าวถามว่า หมายถึงประธานาธิบดีอินโดฯ เสนอตัวเป็นกาวใจ ระหว่างไทย และกัมพูชา รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ ซึ่งท่านบอกเหมือนกันว่า ที่ทำอย่างนี้ ไม่ได้ตั้งใจที่จะมาเสนอตัวเป็นคนกลาง แต่ทำในฐานะที่เป็นพี่น้องของประชาคมอาเซียนด้วยกัน อยากให้อาเซียนเป็นเอกภาพ เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน
**สักวัน"ฮุนเซน"จะเข้าใจ
นายสุเทพ ยังได้ปฏิเสธถึงกรณีที่ สมเด็จฮุนเซน ระบุว่าเอกสารลับของไทย ต้องการทำสงครามกับกัมพูชา และนายกฯไทย อยู่เบื้องหลังในการที่จะทำรัฐประหารในกัมพูชา
"ผมขอรับรองด้วยเกียรติยศของผมว่า รัฐบาลไทยไม่เคยคิดเข้าไปแทรกแซงกิจการการเมืองภายในประเทศเขมร นายกฯอภิสิทธิ์ เป็นนักประชาธิปไตย ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการเมือง การปกครอง ด้วยวิธีการอื่นที่นอกเหนือจากที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีจิตวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตยอย่างนี้ ก็ไม่คิดจะไปทำร้ายประเทศเพื่อนบ้านด้วยวิธีการที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยแน่นอน ซึ่งเรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบว่าถูกขยายมาเป็นอย่างนี้ได้อย่างไร แต่คิดว่าประชาชนเข้าใจ และไม่เชื่ออยู่แล้ว ซึ่งคงไม่จำเป็นต้องชี้แจง เพราะข้อเท็จจริงทุกคนในประเทศไทย ก็รู้ดีว่านายอภิสิทธิ์ไม่ใช่คนอย่างนั้น" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้สมเด็จฮุนเซน คงได้รับข้อมูลที่ผิดพลาดจากที่นายจตุพร และกลุ่มเสื้อแดงหรือพ.ต.ท.ทักษิณ ไปบอกก็แล้วแต่ แต่ตนก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งสมเด็จฮุนเซน ก็คงจะเข้าใจความจริงว่า รัฐบาลไทยไม่เคยคิดร้ายต่อเขมร
"คนที่ติดตามเรื่องนี้ก็คงจะพอคาดการณ์ได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร แต่มันก็เหมือนมรสุม ถึงจะหนักหนา ถึงจะโหมเข้ามาอย่างไร มันก็ต้องมีวันจบ และคิดว่าไม่นานจะจบ ที่สำคัญจบแบบที่รัฐบาลนี้ยังอยู่ด้วย" นายสุเทพกล่าว
**ร้องยูเอ็นประท้วงฮุนเซนปากเสีย
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสมเด็จฮุนเซน ระบุประเทศไทยมีแผนจะทำการปฏิวัติรัฐบาลกัมพูชาว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องดังกล่าวมาก่อน คิดว่าเป็นข่าวโคมลอย ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะการปฏิวัติต้องเป็นบุคคลในประเทศนั้นเป็นผู้กระทำ ถ้าประเทศอื่นทำเรียกว่าเป็นการบุกรุก ส่วนการกล่าวหานี้ หากเกิดผลการทบต่อรัฐบาลไทยก็สามารถฟ้องร้องต่อองค์การสหประชาชาติ (UN)ได้
