เสื้อแดงขู่ได้ผล! “สดศรี” แย้มอาจลงมติ ยุบ ปชป.หากนายทะเบียนพรรคยกคำร้องคดีเงินบริจาค 258 ล้านบาท พลิกลิ้นยันยกไม่ยกเรื่องต้องเข้าที่ประชุม กกต. ท้า “เพื่อแม้ว” ยื่นถอดถอน ลั่นเหนื่อยโคตรอยากพักแล้ว แต่ยังงงจะฟ้องเหตุใดเพราะคดียังไม่จบ ทำพูดดีสงสาร “อภิชาต” หลังโยนขี้ให้ตัดสินเดี่ยว เชื่อถ้าเจ้าตัวโดนกดดันมากอาจตัดสินเช่นเดิม เซ็ง “เด็จพี่” เรียนพัฒนาการเมืองดันไม่เข้าหัว จ่อไม่ให้ใบประกาศ ซ้ำยุบหลักสูตรทิ้ง
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงโจมตีการพิจารณาสำนวนเงิน 258 ล้านของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทำความเห็นของนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ว่า ไม่ว่านายทะเบียนพรรคการเมืองจะมีความเห็นให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ หรือยกคำร้อง ถึงอย่างไรก็ต้องนำเข้าที่ประชุม กกต. เพื่อขอมติจากที่ประชุมอยู่ดี เพราะการพิจารณาของ กกต.อยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุม อย่างไรก็ตาม หากนายทะเบียนมีความเห็นว่าให้ยกคำร้อง ตนอาจจะลงมติเหมือนนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ที่มีมติให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นได้
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงจะยื่นถอดถอน กกต.นั้น เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และตนก็ขอให้ยื่นถอดถอนได้เลย จะได้ให้ กกต.ชุดใหม่เข้ามาทำงานแทน เพราะยอมรับว่าขณะนี้เหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน แต่ทั้งนี้ ขอให้พรรคเพื่อไทยรอดูก่อนว่าการพิจารณาของ กกต.จะออกมาอย่างไร ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าพรรคเพื่อไทย และกลุ่มคนเสื้อแดงจะมาฟ้องร้อง กกต.เพราะอะไร เนื่องจากกระบวนการพิจารณาสำนวนดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น ยังต้องรอความเห็นของนายทะเบียนพรรคการเมือง ซึ่งตนยืนยันว่าการพิจารณาของ กกต.ไม่มีใบสั่ง ซึ่งขณะนี้ตนคิดว่า กกต.เสมือนเป็นจำเลย และรู้สึกสงสารประธาน กกต.เพราะถูกกดดันมาก คิดว่าถ้าไปกดดันมากสักวันท่านอาจจะต้องสู้เหมือนกัน หากยิ่งผลักดันมากความเห็นที่ออกมาอาจจะเหมือนเดิม
นางสดศรีกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนอาจจะไปหารือกับที่ประชุม กกต.ว่า หลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 1 ซึ่ง กกต.เปิดขึ้นมานั้น อาจให้เป็นเป็นรุ่นแรกและรุ่นสุดท้าย เนื่องจากหลักสูตรดังกล่าวเปิดขึ้นมาหวังว่าจะให้นักการเมืองนำกลับไปใช้แก้ปัญหาประเทศชาติ แต่ตนเห็นว่าคงไม่ประสบความสำเร็จ เพราะนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เรียนไปก็ไม่นำไปใช้ ซึ่งตนคิดว่าอาจจะไม่ออกใบประกาศให้เมื่อสำเร็จหลักสูตร หลักสูตรนี้วัตถุประสงค์ต้องการให้คนเกิดความสมานฉันท์ ปรองดองกัน แต่ไม่สามารถทำได้ จึงรู้สึกผิดหวังทำไมนายพร้อมพงศ์ถึงทำแบบนี้