xs
xsm
sm
md
lg

กมธ.วุฒิฯ จี้สอบ “เจ้าคุณวัดพนัญเชิง-ผอ.สำนักพุทธอยุธยา” หากินกับวัดวรเชษฐ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วรินทร์ เทียมจรัส
คณะอนุกรรมการพิจารณาติดตามตรวจสอบส่งเสริมกิจการศาสนา คุณธรรมจริยธรรม ศิลปวัฒนธรรม และกฎหมาย ส่งมหาเถรสมาคมสอบทุจริตเจ้าคุณแวววัดพนัญเชิง และผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาหากินกับวัดวรเชษฐ์ สถานที่ถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายวรินทร์ เทียมจรัส สมาชิกวุฒิสภาและประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ติดตาม ตรวจสอบ ส่งเสริมกิจการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปวัฒนธรรมและกฎหมาย ในคณะกรรมาธิการการศาสนา คุณธรรม จริยธรรม ศิลปะและวัฒนธรรม วุฒิสภา สรุปเรื่องร้องเรียนวัดวรเชษฐ์ (ร้าง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ส่งหลักฐานให้มหาเถรสมาคมพิจารณาอาบัติเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง และส่งเรื่องให้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาฯ ร่วมกันทุจริตเช่าที่วัดราคาถูกกว่าความเป็นจริง 6 เท่า เพื่อนำมาหากินกับพระปรางค์ประธานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ไล่พระสิงห์ทนออกจากวัดเพราะขัดผลประโยชน์


คณะอนุกรรมาธิการฯ ได้รับเรื่องร้องทุกข์ กรณีพระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ ถูกไล่ออกจากวัดวรเชษฐ์ (ร้าง) ก่อนหน้านี้พระอาจารย์เป็นอดีตพระราชาคณะได้สึกออกไป และเมื่อกลับมาอุปสมบทใหม่ ก็ได้รับนิมนต์จากแม่ชีจรี ดุษฎี ให้มาจำพรรษาเมื่อพ.ศ.2550 เพื่อให้ช่วยเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจว่า วัดวรเชษฐ์ส่วนที่เป็นปรางค์ประธาน คือสถานที่ถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งพระสิงห์ทนก็ได้เผยแพร่ด้วยการสนทนาธรรมและจัดพิมพ์หนังสือออกมาเผยแพร่ เป็นผลให้มีผู้ศรัทธาไปสักการะพระปรางค์ประธานสมเด็จพระนเรศวรฯ และทำบุญกับพระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน จำนวนมาก ทำให้แม่ชีจรีขาดผลประโยชน์ จึงพยายามขับไล่พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทนออกจากวัด

แม่ชีจรี ดุษฎี คือผู้ที่ปลูกอาคารอาศัยอยู่ในที่ดินของโบราณสถานมาก่อน และประชาชนเข้าใจว่าเป็นผู้จัดการสร้างอาคารที่พักอาศัยและห้องน้ำในบริเวณโบราณสถานข้างปรางค์ประธาน ต่อมาได้สร้าง พระอุโบสถ วิหาร และศาลฯ ขึ้นด้านหลังปรางค์ประธาน ในที่ซึ่งเป็นสมบัติของพุทธศาสนา

ตัวการทุจริตเช่าที่วัดราคาถูกกว่าความเป็นจริง 6 เท่า

การสอบสวนของคณะอนุกรรมการฯ พบว่า ที่ดินวัดวรเชษฐ์ (ร้าง) ได้มีการทำสัญญาเช่าเพื่อทำสวน 2 สัญญา มีเนื้อที่รวม 4,947 ตารางวา ให้เช่าไป ตารางวาละ 1 บาท โดยพระพิพัฒน์วราภรณ์ หรือหรือเจ้าคุณแวว ปัจจุบันได้เลื่อนสมศักดิ์เป็นพระราชรัตนวราภรณ์ และเป็นเจ้าคณะอำเภอ โดยมีนายประดิษฐ์ แก้วมณี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นผู้ให้เช่า

ที่ดิน 2 แปลงตามที่พระพิพัฒน์วราภรณ์ เช่าเพื่อทำสวน อัตราค่าเช่า ตารางวาละ 1 บาท เป็นเงิน 2,473.50 บาทต่อปี คณะอนุกรรมการฯ ได้ไปตรวจสอบสถานที่แล้วพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมิได้ทำสวน มิได้ทำการเกษตร และมิได้ดำเนินการทำประโยชน์ตามวัตถุประสงค์ของสัญญาเช่าที่ดิน แต่มีการปลูกสร้างอาคาร ซึ่งการปลูกสร้างที่อยู่อาศัยมีอัตราค่าเช่าสูงกว่าทำสวนถึง 1 ต่อ 6 เท่า

การใช้ประโยชน์ที่ดินผิดประเภท ทำให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เสียรายได้ ในการจัดเก็บประโยชน์จากการเช่าที่ดินในพื้นที่วัดร้าง ปีละ 12,367.50 บาทต่อปี จำนวน 2 แปลง (12,367.50 x 2) เป็นเงิน 24,735 บาทต่อปี และได้มีการต่ออายุสัญญาเช่าที่ดินทุกปี ตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปี 2548 เป็นเวลา 4 ปี (24,735 x 4) เป็นจำนวนทั้งสิ้น 98,940 บาท

ดังนั้น การที่ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้เจ้าคุณแวว เช่าที่ทำสวน ในราคาตารางวาละ 1 บาท ไปปลูกที่อยู่อาศัยและปล่อยปะละเลยให้ปลูกสร้างอาคารอื่นหมายจะให้เป็นสถานที่ที่ใช้หาลาภสักการะจากประชาชนที่มีความศรัทธาต่อสมเด็จพระนเรศวรแล้ว ยังร่วมกันทุจริตทำให้เงินหลวงขาดรายได้ไปอีก 98,940 บาท

เจ้าคุณแววคิดงานใหญ่ ตั้งเจ้าอาวาสวัดวรเชษฐ์มาไล่พระสิงห์ทนออกจากวัด


พระราชรัตนวราภรณ์ หรือเจ้าคุณแววเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง ใช้สมศักดิ์เจ้าคณะอำเภอ ทำเรื่องขอยกวัดวรเชษฐ์ (ร้าง) ซึ่งเป็นวัดที่ตนเองเช่าทำสวนให้เป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษา ในปี พ.ศ. 2549 และนิมนต์พระวัดอื่นเข้ามาจำพรรษา เมื่อได้เป็นวัดมีพระภิกษุอยู่จำพรรษาแล้วได้แต่งตั้งให้พระมหาอุทัย ชิตมาโร มาเป็นเจ้าอาวาส

พระมหาอุทัย ได้ทำหนังสือแจ้งให้พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ ย้ายออกจากวัดวรเชษฐ์ และได้มีการแจ้งความดำเนินคดีต่อพระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ ฐานบุกรุกเข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณวัดวรเชษฐ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดวรเชษฐ์ แต่พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน ยังไม่ออก

ต่อมาในปี พ.ศ.2552 มีเหตุเพลิงไหม้กุฏินราสโภ ที่พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน จำพรรษา พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา มีความเห็นทางคดีว่า สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้เกิดจากมีวัตถุติดไฟชนิดใดชนิดหนึ่งตกลงไปบริเวณจุดต้นเพลิงแล้วไปติดกับเชื้อเพลิงทำให้เกิดการคุลุกไหม้ทำให้เกิดความเสียหาย

ผลสอบคณะอนุกรรมาธิการฯ ให้ส่งเรื่องทุจริตถึงหน่วยงานต้นสังกัด

คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาเรื่องทั้งหมดแล้วเห็นว่าปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นเรื่องที่มีผู้จัดการให้เป็นไปเพื่อลาภสักการะและผลประโยชน์อื่นตามมา จึงมีมติให้ส่งเรื่อง การสอบสวนนี้ให้หน่วยงานต่างๆ เพื่อดำเนินการต่อไป ดังนี้

1. มหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ


1.1 พระพิพัฒน์วราภรณ์ หรือพระราชรัตนวราภรณ์ ได้เล็งเห็นประโยชน์ในการทำวัดวรเชษฐ์ ให้เป็นวัดที่มีผู้มาทำบุญเช่นเดียวกันกับวัดพนัญเชิง เพราะวัดวรเชษฐ์มีโบราณสถาน จึงสมคบกับนางจรี ดุษฎี

1.1.1 สร้างอาคารโดยออกแบบคล้ายพระอุโบสถ วิหาร และศาลฯ ในพื้นที่ซึ่งเช่ามาทำสวน ต่อมาได้นิมนต์พระเข้าไปจำวัดและใช้สมณศักดิ์ของตนเองขอยกวัดวรเชฐ์เป็นวัดมีพระสงฆ์อยู่จำพรรษา

1.1.2 ทำการสื่อสารเผยแพร่ให้ประชาชนเข้าใจว่าวัดวรเชษฐ์เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระศพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์ส่วนตน

1.1.3 ได้นิมนต์พระอาจารย์ ดร.สิงห์ทน นราสโภ มาเป็นผู้เผยแพร่ แต่พระอาจารย์สิงห์ทนไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามประสงค์ จึงหาทางขับไล่ออกจากวัด

2.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

2.1 ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ให้ดำเนินคดีกับนายประดิษฐ์ แก้วมณี)

2.2 ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

2.3 สถานีตำรวจภูรพระนครศรีอยุธยา

เป็นเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เนื่องจากมีการให้ถ้อยคำและการชี้แจงเป็นเอกสารไม่ตรงกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น