ปธ.กก.สมานฉันท์ฯ เลือกข้างชัด หนุนข้อเสนอ “แม้ว” เจรจาเพื่อนำไปสู่การยุบสภา-เลือกตั้งใหม่ แนะให้ลงสัตยาบันร่วมกัน เตือนรัฐบาลอย่าตั้งแง่ก่อนเปิดเวทีเจรจา เสนอหยิบ กม.ปรองดองมาพิจารณา โดยไม่จำเป็นต้องตั้งคนกลางเข้ามาเจรจา
วันนี้ (22 ธ.ค.) นายดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอเงื่อนไขการเจรจา 3 ประการ คือ นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 หรือที่มีเนื้อหาใกล้เคียงมาใช้ การยุบสภา และการเลือกตั้งใหม่ โดยให้ทุกสีต้องลงสัตยาบันยอมรับผลการเลือกตั้งว่า เรื่องการเจรจาเป็นข้อเสนอสำคัญที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เสนอ แต่เงื่อนไขการเจรจาต้องนำความต้องการของทุกฝ่ายมาวางแบบและต่อรองกันเพื่อให้พอใจกันทุกฝ่ายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ซึ่ง 3 เงื่อนไขที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เสนอ ตนมองคร่าวๆ แล้วเห็นด้วย โดยข้อเสนอเรื่องการยุบสภาและเลือกตั้งใหม่และลงสัตยาบันยอมรับผลการเลือกตั้งและทุกฝ่ายมาตกลงว่า ต่างฝ่ายจะไม่ทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหาอีก เป็นข้อเสนอที่ดี ส่วนเรื่องการนำรัฐธรรมนูญฉบับ 40 มาใช้ โดยหลักก็ใช้ได้เพียงแต่การได้มาจะมาจากไหน ซึ่งก็มีวิธีการที่ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายได้ แต่ก็ต้องมาคุยกัน
เมื่อถามว่า เงื่อนไขความต้องการที่จะมาเจรจา ไม่ตรงกับข้อเสนออื่นๆของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ ซึ่งสุดท้ายจะลักลั่นกันเองในข้อเสนอ นายดิเรกกล่าวว่า ข้อเสนอกรอบ 1 เรื่องการสร้างสมานฉันท์พูดถึงการเจรจาชัดเจน เพียงแต่เงื่อนไขที่ต่างฝ่ายต้องการ จะนำมาสู่การยุบสภาหรือไม่ ตรงนี้อยู่ที่การต่อรองกัน ทั้งนี้ ข้อเสนอของคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ กรอบ 2 และ 3 ว่าด้วยการปฏิรูปการเมืองและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีการเสนอว่า หลังจากแก้รัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นแล้ว ก็ให้แก้ทั้งฉบับเพื่อให้ได้ฉบับที่มาจากประชาชนจริงๆ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ต้องการให้ถูกดำเนินคดีและยึดทรัพย์ ความต้องการนี้ทำให้หลักนิติรัฐของประเทศเสีย นายดิเรกกล่าวว่า อย่างเพิ่งไปถึงขั้นนั้น ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาล นำสิ่งที่ตนเองต้องการมากางดูกันก่อน แล้วมาถกเถียงต่อรองโดยไม่ตั้งแง่ ซึ่งเรื่องจบลงได้ และสามารถทำให้ถูกกฎหมายได้ อย่างร่างกฎหมายปรองดองแห่งชาตินั้น อาจจะเป็นตัวหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาพิจารณากันได้ ซึ่งก็ถูกต้องตามกรอบของกฎหมาย
เมื่อถามต่อว่า จำเป็นต้องอาศัยคนกลางหรือไม่ นายดิเรกกล่าวว่า ไม่จำเป็น โดยถ้านายกฯ ชูธงก็ทำได้เลย ฝ่ายรัฐบาลก็เชิญผู้ใหญ่ฝ่ายตนเองมาเป็นตัวแทน ฝ่ายค้านก็เชิญผู้ใหญ่ฝ่ายตนเองให้มาคุยกันว่า การร่วมกันเดินหน้า อะไรที่เป็นไปได้บ้าง ในวงก็สามารถเชิญ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีมาฟังได้ หรือคนอื่นๆ มาฟังด้วยได้ และกรรมการสมานฉันท์ฯ ก็พร้อมจะไปร่วมฟัง