ลูกพรรค ปชป.สอนภาษาไทยวันละคำให้รอง หน.เพื่อไทย แปลงสารกระทรวงต่างประเทศฉบับตัดแปะ หวังป้ายสีรัฐบาล ย้อนถาม “ปลอดประสพ” โง่จริง หรือแกล้งโง่ เจตนาบิดเบือนเนื้อหาเพื่อให้ความหมายผิดเพี้ยน ท้า ส.ส.ไข่แม้วลาออกยกขโยงตามคำบัญชานายใหญ่ เชื่อไม่มีใครโง่ยกเว้นมีผลประโยชน์ล่อใจ เย้ยลาออกไปก็เลือกตั้งซ่อมใหม่ อย่าหวังบีบให้ยุบสภา
วันนี้ (21 ธ.ค.) นายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงพาดพิงถึงกรณีที่มีการเปิดเผยเอกสารลับที่มีการประเมินสถานการณ์สรุปรายงานของกระทรวงต่างประเทศ โดยนายปลอดประสพ ระบุว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งได้ตีความผิดคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหลายข้อ ซึ่งข้อเท็จจริงตนยังไม่เคยเห็นเอกสารดังกล่าวที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ส่วนพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช.ออกมาเปิดเผย เห็นเพียงที่ลงตีพิมพ์ผ่านสื่อ (มติชน) วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา จึงต้องยึดเอาจากสื่อดังกล่าวเป็นหลักอ้างอิง และยังเชื่อว่าหากเห็นเอกสารฉบับจริง ก็อาจจะเห็นร่องรอยการตัดต่อ เช่น ตัดคำว่า “ไม่” หรือ “ใช่” ออก เพื่อให้ความหมายผิดเพี้ยนไป
นายบุญยอดกล่าวต่อว่า แต่จะขอตอบคำถามที่นายปลอดประสพ ได้ตั้งคำถามพาดพิงมายังรัฐบาล คือ 1.กรณีที่ระบุว่าเอกสารดังกล่าวเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมาย และบั่นทอนพรรคเพื่อไทย เท่าที่ดูจากเอกสารผ่านสื่อ เป็นการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์ของกระทรวงต่างประเทศ เป็นการจำลองสถานการณ์ขั้นต่างๆ โดยเอกสารนั้นระบุว่า ในส่วนของข้าราชการต้องทำอย่างไร เพื่อให้เข้าใจตรงกัน เมื่ออ่านทั้งหมดไม่พบว่าเอกสารดังกล่าว มีการระบุถึงพรรคเพื่อไทยแม้แต่คำเดียว 2.ที่ระบุว่ามีการออกคำสั่งให้ข้าราชการไม่เป็นกลาง แต่ในเอกสารดังกล่าวกลับเขียนคำตรงข้ามกันมีข้อความว่า “ให้ป้องกันหลีกเลี่ยงความรุนแรง สร้างความเข้าใจตรงกัน สร้างเอกภาพในประเทศไทย และลดและแยกความเชื่อมโยงระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และฝ่ายค้านอย่างสุขุม มีสติไม่วู่วามและกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด” ดังนั้น ตนจึงไม่เข้าว่าที่ระบุว่าคำสั่งไม่ให้ข้าราชการเป็นกลางคืออะไร ท่านอ่านตรงไหน ตีความอย่างไร
รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 3.ใช้อำนาจบริหารในการเร่งดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จากที่อ่านเอกสารทั้งหมด ไม่มีส่วนไหนที่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวเลย แม้แต่ประโยคเดียว 4.ที่ระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นภัยคุกคามหลักของชาตินั้น ในเอกสารดังกล่าวระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นภัยหลักคุกคามความอยู่รอดของรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่สังคมรับรู้ทั่วไป เพราะตลอด 1 ปีที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยหยุดโจมตีคุกคามรัฐบาลนี้แม้แต่วันดียว จึงเป็นภัยหลักที่คุกคาม่อความอยู่รอดของรัฐบาลอย่างแท้จริง 5.ที่ระบุว่าสร้างเรื่องให้ผู้สนับสนุนรัฐบาล ข้อกล่าวหานี้อ่านแล้วตกใจมาก เพราะข้อ 2.4 ในเอกสารดังกล่าวเขียนชัดเจนว่า “รัฐบาลควรแปลความรู้สึกสะใจกับผู้สนับสนุนรัฐบาลให้เป็นความเข้าใจ” ดังนั้นจึงขอให้นายปลอดประสพอ่านข้อความให้ครบถ้วนสมบูรณ์ก่อนจึงออกมาแถลง
นายบุญยอดกล่าวว่า 6.ก้าวล่วงประเทศกัมพูชา ซึ่งตนดูใน ข้อ 3.2.2. เอกสารระบุว่า “ไม่กระทบต่อผลประโยชน์ไทย และประชาชนสองประเทศ ให้เป็นอย่างสมน้ำสมเนื้อ และไม่สร้างรอยแผลความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศในระยะยาว ตนอยากถามว่าข้อความดังกล่าวก้าวล่วงตรงไหน หากเอกสารดังกล่าวเป็นจริงทุกเรื่องได้เขียนอย่างระมัดระวังมากที่สุดทุกคำที่เขียนลงไป 7.มาตรการใชกำลังเป็นเรื่องย้อนยุค เอกสารในข้อ 3.3 ระบุว่า “ถ้าสถานการณ์เลวร้ายที่สุด” คือ จำลองเหตุการณ์ว่ากัมพูชาทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทย มีกิจกรรมรัฐบาลพลัดถิ่นเกิดขึ้น ย้ำถ้าเกิดขึ้นจริงก็ต้องตัดความสัมพันธ์ทางการทูต ยกเลิกการติดต่อ และใช้มาตรการทางทหารเพื่อป้องกันอธิปไตย ซึ่งเรื่องนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่จะต้องปกป้องประเทศ ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนห็ต้องทำเช่นนี้ เพื่อปกป้องความวงบสุขของคนในประเทศไทย อยากถามกลับนายปรอดประสพ ที่อ้างตัวเป็นอดีตปลัดกระทรวงว่า ท่านแกล้งไม่เข้าใจพยายามพูดบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือโง่จริงๆ กันแน่ จึงออกมาให้สัมภาษณ์แถลงการณ์เช่นนี้
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย 100 คนลาออก เพื่อให้เกิดการยุบสภานั้น นายบุญยอดกล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่มี ส.ส.หน้าโง่คนไหนที่จะยอมลาออกเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่มี ส.ส.หน้าโง่คนไหนที่รู้ว่าการลาออกจะทำให้เกิดการยุบสภา เพราะหากมีการลาออกก็ต้องมีการเลือกตั้งซ่อมใหม่ และตนเชื่อว่าไม่มี ส.ส.คนไหนยอมลาออกโดยไม่แลกกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ หากมีการลาออกจริงๆ ตนเชื่อว่าจะต้องมีผลประโยชน์ส่วนตัว
“ผมอยากให้ ส.ส.บางคนกรุณาลาออกในวันนี้พรุ่งนี้ด้วยซ้ำ ส.ส.เหล่านั้นก็คือ ส.ส.ที่มีใจเป็นพวกทาสกัมพูชา ทาสเขมร ทาสสมเด็จฯ ฮุนเซน ทาส พ.ต.ท.ทักษิณ กรุณาลาออกไปเถอะ สภาของเราจะได้ยกสูงมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเอ่ยชื่อสังคมนี้ก็คงพอจะรู้ว่าควรจะมีใครบ้างที่ควรลาออกจากการเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย” นายบุญยอดกล่าว