xs
xsm
sm
md
lg

เอกสารลับสั่ง “เด็ดหัว” นช.แม้ว “อภิสิทธิ์” เล่นเกม Dead Or Alive ป่วนจิต “ทักษิณ” ดิ้นพล่าน!

เผยแพร่:   โดย: นกหวีด

ฮุนเซน - นช.ทักษิณ ชินวัตร
อาการดิ้นพล่านถึงขั้นที่ว่า ให้ระดมเกจิอาจารย์ พระสายวิปัสนาไปสอนนั่งสมาธิ สงบจิตสงบใจถึงดูไบ ไม่อาจช่วยหยุดใจที่ฟุ้งซ่านของนักโทษทักษิณได้ ที่เที่ยวตะลอนไปตะลอนมาหลายประเทศ ก็พอบ่งบอก ทักษิณ เวลานี้ ความสงบทางจิตติดลบ เลยอยู่ไม่ติดที่

สุดท้ายก็ไปไหนได้ไม่ไกลจากดูไบ ก็คงมาปักหลักที่ฝั่งเขมร ประเทศกัมพูชา ที่ผู้นำจิ้งจอกพนมเปญ เปิดประตูอ้าซ่ารับนักโทษชายจากเมืองไทย

เหตุที่ต้องจรลีจากดูไบ ส่วนสำคัญต้องยกให้เป็นผลงานของ กษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศไทย ที่วันนี้แม้จะมีผลงานโดดเด่นแค่ไล่ล่าทักษิณ แต่ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วกับภารกิจกำจัดบุคคลที่หนีคดี และเป็นภัยรุนแรงต่อความมั่นคงของชาติ

จุดสำคัญที่ทำให้ “ทักษิณ” ต้องเผ่นแนบจากดูไบ ที่ใช้เป็นฐานบัญชาการมาพักใหญ่ เป็นเพราะมี “สาส์น” ที่ส่งจากกระทรวงการต่างประเทศของไทย ไปยังทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โดยเฉพาะการส่งหนังสือถึงราชวงศ์ผู้ครองนครอาบูดาบี เพื่อติดตามตัวผู้ร้ายหนีคดีข้ามแดน และทางยูเออีก็เริ่มไม่สบายใจกับทักษิณที่ไปใช้ฐานประเทศเขาเคลื่อนไหวการเมือง ยิ่งการพาดพิงสถาบันสำคัญของชาติไทย ในการให้สัมภาษณ์ไทมส์ ออนไลน์ จนอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ฉะนั้น แม้จะมีเส้นสายที่ต่อถึงสุลต่าน และเจ้าผู้ครองนครดูไบ คอยคุ้มกะลาหัวให้อยู่ แต่เมื่อทางการอาบูดาบี ที่คุมอำนาจอยู่เหนือกว่าดูไบ ไม่สบอารมณ์ ประกอบกับเศรษฐกิจดูไบ เกิดภาวะอาณาจักรฟองสบู่ทุนนิยมแตก

รวมทั้ง ไพโรจน์ เปี่ยมพงศ์สานต์ มือดีลกับทางการราชวงศ์ดูไบก็มาแตกคอกับทักษิณในเรื่องผลประโยชน์จากการลงทุน ที่มีแนวโน้มที่จะกลับมาช่วยงานกันอีกครั้งได้ยาก

จึงเป็นเหตุให้ “ทักษิณ” ต้องเผ่นหนีจากถิ่นพำนักแห่งนี้ และจุดหมายปลายทางที่คิดจะย้ายฐานไปที่รัสเซีย หรือประเทศยุโรปตะวันออก โดยอาศัยมือดีล มาเฟียรัสเซีย Oleg Yevidokimenko ที่เคยดีลธุรกิจในอังกฤษด้วยกันมาก่อน หาที่ทางให้ซุกหัว


แต่เมื่อพิจารณาแล้ว รัสเซีย หรือประเทศยุโรปตะวันออก คงเป็นสถานที่ที่ไม่เหมาะสมกับภาวะที่ต้องการเปิดศึกป่วนบ้านเกิดเมืองนอนของตน ทักษิณ ก็เลยต้องดิ้นพล่าน ย้ายฐานหาที่ใหม่ เพื่อเปิดเกมรุกก่อนถึงเงื่อนเวลาอันตราย คดี ยึดทรัพย์สิน 7.6 หมื่นล้านของเขาจะมาถึง

“เขมร” ของฮุนเซน จึงเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การต่อสู้ครั้งสำคัญ ในการทวงคืนทรัพย์สมบัติและอำนาจของทักษิณ และนักโทษชายน่าจะปักหลักอยู่ยาว ใช้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยแห่งนี้เป็นฐานบัญชาการ

ที่น่าสนใจก็คือ การเดินเกมของทักษิณในระหว่างปักหลักอยู่ที่ฝั่งเขมร นอกจากยืมมือผู้นำเพื่อนบ้าน ฮุนเซนที่ไม่ยี่หระต่อสายตาประชาคมโลก สั่งให้ก่นด่าประณามไทยได้ทุกเรื่องแล้วแต่จะเขียนบทให้เล่น ที่กัมพูชา ทักษิณยังเคลื่อนไหวได้สะดวก ไม่ไกลที่สาวกคนเสื้อแดงที่จะไปเยี่ยมและไถ

ที่สำคัญคือ สามารถใช้เมืองต่างๆ เคลื่อนไหวได้สะดวก เช่น ที่มีกระแสข่าวว่าเปิดห้องอาหารหรูหราในโรงแรม เมืองเสียมราฐ เป็นวอร์รูม สถานที่พบปะลูกสมุน เพื่อแจกเงินและสั่งงานป่วนประเทศ

นอกจากนี้ เขมรคือสถานที่สำหรับนักโทษในการเดินแผนร้ายสุดขีด คือ วอร์รูม สำหรับวางแผนการจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ ที่สอดรับไปกับกลุ่มเสื้อแดงในเมืองไทย ที่มีรายงานข่าวทางความมั่นคงระบุว่า

กลุ่ม นปช.ได้จัดตั้ง ผ่านการอบรมคนเสื้อแดงที่มีมาแล้วหลายรุ่นนั้น นอกจากให้ความรู้ ฝังหัวในเรื่องระบอบประชาธิปไตยแบบผิดๆ แล้ว ยังมีบางส่วนที่เปิดฝึกการใช้อาวุธ โดยเฉพาะในเขตงานอีสานใต้ ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยครั้งอดีต


โดยครูผู้ฝึกสอนเป็นมือดี มือสังหารเครือข่ายของอดีตบิ๊กทหาร ที่หันมาเล่นการเมืองจนกลายเป็นระดับบิ๊ก และมารับใช้นักโทษแลกเปลี่ยนเงิน และอำนาจที่นักโทษแบ่งปันให้ รวมทั้งดึงทหารแก่กลุ่มอื่นๆ มาร่วมเป็นวิทยากร ตามแผนโฉดชั่ว

และนอกจากการเดินเกมใต้ดิน ตั้งกองกำลังส่วนตัวไว้พร้อมสู้กับทางการไทย ยังมีแผนการจัดตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น” ในประเทศเพื่อนบ้าน

โดยจะเห็นได้ว่า วันนี้ทั้ง จักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาหนีคดีหมิ่นฯ รวมทั้งอดีตฝ่ายซ้ายที่มีแนวคิดข้างต้น รวมทั้งบรรดามืองานของทักษิณในยุคเฟื่องฟู อาทิ “ยุทธ ตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช ต่างไปปรากฏกายอยู่ข้างตัวนายใหญ่ที่ฝั่งเขมร กันครบหน้า

เป็นการระดมคน ระดับกำลัง จัดทัพเตรียมพร้อมป่วนประเทศ ในช่วงโค้งอันตรายก่อนปิดคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ที่จะปิดคดีสอบพยานปากสุดท้ายภายในเดือนธันวาคมนี้ และคาดว่าจะมีคำพิพากษาในช่วงต้นปีหน้า

10-01-10 ดีเดย์เปิดศึก!

รหัสลับ วันที่ 10 เดือน 1 มกราคม ปี ค.ศ.2010 คือ กำหนดดีเดย์กดปุ่ม เปิดสงครามครั้งสุดท้ายของทัพทักษิณ ที่ยึดถือเลขสัญลักษณ์ในการเดินแผนใดๆ และการเดินแผนเพื่อลุยอีกครั้งต้นปีนี้ก็เช่นกัน

เพราะสัญญาณที่นักโทษได้รับ หลังพยายามหาช่องเจรจาต่อรองในระหว่างตีหนักหน่วงออกมาในทางลบ ฉะนั้นหากยังไม่มีแนวโน้มพลิกกลับมาในทางที่ดี เชื่อได้ว่า ประเทศไทยคงจะร้อนฉ่ารับฤดูหนาวอีกครั้งต้นปีนี้

เพราะเป็นเวลาที่ทักษิณต้องดิ้นพล่าน เดินเกมการต่อสู้แบบไม่เลือกวิธีการ ด้วยอาจเป็นสงครามครั้งสุดท้าย ดิ้นอีกเฮือกก่อนหมดลมหายใจ ไม่มีแรงที่จะเคลื่อนไหวอีก หากผลคดียึดทรัพย์ออกมา

Do or Die ไม่สู้ก็ตาย แต่สู้แล้วและสู้แบบนี้ ก็อาจไม่รอด!

และที่สะท้อนอาการดิ้นพล่านต่อสู้ของทักษิณอีกเรื่องก็คือ การเปิดประเด็น แฉเอกสารลับของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ลงนามโดย กษิต ภิรมย์ เสนอนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดย “คางคกหัวขวด” จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ทักษิณ จับขึ้น “วอ”


เปิดหนังสือที่ตีตราด่วนที่สุด และลับมาก เนื้อหาก็ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดการณ์อยู่แล้ว ทั้งการวิเคราะห์ ประเมิน และวางมาตรการในเรื่องความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา

คางคกพยายามเสี้ยม นักโทษพยายามยุ ก็เป็นผลแล้ว เมื่อฮุนเซน ยังแข็งกร้าวเกเรไม่เลิกรา แต่สำหรับรัฐบาลไทย กับปมนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะต้องมีแผนรับมือ กับคนเจ้าเล่ห์อย่าง “จิ้งจอกพนมเปญ” ที่แทรกแซงการเมือง กระบวนการยุติธรรมไทย

ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว กับการเตรียมตัวไว้พร้อมรับสงครามกับเพื่อนบ้าน ที่แสดงท่าที่ไม่เป็นมิตร และพร้อมรุกรานเราอยู่ตลอด ไม่ผิดปกติ แต่ถ้ามีทางเลือกที่จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกลับคืนมา รัฐบาลไทยก็ต้องเลือกหนทางนั้น

แต่ที่น่าสนใจที่กำหนดแผนกำจัด “คนมากเหลี่ยม” อย่างนักโทษชายทักษิณ บุคคลที่ทางการไทยถือเป็น “บุคคลที่เป็นภัยร้ายแรงของชาติ” ที่ “คางคกหัวขวด” จตุพร อ้างว่า

การลอบสังหารทักษิณ “เป็นแผนที่ต้องปฏิบัติให้ได้สิ้นปี 52 ถ้าไม่ได้ ก็ไปเป็นเมษายน 2553”

ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร ประเด็นร้อนที่ “คางคกหัวขวด” พยายามย้ำแฉ ว่ารัฐบาลไทย สั่งเครื่องบินเอฟ 16 ประกบเครื่องบินส่วนตัวของทักษิณ เพื่อยิงสอยให้ร่วง จะเชื่อได้แค่ไหน หรือเป็นเพียงเรื่องใส่สีตีข่าว “สวมรอย” ตามถนัด

แต่หากพิจารณาในข้อกฎหมายระหว่างประเทศ กรณีที่อาชญากร คนร้าย หรือนักโทษกระทำความผิด ล่วงล้ำเข้ามาในอธิปไตยของประเทศใด และส่อว่าจะเป็นอันตรายต่ออธิปไตยประเทศนั้นๆ

กฎหมายได้เปิดช่องให้มีการ “ไล่ล่าติดตามอาชญากรหรือข้าศึกอย่างกระชั้นชิดข้ามเขตพรมแดนอีกประเทศหนึ่งได้” ในกรณีที่มีการไล่ล่าทางทะเล หรือ Hot Pursuit เพื่อจับกุมตัวคนร้าย

กำจัดผู้บงการเผาบ้านผลาญเมือง ไม่ผิดแปลก!


แต่ทั้งหมดทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการเดินเกมทางการทูตเพื่อบีบทักษิณ หรือการติดตามไล่ล่านักโทษชายที่ต้องเด็ดหัวให้ได้ตามเอกสารตีตราลับ ที่แกนนำเสื้อแดงเปิดประเด็น

คำสั่งไล่ล่า-จับตาย หรือจับเป็น dead or alive กับบุคคลที่เป็นภัยร้ายแรงต่อประเทศชาติครั้งนี้ ก็เพื่อต่อกรกับเกมต่อสู้แบบ do or die ของทักษิณ และอีกมุมมองหนึ่งก็อาจเป็นเพียง“กลยุทธ์”หนึ่งของ อภิสิทธิ์ ที่วันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ที่ทำให้นักโทษชายหวั่นเกรง กลัวขี้แตกขี้แตน

เพราะวันนี้ทักษิณ เริ่มแสดงอาการ “ไม่นิ่ง” อยู่กับที่ไม่เป็นสุข จนต้องดิ้นพล่าน

ด้วยจิตที่ฟุ้งซ่าน คิดระแวงไปต่างๆ นานา และถ้ามากๆ เข้า หรือเดินเกมสะเปะสะปะ สักวันอาจถึงขั้น จิตแตก-จิตดับได้ โดยเฉพาะเมื่อแผนการโฉดที่วางไว้ ต้องล้มเหลวลง
กำลังโหลดความคิดเห็น