"พิภพ"ย้ำพลังพันธมิตรฯ หนักแน่น ยิ่งเดินหน้าสร้างการเมืองใหม่ ยึดยุทธศาสตร์การเมือง 2 ขา ขับเคลื่อนการต่อสู้ภาคประชาชน ไปพร้อมกับเดินกลไกพรรคการเมืองในสภา ยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแก้โจทย์ปัญหาการเมืองแบบเดิม
รายการ “ก้าวที่กล้าสู่การเมืองใหม่” ทางเอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น.วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค. มี นายสำราญ รอดเพชร เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งได้มีการเชิญ นายพิภพ ธงไชย ที่ปรึกษาพรรคการเมืองใหม่ นายธัญญา ชุนชฎาธาร กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ มาร่วมพูดคุยถึงการต่อสู้ภาคประชาชนกับการขับเคลื่อนพรรคการเมืองใหม่
นายสำราญ กล่าวเปิดประเด็นถึงการต่อสู้ภาคประชาชนในปัจจุบัน นายพิภพ กล่าวประเด็นนี้ว่า การต่อสู้ภาคประชาชน มีความเข้มแข็งมากขึ้น โดยสังเกตได้จากการต่อสู้ชาวมาบตาพุด ซึ่งได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงออกเรียกร้องและต่อต้านการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นพิษต่อชุมชน ทั้งนี้ ต้องแยกแยะระหว่างการชุมนุมกับการต่อสู้ภาคประชาชน เพราะล้วนมีความแตกต่างกัน ซึ่งจุดประสงค์ที่ทำให้ประชาชนต้องลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง เพราะต้องการเรียกร้องขอความเป็นธรรมจากสังคม
นายธัญญา กล่าวเสริมว่า การต่อสู้ภาคประชาชน ถือเป็นการต่อสู้รูปแบบใหม่ ที่ต้องทำควบคู่ไปกับการต่อสู้ในระบบรัฐสภา เพื่อขับเคลื่อนกลไกทุกอย่างให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายพิภพ กล่าวว่า การเมืองในปัจจุบัน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวที่ชี้ขาดรัฐบาลได้ โดยตนมองว่าการเมืองภาคประชาชน ก็มีบทบาทสามารถเปลี่ยนแปลงโฉมใหม่การเมืองให้มีความแตกต่างไปจากอดีต ทั้งนี้ การต่อสู้ของภาคประชาชนตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กำเนิดขึ้นในปี 2549 ถือเป็นการพลิกฟื้นการต่อสู้ภาคประชาชนขึ้นมาอีกครั้ง โดยพลังของพันธมิตรฯ ถือเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดการเมืองรูปแบบใหม่ รวมทั้งสามารถสกัดและขจัดรัฐบาลขี้โกงคอรัปชั่นได้
นายพิภพ กล่าวต่อว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ทำให้การต่อสู้ภาคประชาชนมีบทบาทและเข้มแข็งมากขึ้น เพราะทำให้ประชาชนในสังคมตื่นตัวและออกมาเรียกร้องความถูกต้อง ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของการเมืองรูปแบบใหม่ที่หลากหลายด้าน แต่ถึงอย่างไร การตั้งพรรคการเมือง ตนขอยืนยันว่าไม่ได้ทำให้พลังของพันธมิตรฯ ลดน้อยถอยลง แต่ในทางกลับกันเป็นมิติใหม่ของการเมืองไทย ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจาก ที่ผ่านมาไม่ว่าพรรคการเมืองไหนก็ไม่เคยคิดจะขับเคลื่อนพรรคการเมืองพร้อมไปกับภาคประชาชน ทั้งที่จริงๆ หากสองส่วนนี้เดินหน้าไปพร้อมกัน เสมือนยุทธศาสตร์การเมือง 2 ขา จะสามารถพลิกโฉมการเมืองใหม่ไทยได้ ซึ่งจะไม่มีปัญหาทุจริตคอรัปชั่น และปราศจากอำนาจการเมืองเก่า
นายธัญญา กล่าวเสริมว่า อุปสรรคที่ทำให้การเมืองภาคประชาชนในช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยเข้มแข็ง เนื่องจาก ภาครัฐไม่ค่อยให้ความสำคัญและพยายามจะลดบทบาท เนื่องจากมองว่าหากพลังภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง จะทำให้อำนาจรัฐเสื่อมถอย และควบคุมพลังประชาชนได้ยาก แต่เวลานี้ตนมั่นใจว่า หากดำเนินพรรคการเมืองใหม่ไปพร้อมกับการต่อสู้ภาคประชาชน จะช่วยล้างการเมืองรูปแบบเดิม ที่เต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ ได้
นายพิภพ กล่าวว่า แท้จริงการเมืองภาคประชาชนเกิดขึ้นตั้งแต่สมัย 14 ตุลา จนถึงการชุมนุมต่อสู้ของพันธมิตรฯ แต่คำถามต่อไปที่ต้องพิสูจน์ คือ ในเมื่อเกิดพรรคการเมืองใหม่ขับเคลื่อนไปพร้อมกับพลังภาคประชาชน จะมีอะไรเกิดขึ้นในโฉมหน้าการเมืองไทย แต่ทั้งหมดคำตอบจะอยู่ที่การกำหนดนโยบายพรรคที่ต้องเข้าถึงและเข้าใจประชาชน ซึ่งพรรคการเมืองใหม่ต้องขอเวลาในการวางยุทธศาสตร์ เพื่อแก้โจทย์ยากๆ ทางการเมือง ที่ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนการเมืองแบบเก่าไป แต่ถึงอย่างไร พรรคการเมืองใหม่ไม่มีการเหลิงอำนาจแน่นอน เพราะนโยบายของพรรค ภาคประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเลือกและมีส่วนร่วมทุกอย่าง