xs
xsm
sm
md
lg

ซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี ไอ้หน้าเหลี่ยม เวอร์ชั่น อิตาเลียน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีอิตาลี ซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี (Silvio Berlusconi) กับ นช. ทักษิณ ชินวัตร มีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกัน ทั้งคู่ทำธุรกิจจนร่ำรวย แล้วจึงกระโดดเข้าสู่เวทีการเมือง ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ด้วยนโยบายแบบประชานิยม มีผลประโยชน์ทับซ้อน ถูกตั้งข้อหาคอร์รัปชั่น โกงภาษี ติดสินบนผุ้พิพากษา พยายาม แก้กกฎหมายเพื่อทำให้ตัวเองพ้นผิด คุมสื่อทั้งที่เป็นของตัวเองและของรัฐ เป็นที่เกลียดชังของประชาชน มีการชมมนุมต่อต้านให้ออกจากตำแหน่ง

อีกอย่างที่เหมือนกันคือ ต่างก็หย่าเมีย และมีเพื่อนซี้ต่างวัย เป็นเด็กสาวคราวลูก

ทั้งคู่ ไม่เคยพูดถึงกันและกัน ต่างฝ่ายคงจะขยะขแยงพฤติกรรมของอีกฝ่ายหนึ่ง

สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็มี เช่น เบอร์ลุสโคนี ไม่เคยคิดจะขายสโมสร เอ.ซี.มิลาน เหมือนที่ นช.ทักษิณ ทิ้งทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เบอร์ลุสโคนี ไม่เคยซุกหุ้น เพราะรัฐธรรมนูญอิตาลี ไม่ห้ามนักการเมืองถือหุ้นในธุรกิจ เบอร์ลุสโคนี ยังไม่เคยถูกพิพากษาให้ติดคุก เพราะศาลยกฟ้องในบางคดี อีกหลายๆ คดีที่ศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิด แต่ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน เบอร์ลุสโคนี จึงยังอยู่ในอำนาจต่อไปได้ ไม่ต้องหนีคดี ไปอยู่กับฮุนเซน

อีกอย่างที่ไม่เหมือนกันคือ นช.ทักษิณ ยังไม่เคยถูกคนไทยชกหรือเอาของแข็งฟาดใส่หน้า จนแตกเลือดโชก เหมือนที่เบอร์ลุสโคนีโดน
แท่งโบสถ์จำลอง ที่ชายวัย 42 ปี ชาวอิเตาลียนฟาดใส่หน้า นายเบอร์ลุสโคนี ทำให้ฟันหัก 2 ซี่ ปากแตก ตาบวม ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน และทำให้นายเบอร์ลุสโคนี อดเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดว่าด้วยการแก้ภาวะโลกร้อน ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

เมื่อ 5 ปีก่อน เขาเคยโดนวัยรุ่นเอาขาตั้งกล้อง แพ่นกบาลจนหัวแตกที่กรุงโรม

ในอิตาลี มีเว็บไซต์ชื่อ “ มาฆ่าเบอร์ลุสโคนี กันเถอะ “ ปลุกระดมให้ช่วยกันหาทางสังหารนายกรัฐมนตรีคนนี้ และไม่นานมานี้ ชาวอิตาเลี่ยนหลายพันคน รณรงค์ให้มีวัน “ไม่เอาเบอร์ลุสโคนี” เพื่อขับไล่ให้เขาออกจากตำแหน่ง เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน

ปีนี้ เบอร์ลุสโคนี อายุ 73 ปีแล้ว แต่ดูหนุ่มกว่าเมื่อหลายปีก่อน เพราะไปทำศัลยกรรมพลาสติกใบหน้า และปลูกผมใหม่ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกระหว่างปี ค.ศ.1994-1995 แต่เป็นได้เพียง 7 เดือน รัฐบาลผสมก็ล่ม ครั้งที่สองระหว่าง ค.ศ.2001-2006 อยู่ครบเทอม และเป็นรัฐบาลอิตาลีที่มีอายุนานที่สุดตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ครั้งที่สาม ตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน

เบอร์ลุสโคนี เกิดที่เมืองมิลาน ในครอบครัวชนชั้นกลาง พ่อทำงานเป็นพนักงานธนาคาร เมื่อเรียนจบกฎหมายจาก มหาวิทยาลัยมิลาน เขากู้เงินจากธนาคารที่พ่อทำงานอยู่ มาตั้งบริษัทก่อสร้าง สร้างบ้านขาย โดยมีโครงการขนาดใหญ่ที่โด่งดังคือ มิลาโน 2 ซึ่งเป็นอพาร์เมนท์ เกือบ 4,000 ยุนิต ย่านชานเมืองมิลาน

อีก 10 ปีต่อมา เบอร์ลัลโคนี เข้าสู่ธุรกิจเคเบิล ทีวี ท้องถิ่น โดยตั้งบริษัทชื่อ เทเลมิลาโน ซึ่งต่อมาเติบใหญ่เป็นอาณาจักรชื่อ มีเดียเซ็ต
มีเดียเซ็ต เป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ในอิตาลี 3 แห่ง มีคนดูรวมกันแล้ว เท่ากับครึ่งหนึ่งของคนอิตาเลียนทั้งประเทศ เป็นเจ้าของสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดของอิตาลี และเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์รายวัน ที่ใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของอิตาลีเช่นกัน

กิจการต่างๆ ของเบอร์ลุสดคนี่ มีมากถึง 150 บริษัท ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัท ฟินนิเวสท์ ที่เป็นบริษัทโฮลดิ้งของเขา

ความร่ำรวย และความสำเร็จในทางธุรกิจของเขา ทำให้คนอิตาลีจำนวนมากเชื่อว่า เบอร์ลุสโคนี่ มีความสามารถพอที่จะบริหารประเทศได้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เขาได้เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก เมื่อปี 1994 หลังจากเข้ามาเล่นการเมืองได้เพียงปีเดียวเท่านั้น

แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้เขาได้ครองอำนาจคือ การมีสื่อในมือ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ถึง 3 ช่อง ที่ทำแต่ข่าวด้านบวกเกี่ยวกับตัวเขา และเมื่อเป็นนายกฯ เบอร์ลุสโคนี ยังส่งคนเข้าไปคุมสถานีโทรทัศน์ของรัฐอีก 3 สถานีด้วย ดังนั้น ตั้งแต่เช้าจรดดึก ทุกวัน ไม่มีชาวอิตาเลียนคนไหน ที่จะ รอดพ้นสงครามข่าวสารที่เขาเป็นผู้กำหนดวาระได้


ระหว่างการครองอำนาจสมัยที่ 2 ระหว่างปี 2001-2006 เบอร์ลุลโคนี่ถูกตั้งข้อหามากมาย ในเรื่องการคอร์รัปชั่น โกงเงินหลวง เลี่ยงภาษี ตบแต่งบัญชี และพยายามติดสินบนผู้พิพากษาคนหนึ่ง หลายๆ คดีถูกนำขึ้นสู่ศาล บางคดีศาลยกฟ้อง บางคดีศาลสั่งลงโทษ แต่พอถึงศาลอุทธรณ์ มีการกลับคำพิพากษา

รัฐบาลของเบอร์ลุสโคนี แก้กฎหมาย ลดอายุความคดีฉ้อโกง ให้สั้นลงกว่าเดิม ทำให้คดีที่เขาตกเป็นจำเลยหลสยๆ คดี ศาลยกฟ้อง เพราะหมดอายุความ

เบอร์ลุสโคนี พยายามแก้กฎหมาย ให้เอกสิทธิ์ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่ง แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญลงมติคัดค้าน เพิกถอนการแก้กฎหมายดังกล่าว 2 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2004 และครั้งที่สอง เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้เอง

การหวนกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 3 เบอร์ลุสโคนี นอกจากต้องเผชิญกับคดีคอร์รัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อนแล้ว ยังมีเรื่องส่วนตัวที่เสื่อมเสีย ที่ถูกสื่ออิตาลีนำมาแฉด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเทปลับที่บันทึการสนทนาบนเตียงของเขากับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ไม่ใช่เมีย การจ่ายเงินซื้อบริการทางเพศ ภาพการจัดปาร์ตี้ที่บ้านพักบนเกาะซาร์ดีเนีย ที่มีภาพสาวเปลือยอกและหนุ่มแก้ผ้า เดินเพ่านพ่านทั่วงาน รวมทั้ง การถูกเมียคนที่สองฟ้องหย่า

แน่นอนว่า ทั้งๆ ที่ มีหลักฐานคาตา เบอร์ลุสโคนี่ ก็ต้องปฏิเสธว่า เขาถูกกลั่นแกล้ง ใส่ร้าย บังเอิญว่า อิตาลี ไม่มีผู้มีบารมีนอกรัฐธรรรมนูญเหมือนประเทศไทย คนที่เบอร์ลุสโคนี่โบ้ยไปให้ว่า เป็นผู้กลั่นแกล้งเขาจึง เป็นนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม

เบอร์ลุสโคนี จะอยู่ในอำนาจต่อไปได้ หรือไม่ ขึ้นอยุ่กับการสนับสนุนจากพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังยืนยันว่า จะร่วมหัวจมท้ายกันต่อไป คนอิตาลีที่เบื่อหน่าย เอือมระอา พฤติกรรม ทั้งเรื่อง คอร์รัปชั่น ผลประโยชน์ทับซ้อน และชีวิตส่วนตัวที่บ้าผู้หญิง จึงรู้สึกสะใจที่นายเบอร์ลุสโคนี เจอของแข็งฟาดจนหน้าแตกครั้งนี้

คนไทย จะมีโอกาสอย่างนี้บ้างไหม
กำลังโหลดความคิดเห็น