เคาะข่าวริมโขง : "อ.ไกรศักดิ์" ลั่น สัมพันธ์ไทย-เขมร ร้าวฉานเกินแก้ไข หลัง "นช.แม้ว" เสี้ยม "ฮุนเซน" เกลียด "อภิสิทธิ์" คอยยุแยงเป่าหูเขมรกระด้างกระเดื่องไทย เผย "ฮุนเซน" หลงตัวเอง ลำพองอำนาจ หย่ามใจจุ้นจ้านการเมืองไทย ชี้ "นช.แม้ว" รอดทางเดียว ต้องล้มสถาบันเท่านั้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม มี น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งตัวแปรสำคัญอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยุแหย่ทำให้สถานการณ์ระหว่างทั้งสองประเทศเลวร้ายลง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า อยากกลับบ้านและคิดถึงประเทศไทย โดยวันนี้คนเสื้อแดงหลายร้อยคนได้เดินทางไปเยี่ยมที่กัมพูชา ทำให้เหมือนมีลางว่าจะได้กลับบ้าน
นายเทพมนตรี กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนรู้สึกเสียดายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นข้าของแผ่นดิน แต่ในเมื่อหลุดพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ทำไมถึงไปรับใช้ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นึกถึงข้าวแดงแกงร้อนประเทศไทย หรือประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เคยอะไรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้จักคำว่าคุณของแผ่นดิน ถึงไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาจอมเผด็จการ ซึ่งเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมเป็นขี้ข้าอยู่
ต่อมาได้มีสัมภาษณ์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงประเด็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งนายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ในอดีตสมเด็จฯ ฮุนเซน เคยประกาศว่าแค้นนี้ต้องชำระ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยหยามและมีส่วนร่วมรู้เห็นปฏิวัติในกัมพูชา แต่เวลานี้สมเด็จฯ ฮุนเซน ต้องยอมกลืนตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ในเมื่อศัตรูของไทย 2 คนไปรวมกัน ทำให้ไม่เป็นผลดีต่อไทย แต่เรื่องนี้ ตนอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นไว้ก่อน เพราะว่าเหตุที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่พอใจรัฐบาลไทย เนื่องจากเกิดความเข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะไม่สามารถบริหารประเทศไทยได้ โดยในมุมมองของสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นการมองแบบคนภายนอก ไม่ได้เข้ามาอยู่สถานการณ์และประเทศไทย
นายไกรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าใครในฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางไปเป่าหู สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้เกลียดชังรัฐบาลไทย แต่ตนอยากให้คนไทยนิ่งกับสถานการณ์ดังกล่าว เพราะหลังจากนี้นอกจากความขัดแย้งกับกัมพูชาแล้ว ไทยอาจจะต้องรับศึกประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น คือ ความขัดแย้งกับพม่า ดังนั้น ฝ่ายที่เชียร์ให้รัฐบาลไทยตอบโต้กัมพูชา ตนอยากให้ระมัดระวังสถานการณ์ต่อจากนี้ เพราะในเมื่อไทยยึดประชาธิปไตย ตอนนี้ก็ไม่ควรมุ่งมั่นปราบปรามแต่กัมพูชาอย่างเดียว เนื่องจากไทยจะเสียชื่อเสียงได้
นายไกรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้กัมพูชาเป็นฐานปั่นป่วนประเทศไทยและก่อกวนรัฐบาลไทย ตนเชื่อว่าเวลานี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน หลงทาง ที่ไปเชื่อคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตนคิดว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ตัดสินใจพลาดอย่างสิ้นเชิงที่ทำแบบนี้ เพราะไม่มีประเทศไหนรับการกระทำดังกล่าวได้ และไม่อยากต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยการที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ทรนงในอำนาจตัวเอง เพราะคิดว่าผูกขาดปกครองกัมพูชามานาน จึงหลงตัวเองว่าสามารถเข้าไปยุ่งกิจการภายในของประเทศอื่นได้ ซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน คิดผิดและเลยเถิดไปนานแล้ว
นายไกรศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์หลังปีใหม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาประกาศว่าจะยึดประเทศไทย ว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดงที่ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ลุยยึดประเทศไทยให้ได้ ก่อนที่ศาลจะตัดสินคดียึดทรัพย์ในเร็วๆนี้ ซึ่งตนคิดว่าทางออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่ทางเดียว คือ ต้องโค่นล้มทุกสถาบันที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ กระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่รัฐบาล โดยตนเชื่อว่าช่วงต่อไปนี้ คนไทยอาจจะต้องเหนื่อยกันมากหน่อย ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายมีสติและทำใจให้เย็น
"ผมคิดว่ารัฐบาลคุมสถานการณ์ต่างๆได้แน่นอนอยู่แล้ว โดยรัฐบาลมีความพร้อมที่จะปกป้องสิ่งที่เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์หรือประชาชน ซึ่งถึงอย่างไร รัฐบาลต้องต่อสู้เพื่อเรื่องนี้สุดฤทธิ์อยู่แล้ว" นายไกรศักดิ์ กล่าว
นายไกรศักดิ์ กล่าวย้ำอีกครั้งว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รัฐบาลไม่ควรให้ความสำคัญกับกัมพูชามากนัก เพราะถึงเวลานี้ทุกอย่างมันสายเกินไปสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ในระยะสั้น ดังนั้น ต้องใช้เวลานาน และต้องรอดูต่อไปว่ากัมพูชาจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับไทยได้นานแค่ไหน เนื่องจากกัมพูชาก็เลือกยืนอย่างเดียว เพื่อจะเป็นศัตรูกับไทย ซึ่งรัฐบาลไทยต้องตั้งคำถามถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าตกลงจะมีจุดประสงค์และมุ่งมั่นในการล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ อย่างเดียวใช่หรือไม่
นายโสภณ กล่าวปิดท้ายว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ครองอำนาจในกัมพูชายาวนานถึง 24 ปี ดังนั้น จึงมองนายอภิสิทธิ์ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของไทยได้เพียงปีเดียวว่าเป็นเด็กอมมือ แต่ในมุมมองของผู้อื่น เมื่อเปรียบเทียบภาพลักษณ์ในการเป็นผู้นำประเทศระหว่างสมเด็จฯ ฮุนเซนและนายอภิสิทธิ์แล้ว ผู้นำกัมพูชาถือว่าเทียบกับนายอภิสิทธิ์ไม่ติด เพราะแม้เป็นผู้นำไทยแค่ปีเดียว ในเวทีโลกต้องยอมรับว่า นายอภิสิทธิ์ ได้รับการยอมรับจากชาติมหาอำนาจ ดังนั้น จึงทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน คิดอิจฉาที่นายอภิสิทธิ์ เหนือว่า โดยเฉพาะยิ่งมีตัวเสี้ยมอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมส่งผลให้ผู้นำกัมพูชายิ่งเกลียดนายกรัฐมนตรีของไทย
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เคาะข่าวริมโขง"
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น. วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม มี น.ส.กมลพร วรกุล รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้ได้มีการเชิญ นายโสภณ องค์การณ์ อดีตบรรณาธิการข่าวเศรษฐกิจของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และหนึ่งในพิธีกรรายการ NEWS HOUR สุดสัปดาห์ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการประวัติศาสตร์ และนายประเสริฐ เลิศยะโส อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ มาร่วมพูดคุยในรายการถึงประเด็นข่าวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะกรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งตัวแปรสำคัญอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยุแหย่ทำให้สถานการณ์ระหว่างทั้งสองประเทศเลวร้ายลง
น.ส.อัญชะลี กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า อยากกลับบ้านและคิดถึงประเทศไทย โดยวันนี้คนเสื้อแดงหลายร้อยคนได้เดินทางไปเยี่ยมที่กัมพูชา ทำให้เหมือนมีลางว่าจะได้กลับบ้าน
นายเทพมนตรี กล่าวประเด็นนี้ว่า ตนรู้สึกเสียดายที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือเป็นข้าของแผ่นดิน แต่ในเมื่อหลุดพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ทำไมถึงไปรับใช้ สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่นึกถึงข้าวแดงแกงร้อนประเทศไทย หรือประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาไม่เคยอะไรให้ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้จักคำว่าคุณของแผ่นดิน ถึงไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของ สมเด็จฯ ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชาจอมเผด็จการ ซึ่งเวลานี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมเป็นขี้ข้าอยู่
ต่อมาได้มีสัมภาษณ์ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถึงประเด็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งนายไกรศักดิ์ กล่าวว่า ในอดีตสมเด็จฯ ฮุนเซน เคยประกาศว่าแค้นนี้ต้องชำระ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยหยามและมีส่วนร่วมรู้เห็นปฏิวัติในกัมพูชา แต่เวลานี้สมเด็จฯ ฮุนเซน ต้องยอมกลืนตัวเอง เพื่อผลประโยชน์ที่จะได้จาก พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้น ในเมื่อศัตรูของไทย 2 คนไปรวมกัน ทำให้ไม่เป็นผลดีต่อไทย แต่เรื่องนี้ ตนอยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นไว้ก่อน เพราะว่าเหตุที่ สมเด็จฯ ฮุนเซน ไม่พอใจรัฐบาลไทย เนื่องจากเกิดความเข้าใจว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะไม่สามารถบริหารประเทศไทยได้ โดยในมุมมองของสมเด็จฯ ฮุนเซน เป็นการมองแบบคนภายนอก ไม่ได้เข้ามาอยู่สถานการณ์และประเทศไทย
นายไกรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าใครในฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เดินทางไปเป่าหู สมเด็จฯ ฮุนเซน ให้เกลียดชังรัฐบาลไทย แต่ตนอยากให้คนไทยนิ่งกับสถานการณ์ดังกล่าว เพราะหลังจากนี้นอกจากความขัดแย้งกับกัมพูชาแล้ว ไทยอาจจะต้องรับศึกประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น คือ ความขัดแย้งกับพม่า ดังนั้น ฝ่ายที่เชียร์ให้รัฐบาลไทยตอบโต้กัมพูชา ตนอยากให้ระมัดระวังสถานการณ์ต่อจากนี้ เพราะในเมื่อไทยยึดประชาธิปไตย ตอนนี้ก็ไม่ควรมุ่งมั่นปราบปรามแต่กัมพูชาอย่างเดียว เนื่องจากไทยจะเสียชื่อเสียงได้
นายไกรศักดิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ใช้กัมพูชาเป็นฐานปั่นป่วนประเทศไทยและก่อกวนรัฐบาลไทย ตนเชื่อว่าเวลานี้ สมเด็จฯ ฮุนเซน หลงทาง ที่ไปเชื่อคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยตนคิดว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ตัดสินใจพลาดอย่างสิ้นเชิงที่ทำแบบนี้ เพราะไม่มีประเทศไหนรับการกระทำดังกล่าวได้ และไม่อยากต้อนรับ พ.ต.ท.ทักษิณ และสมเด็จฯ ฮุนเซน โดยการที่สมเด็จฯ ฮุนเซน ทรนงในอำนาจตัวเอง เพราะคิดว่าผูกขาดปกครองกัมพูชามานาน จึงหลงตัวเองว่าสามารถเข้าไปยุ่งกิจการภายในของประเทศอื่นได้ ซึ่งสมเด็จฯ ฮุนเซน คิดผิดและเลยเถิดไปนานแล้ว
นายไกรศักดิ์ กล่าวถึงสถานการณ์หลังปีใหม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาประกาศว่าจะยึดประเทศไทย ว่า ตอนนี้รัฐบาลกำลังเผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดงที่ได้รับคำสั่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ลุยยึดประเทศไทยให้ได้ ก่อนที่ศาลจะตัดสินคดียึดทรัพย์ในเร็วๆนี้ ซึ่งตนคิดว่าทางออกของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีอยู่ทางเดียว คือ ต้องโค่นล้มทุกสถาบันที่อยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์ กระบวนการยุติธรรม หรือแม้แต่รัฐบาล โดยตนเชื่อว่าช่วงต่อไปนี้ คนไทยอาจจะต้องเหนื่อยกันมากหน่อย ดังนั้น ขอให้ทุกฝ่ายมีสติและทำใจให้เย็น
"ผมคิดว่ารัฐบาลคุมสถานการณ์ต่างๆได้แน่นอนอยู่แล้ว โดยรัฐบาลมีความพร้อมที่จะปกป้องสิ่งที่เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันพระมหากษัตริย์หรือประชาชน ซึ่งถึงอย่างไร รัฐบาลต้องต่อสู้เพื่อเรื่องนี้สุดฤทธิ์อยู่แล้ว" นายไกรศักดิ์ กล่าว
นายไกรศักดิ์ กล่าวย้ำอีกครั้งว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา รัฐบาลไม่ควรให้ความสำคัญกับกัมพูชามากนัก เพราะถึงเวลานี้ทุกอย่างมันสายเกินไปสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ในระยะสั้น ดังนั้น ต้องใช้เวลานาน และต้องรอดูต่อไปว่ากัมพูชาจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับไทยได้นานแค่ไหน เนื่องจากกัมพูชาก็เลือกยืนอย่างเดียว เพื่อจะเป็นศัตรูกับไทย ซึ่งรัฐบาลไทยต้องตั้งคำถามถึงสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าตกลงจะมีจุดประสงค์และมุ่งมั่นในการล้มรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ อย่างเดียวใช่หรือไม่
นายโสภณ กล่าวปิดท้ายว่า สมเด็จฯ ฮุนเซน ครองอำนาจในกัมพูชายาวนานถึง 24 ปี ดังนั้น จึงมองนายอภิสิทธิ์ ที่เป็นนายกรัฐมนตรีของไทยได้เพียงปีเดียวว่าเป็นเด็กอมมือ แต่ในมุมมองของผู้อื่น เมื่อเปรียบเทียบภาพลักษณ์ในการเป็นผู้นำประเทศระหว่างสมเด็จฯ ฮุนเซนและนายอภิสิทธิ์แล้ว ผู้นำกัมพูชาถือว่าเทียบกับนายอภิสิทธิ์ไม่ติด เพราะแม้เป็นผู้นำไทยแค่ปีเดียว ในเวทีโลกต้องยอมรับว่า นายอภิสิทธิ์ ได้รับการยอมรับจากชาติมหาอำนาจ ดังนั้น จึงทำให้สมเด็จฯ ฮุนเซน คิดอิจฉาที่นายอภิสิทธิ์ เหนือว่า โดยเฉพาะยิ่งมีตัวเสี้ยมอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ย่อมส่งผลให้ผู้นำกัมพูชายิ่งเกลียดนายกรัฐมนตรีของไทย
