ASTV ผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"ใจเย็น ไม่ถือสา หลังถูก"ฮุนเซน"โจมตีอย่างรุนแรง ด้าน"ปณิธาน"เผย "มาร์ค"ยกหูโทรหา"ฮุนเซน" ยืนยันยังให้เงินกู้1.4 พันล้านเหมือนเดิม "สุริยะใส" ชี้ผู้นำเขมรเหิมเกริม ส่งสัญญาณเผชิญหน้ากับไทยในทุกมิติ จี้รัฐบาลต้องพูดความจริงกับประชาชน
จากกรณีที่สื่อของประเทศกัมพูชา เสนอข่าวว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่มีความสุขกับรัฐบาลไทย ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ รวมทั้งไม่แคร์ ถ้ารัฐบาลไทยจะไม่ให้กู้เงินทำโครงการต่างๆ และท้าให้ประเทศไทยปิดพรมแดน
เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามนายอภิสิทธิ์ ก่อนเข้าประชุมครม.เมื่อเช้าวานนี้(1 ธ.ค.) ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ตอบเพียงว่า ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์กัมพูชา ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สมเด็จฮุนเซน โกรธอะไรนายกฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หันมายิ้ม และตอบเพียงสั้นๆว่า "ไม่รู้มีใครไปยุหรือเปล่า" จากนั้นก็เดินเข้าห้องประชุมครม.ไป
**ชี้"ฮุนเซน"ได้รับข้อมูลที่ผิด
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงถึงเรื่องนี้อีกครั้งภายหลังประชุมครม. ว่า ตนรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย สิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นแนวทางที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศไทย คนไทย ขณะเดียวกันก็เป็นมิตรกับประชาชนชาวกัมพูชา ไม่มีเรื่องใดเลย เราระมัดระวังมากว่า ในขณะที่มีการพาดพิงมาถึงประเทศไทย ตนได้เลือกใช้วิธีการที่ไม่ให้กระทบกับประชาชนชาวกัมพูชา และยืนยันแนวทางนั้น
"น่าเสียดายว่า มีการให้ข้อมูลในทางผิดๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น จะเห็นว่ามีการปิดพรมแดน ยกเลิกโครงการนั้น โครงการนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีข้อเท็จจริง ฉะนั้นผมก็ยืนยันตามแนวทางนี้ และคิดว่าเป็นแนวทางซึ่งรักษาประโยชน์ของคนไทย ประเทศไทย และเป็นมิตรกับประชาชนชาวกัมพูชา หากมีการปฏิเสธในเรื่องความร่วมมือต่างๆ อยากให้พี่น้องชาวกัมพูชาได้รับทราบว่าเป็นการตัดสินใจของผู้นำกัมพูชา ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลไทย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่านายกฯ จะทำอย่างไรไม่ให้นายกฯกัมพูชาเล่นการเมืองข้ามประเทศ เพราะกระทบกับการทำงานบ้านเรา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็อย่าไปเล่นกันเขา เราดูประโยชน์ในเรื่องการดูแลว่าความสัมพันธ์การค้าขาย เป็นไปอย่างปกติ ขณะเดียวกันความร่วมมือต่างๆ สามารถเดินไปได้ แต่ถ้าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง ประชาชนชาวกัมพูชาก็ควรรับทราบว่า เป็นการตัดสินใจของนายกฯกัมพูชา ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินใจภายใต้คำปรึกษาของใครก็สุดแล้วแต่
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ในสายตาชาวโลกแล้ว ตนคิดว่าเขาเข้าใจ เพราะตนมีโอกาสพบกับผู้นำหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบว่าปัญหาทั้งหมดรัฐบาลไทยไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มอะไรเลย เมื่อถามอีกว่า ท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ไม่เอื้อต่อการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกฯฮุนเซน ต้องพิจารณา
เมื่อถามว่า ใครเป็นคนให้ข้อมูลผิดๆ กับทางนายกฯฮุนเซน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคงต้องไปถามนายกฯฮุนเซน ต่อข้อถามอีกว่าน่าจะมีการวิเคราะห์ว่าใครเป็นคนให้ข้อมูลที่ผิดๆ นายอภิสิทธิ์ ไม่กล่าว พร้อมกับนิ่งเงียบ เมื่อถามอีกว่าแต่สิ่งที่สมเด็จฮุนเซน พูดเป็นการแสดงออกว่าไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตกับรัฐบาลชุดนี้ โดยระบุตัว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลาที่เขาติดต่อภายในกับคนของเรา ไม่ได้พูดอย่างนี้
เมื่อถามว่า แสดงว่าการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา เขาเรียก 2 หน้า ภายนอกแสดงออกมาว่าปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อไป แต่เวลาให้ข่าวจะพยายามโจมตีประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครับ ก่อนจะถามกลับผู้สื่อข่าวว่า เป็นความเห็นหรือคำถาม
**เผย"มาร์ค"ยกหูโทรหา"ฮุนเซน"
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาวิจารณ์รัฐบาลไทย และปฏิเสธเงินกู้ 1.4 พันล้านบาท ว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หลังจาก ครม.มีมติยกเลิกข้อตกลงร่วม (เอ็มโอยู) พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่กัมพูชากลับเข้าใจรัฐบาลไทย จะยกเลิกความร่วมมือทั้งหมด ดังนั้นในช่วงที่วงเงินกู้ 1.4 พันล้านบาท ถึงเวลาครบรอบต่ออายุวงเงิน กัมพูชา จึงประกาศยกเลิกการกู้ เพราะคิดว่าไทยจะไม่ให้กู้แล้ว
โดยทีมงานของนายกฯ ฮุนเซน เกิดความสับสนในข้อมูล จึงได้แจ้งผ่านมายังคนกลางซึ่งเป็นคนระดับผู้ใหญ่ของไทย ที่เข้ามาเป็นคนประสานให้ ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลว่า อยากจะให้นายอภิสิทธิ์ โทรศัพท์ไปยันยันข้อมูลกับฮุนเซน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็ได้โทรศัพท์ไปเมื่อ 2 วันก่อน โดยยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีไทยยังไม่มีมติที่จะยกเลิกความตกลงทั้งหมดระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่วนกัมพูชาจะกู้ต่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเขาจะตัดสินใจ
ทั้งนี้ เป็นการโทรศัพท์ไปครั้งแรก ตั้งแต่มีปัญหาความสัมพันธ์สองประเทศเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดต้องโทรศัพท์ไปง้อ ทั้งๆที่ฝ่ายเราเป็นฝ่ายที่ให้เงินกู้ นายปณิธาน กล่าวว่า เราไม่ได้ง้อ แต่เราเพียงบอกว่า กัมพูชาได้ข้อมูลที่ผิด ส่วนหลังจากนี้จะกู้ต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกัมพูชาจะตัดสินใจ
"ส่วนความสัมพันธ์ในภาพรวมนั้น รัฐบาลไทยยังยืนยันว่าจะกลับมาอยู่ในระดับที่ดีเหมือนเดิมกัมพูชาต้องปฎิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย 2.เลิกวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย และ 3. ยกเลิกการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์" นายปณิธาน กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์โทรศัพท์ไปแล้ว ฮุนเซน ก็ยังมาพูดโจมตีรัฐบาลอีก แสดงว่าฮุนเซน ไม่เชื่อถือนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน คงไม่แน่ใจว่านายอภิสิทธิ์ พูดแล้วจะไม่เป็นจริงในทางปฎิบัติ เพราะมีบทเรียนจากผู้นำไทยในอดีตที่พูดกลับไปกลับมา ซึ่งโครงการเงินกู้ 1.4 พันล้านบาทนี้ เป็นข้อตกลงมายาวนาน ผ่านมาอย่างน้อย 3 รัฐบาล แต่กัมพูชายังไม่ได้เงิน ดังนั้นจึงเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งรัฐบาลไทยจะจัดส่งจดหมายยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรตามไป ภายใน 1-2 วัน
**ช่วย"ศิวรักษ์" ต้องทำตามขั้นตอน
ส่วนกรณีที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศกรชาวไทยที่ถูกจับกุม ไปขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า แม้ว่านางสิมารักษ์ จะยอมรับว่ารู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ หรือขอให้ใครช่วยก็ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องอยู่ในกรอบหลักการสากล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งการจัดหา ทนาย ประสานงานให้มารดาเข้าพบ ซึ่งทั้งหมดก็ใช้เงินภาษีของประชาชนในการดำเนินการ
**ชี้"ฮุนเซน"พร้อมเผชิญหน้า
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.)กล่าวว่า การที่ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ด่านายกฯอภิสิทธิ์ เป็นการตอกย้ำชัดเจนว่า กัมพูชาพร้อมเผชิญหน้ากับประเทศไทยในทุกมิติ การปฏิเสธเงินกู้ 1,400 ล้านบาท จากทางการไทย และการปิดอ่าว จนกระทบกับเรือประมงกว่าพันลำ เช่นเดียวกับการปฏิเสธเข้าร่วมประชุมเอดส์โลกที่ประเทศไทย ทั้งหมดไม่ใช่ความเข้าใจผิดอย่างที่นายกฯ พยายามอธิบาย หรือทำให้คนไทยรู้สึกว่าไม่มีความขัดแย้ง เคลีร์ยกันได้ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นคนละอย่าง และเราตามหลังกัมพูชาหลายก้าว
"ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องพูดความจริง และให้ข้อมูลตรงไปตรงมากับประชาชน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งยากที่จะคาดเดา การคำนึงถึงมารยาททางการทูต ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องรักษาเกียรติภูมิของคนไทยด้วยเช่นกัน"
**จับพิรุธแม่วิศวกรเล่นละคร
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึง กรณีนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ที่ไปขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย ให้ช่วยลูก โดยอ้างว่ารัฐบาลทำงานช้านั้น นางสิมารักษ์จะรู้เห็นเป็นใจ หรือเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็มีเงื่อนงำน่าเคลือบแคลงสงสัย เพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ บริสุทธิ์ใจจะช่วยจริง ทำไมต้องปล่อย นายศิวรักษ์ อยู่ในคุกหลายสัปดาห์ และก่อนหน้านี้หลังจากนางสิมารักษ์ กลับจากเยี่ยมลูกชายโดยการช่วยเหลือของกระทรวงการต่างประเทศไทย ก็ดูแฮปปี้ดี และอ้างว่ากัมพูชาดูแลดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนี้กลับมาอ้างเรื่องทางการไทยล่าช้า จึงต้องพึ่งพรรคเพื่อไทย เหตุผลและข้ออ้างฟังดูแล้วทะแม่งๆ ทำให้คนไทยมีสิทธิ์คิดว่า นี่เป็นละครตบตาคนไทย
**แม่วิศวกรโฟนอินซูฮกเพื่อไทย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขณะนี้ทางพรรคได้ประสานกับผู้ใหญ่ของกัมพูชาแล้ว ก็ได้รับอนุญาตให้นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ สามารถเดินทางไปเยี่ยมลูกชายได้ ในวันที่ 2 ธ.ค. และจะเดินทางไปในฐานะส่วนตัวไม่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินทางไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการแถลงข่าว นายพร้อมพงศ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่พรรคต่อสายโทรศัพท์ถึงนางสิมารักษ์ และโฟนอินเข้ามายังห้องแถลงข่าว โดยนางสิมารักษ์ กล่าวว่า วันที่ 2 ธ.ค. เวลา 07.40 น. จะขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินที่ ทีจี 580 ไปกัมพูชา โดยได้รับการช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทยในการประสานงานให้ สังคมคงมองว่าตนทำไมวุ่นวาย วิ่งไปหาสายนั้นสายนี้ให้ช่วย เพราะต้องทำหน้าที่ทุกอย่างทั้งเป็นพ่อและแม่
**กัมพูชาเปิดน่านน้ำให้ทำประมงเริ่ม 3 ธ.ค.นี้
นายฐิติกรณ์ โลหะคุปต์ นายกสมาคมประมงจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ได้.รับรายงานทางโทรศัพท์แจ้งจากนายพัด สุภาภา ส.ว.เกาะกง และเจ้าของโรงแรมเกาะกงรีสอร์ต จ.เกาะกงว่า หลังการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง นายด่านศุลกากร ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการในการเปิดน่านน้ำให้เรือประมงไทยเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำกัมพูชานานกว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติให้เรือประมงไทยที่มีความประสงค์จะเข้าไปทำการประมงไทยในเขตน่านน้ำกัมพูชาให้ติดต่อขอรับใบอนุญาตได้ที่ที่ทำการชั่วคราว ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเกาะกงรีสอร์ต บ้านจานเยี่ยม อ.เสาธงจ.เกาะกง ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้
จากกรณีที่สื่อของประเทศกัมพูชา เสนอข่าวว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ไม่มีความสุขกับรัฐบาลไทย ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีนายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ รวมทั้งไม่แคร์ ถ้ารัฐบาลไทยจะไม่ให้กู้เงินทำโครงการต่างๆ และท้าให้ประเทศไทยปิดพรมแดน
เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามนายอภิสิทธิ์ ก่อนเข้าประชุมครม.เมื่อเช้าวานนี้(1 ธ.ค.) ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ตอบเพียงว่า ไม่ได้อ่านหนังสือพิมพ์กัมพูชา ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า สมเด็จฮุนเซน โกรธอะไรนายกฯหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หันมายิ้ม และตอบเพียงสั้นๆว่า "ไม่รู้มีใครไปยุหรือเปล่า" จากนั้นก็เดินเข้าห้องประชุมครม.ไป
**ชี้"ฮุนเซน"ได้รับข้อมูลที่ผิด
อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ได้แถลงถึงเรื่องนี้อีกครั้งภายหลังประชุมครม. ว่า ตนรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทย สิ่งที่ทำทั้งหมดเป็นแนวทางที่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศไทย คนไทย ขณะเดียวกันก็เป็นมิตรกับประชาชนชาวกัมพูชา ไม่มีเรื่องใดเลย เราระมัดระวังมากว่า ในขณะที่มีการพาดพิงมาถึงประเทศไทย ตนได้เลือกใช้วิธีการที่ไม่ให้กระทบกับประชาชนชาวกัมพูชา และยืนยันแนวทางนั้น
"น่าเสียดายว่า มีการให้ข้อมูลในทางผิดๆ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เช่น จะเห็นว่ามีการปิดพรมแดน ยกเลิกโครงการนั้น โครงการนี้แล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีข้อเท็จจริง ฉะนั้นผมก็ยืนยันตามแนวทางนี้ และคิดว่าเป็นแนวทางซึ่งรักษาประโยชน์ของคนไทย ประเทศไทย และเป็นมิตรกับประชาชนชาวกัมพูชา หากมีการปฏิเสธในเรื่องความร่วมมือต่างๆ อยากให้พี่น้องชาวกัมพูชาได้รับทราบว่าเป็นการตัดสินใจของผู้นำกัมพูชา ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลไทย" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่านายกฯ จะทำอย่างไรไม่ให้นายกฯกัมพูชาเล่นการเมืองข้ามประเทศ เพราะกระทบกับการทำงานบ้านเรา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราก็อย่าไปเล่นกันเขา เราดูประโยชน์ในเรื่องการดูแลว่าความสัมพันธ์การค้าขาย เป็นไปอย่างปกติ ขณะเดียวกันความร่วมมือต่างๆ สามารถเดินไปได้ แต่ถ้าทางฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง ประชาชนชาวกัมพูชาก็ควรรับทราบว่า เป็นการตัดสินใจของนายกฯกัมพูชา ซึ่งอาจจะเป็นการตัดสินใจภายใต้คำปรึกษาของใครก็สุดแล้วแต่
อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ในสายตาชาวโลกแล้ว ตนคิดว่าเขาเข้าใจ เพราะตนมีโอกาสพบกับผู้นำหลายประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบว่าปัญหาทั้งหมดรัฐบาลไทยไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มอะไรเลย เมื่อถามอีกว่า ท่าทีของสมเด็จฮุนเซน ไม่เอื้อต่อการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่นายกฯฮุนเซน ต้องพิจารณา
เมื่อถามว่า ใครเป็นคนให้ข้อมูลผิดๆ กับทางนายกฯฮุนเซน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าคงต้องไปถามนายกฯฮุนเซน ต่อข้อถามอีกว่าน่าจะมีการวิเคราะห์ว่าใครเป็นคนให้ข้อมูลที่ผิดๆ นายอภิสิทธิ์ ไม่กล่าว พร้อมกับนิ่งเงียบ เมื่อถามอีกว่าแต่สิ่งที่สมเด็จฮุนเซน พูดเป็นการแสดงออกว่าไม่พร้อมที่จะใช้ชีวิตกับรัฐบาลชุดนี้ โดยระบุตัว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เวลาที่เขาติดต่อภายในกับคนของเรา ไม่ได้พูดอย่างนี้
เมื่อถามว่า แสดงว่าการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา เขาเรียก 2 หน้า ภายนอกแสดงออกมาว่าปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อไป แต่เวลาให้ข่าวจะพยายามโจมตีประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครับ ก่อนจะถามกลับผู้สื่อข่าวว่า เป็นความเห็นหรือคำถาม
**เผย"มาร์ค"ยกหูโทรหา"ฮุนเซน"
ด้านนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาวิจารณ์รัฐบาลไทย และปฏิเสธเงินกู้ 1.4 พันล้านบาท ว่า เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน หลังจาก ครม.มีมติยกเลิกข้อตกลงร่วม (เอ็มโอยู) พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่กัมพูชากลับเข้าใจรัฐบาลไทย จะยกเลิกความร่วมมือทั้งหมด ดังนั้นในช่วงที่วงเงินกู้ 1.4 พันล้านบาท ถึงเวลาครบรอบต่ออายุวงเงิน กัมพูชา จึงประกาศยกเลิกการกู้ เพราะคิดว่าไทยจะไม่ให้กู้แล้ว
โดยทีมงานของนายกฯ ฮุนเซน เกิดความสับสนในข้อมูล จึงได้แจ้งผ่านมายังคนกลางซึ่งเป็นคนระดับผู้ใหญ่ของไทย ที่เข้ามาเป็นคนประสานให้ ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาลว่า อยากจะให้นายอภิสิทธิ์ โทรศัพท์ไปยันยันข้อมูลกับฮุนเซน ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็ได้โทรศัพท์ไปเมื่อ 2 วันก่อน โดยยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีไทยยังไม่มีมติที่จะยกเลิกความตกลงทั้งหมดระหว่างไทยกับกัมพูชา ส่วนกัมพูชาจะกู้ต่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเขาจะตัดสินใจ
ทั้งนี้ เป็นการโทรศัพท์ไปครั้งแรก ตั้งแต่มีปัญหาความสัมพันธ์สองประเทศเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดต้องโทรศัพท์ไปง้อ ทั้งๆที่ฝ่ายเราเป็นฝ่ายที่ให้เงินกู้ นายปณิธาน กล่าวว่า เราไม่ได้ง้อ แต่เราเพียงบอกว่า กัมพูชาได้ข้อมูลที่ผิด ส่วนหลังจากนี้จะกู้ต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกัมพูชาจะตัดสินใจ
"ส่วนความสัมพันธ์ในภาพรวมนั้น รัฐบาลไทยยังยืนยันว่าจะกลับมาอยู่ในระดับที่ดีเหมือนเดิมกัมพูชาต้องปฎิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อคือ 1.ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย 2.เลิกวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย และ 3. ยกเลิกการแต่งตั้งพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์" นายปณิธาน กล่าว
เมื่อถามว่า หลังจากที่นายอภิสิทธิ์โทรศัพท์ไปแล้ว ฮุนเซน ก็ยังมาพูดโจมตีรัฐบาลอีก แสดงว่าฮุนเซน ไม่เชื่อถือนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน คงไม่แน่ใจว่านายอภิสิทธิ์ พูดแล้วจะไม่เป็นจริงในทางปฎิบัติ เพราะมีบทเรียนจากผู้นำไทยในอดีตที่พูดกลับไปกลับมา ซึ่งโครงการเงินกู้ 1.4 พันล้านบาทนี้ เป็นข้อตกลงมายาวนาน ผ่านมาอย่างน้อย 3 รัฐบาล แต่กัมพูชายังไม่ได้เงิน ดังนั้นจึงเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งรัฐบาลไทยจะจัดส่งจดหมายยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรตามไป ภายใน 1-2 วัน
**ช่วย"ศิวรักษ์" ต้องทำตามขั้นตอน
ส่วนกรณีที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศกรชาวไทยที่ถูกจับกุม ไปขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า แม้ว่านางสิมารักษ์ จะยอมรับว่ารู้จักพ.ต.ท.ทักษิณ หรือขอให้ใครช่วยก็ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องอยู่ในกรอบหลักการสากล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลก็ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ทั้งการจัดหา ทนาย ประสานงานให้มารดาเข้าพบ ซึ่งทั้งหมดก็ใช้เงินภาษีของประชาชนในการดำเนินการ
**ชี้"ฮุนเซน"พร้อมเผชิญหน้า
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ (ก.ม.ม.)กล่าวว่า การที่ ฮุนเซน ให้สัมภาษณ์ด่านายกฯอภิสิทธิ์ เป็นการตอกย้ำชัดเจนว่า กัมพูชาพร้อมเผชิญหน้ากับประเทศไทยในทุกมิติ การปฏิเสธเงินกู้ 1,400 ล้านบาท จากทางการไทย และการปิดอ่าว จนกระทบกับเรือประมงกว่าพันลำ เช่นเดียวกับการปฏิเสธเข้าร่วมประชุมเอดส์โลกที่ประเทศไทย ทั้งหมดไม่ใช่ความเข้าใจผิดอย่างที่นายกฯ พยายามอธิบาย หรือทำให้คนไทยรู้สึกว่าไม่มีความขัดแย้ง เคลีร์ยกันได้ ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นคนละอย่าง และเราตามหลังกัมพูชาหลายก้าว
"ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะต้องพูดความจริง และให้ข้อมูลตรงไปตรงมากับประชาชน เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ความขัดแย้ง ซึ่งยากที่จะคาดเดา การคำนึงถึงมารยาททางการทูต ก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องรักษาเกียรติภูมิของคนไทยด้วยเช่นกัน"
**จับพิรุธแม่วิศวกรเล่นละคร
นายสุริยะใส ยังกล่าวถึง กรณีนางสิมารักษ์ ณ นครพนม ที่ไปขอความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทย ให้ช่วยลูก โดยอ้างว่ารัฐบาลทำงานช้านั้น นางสิมารักษ์จะรู้เห็นเป็นใจ หรือเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม แต่เรื่องนี้ก็มีเงื่อนงำน่าเคลือบแคลงสงสัย เพราะถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ บริสุทธิ์ใจจะช่วยจริง ทำไมต้องปล่อย นายศิวรักษ์ อยู่ในคุกหลายสัปดาห์ และก่อนหน้านี้หลังจากนางสิมารักษ์ กลับจากเยี่ยมลูกชายโดยการช่วยเหลือของกระทรวงการต่างประเทศไทย ก็ดูแฮปปี้ดี และอ้างว่ากัมพูชาดูแลดี ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนี้กลับมาอ้างเรื่องทางการไทยล่าช้า จึงต้องพึ่งพรรคเพื่อไทย เหตุผลและข้ออ้างฟังดูแล้วทะแม่งๆ ทำให้คนไทยมีสิทธิ์คิดว่า นี่เป็นละครตบตาคนไทย
**แม่วิศวกรโฟนอินซูฮกเพื่อไทย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขณะนี้ทางพรรคได้ประสานกับผู้ใหญ่ของกัมพูชาแล้ว ก็ได้รับอนุญาตให้นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ สามารถเดินทางไปเยี่ยมลูกชายได้ ในวันที่ 2 ธ.ค. และจะเดินทางไปในฐานะส่วนตัวไม่มีสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินทางไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงการแถลงข่าว นายพร้อมพงศ์ ได้ให้เจ้าหน้าที่พรรคต่อสายโทรศัพท์ถึงนางสิมารักษ์ และโฟนอินเข้ามายังห้องแถลงข่าว โดยนางสิมารักษ์ กล่าวว่า วันที่ 2 ธ.ค. เวลา 07.40 น. จะขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินที่ ทีจี 580 ไปกัมพูชา โดยได้รับการช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทยในการประสานงานให้ สังคมคงมองว่าตนทำไมวุ่นวาย วิ่งไปหาสายนั้นสายนี้ให้ช่วย เพราะต้องทำหน้าที่ทุกอย่างทั้งเป็นพ่อและแม่
**กัมพูชาเปิดน่านน้ำให้ทำประมงเริ่ม 3 ธ.ค.นี้
นายฐิติกรณ์ โลหะคุปต์ นายกสมาคมประมงจังหวัดตราด เปิดเผยว่า ได้.รับรายงานทางโทรศัพท์แจ้งจากนายพัด สุภาภา ส.ว.เกาะกง และเจ้าของโรงแรมเกาะกงรีสอร์ต จ.เกาะกงว่า หลังการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดเกาะกง นายด่านศุลกากร ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการในการเปิดน่านน้ำให้เรือประมงไทยเข้าไปทำการประมงในน่านน้ำกัมพูชานานกว่า 3 ชั่วโมง ที่ประชุมมีมติให้เรือประมงไทยที่มีความประสงค์จะเข้าไปทำการประมงไทยในเขตน่านน้ำกัมพูชาให้ติดต่อขอรับใบอนุญาตได้ที่ที่ทำการชั่วคราว ฝั่งตรงข้ามโรงแรมเกาะกงรีสอร์ต บ้านจานเยี่ยม อ.เสาธงจ.เกาะกง ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้
