“มาร์ค” โทร.หา “ฮุนเซน” ยัน ยังประเคนเงินกู้ 1.4 พันล้านให้เหมือนเดิม “ปณิธาน” แฉกลุ่มต้านรัฐบาล เป่าหู “นายกฯ เขมร” หวังทุบความสัมพันธ์ ดิสเครดิต ตามแผนคว่ำรัฐบาลต่อ หลังจากพังประชุมที่พัทยา แต่ล้มรัฐบาลไม่ได้
วันนี้ (1 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีที่สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีออกมาวิจารณ์รัฐบาลไทย โดยเฉพาะการปฏิเสธเงินกู้ 1.4 พันล้านบาท ว่า เป็นเพราะขณะนี้มีช่องว่างในด้านการสื่อสาร ระหว่างรัฐบาลไทยกับกัมพูชา ทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ซึ่งหลังจากที่ ครม.มีมติยกเลิกข้อตกลงร่วม (เอ็มโอยู) พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล แต่ทางกัมพูชากลับเข้าใจว่า รัฐบาลไทยจะยกเลิกความร่วมมือทั้งหมด ดังนั้น ในช่วงที่วงเงินกู้ 1.4 พันล้านบาทถึงเวลาครบรอบต่ออายุวงเงิน กัมพูชาจึงประกาศยกเลิกการกู้ เพราะคิดว่าไทยจะไม่ให้กู้แล้ว
โดยทีมงานของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน เกิดความสับสนในข้อมูล จึงได้แจ้งผ่านมายังคนกลางซึ่งเป็นคนระดับผู้ใหญ่ของไทย ที่เข้ามาเป็นคนประสานให้ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐบาล ว่า อยากจะให้ นายอภิสิทธิ์ โทรศัพท์ไปยืนยันข้อมูลกับฮุนเซน ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ก็ได้โทรศัพท์ไปเมื่อ 2 วันก่อน โดยยืนยันว่า คณะรัฐมนตรีไทยยังไม่มีมติที่จะยกเลิกความตกลงทั้งหมดระหว่างไทยกับ ส่วนกัมพูชาจะกู้ต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขาจะตัดสินใจ ทั้งนี้ เป็นการโทรศัพท์ไปครั้งแรกตั้งแต่มีปัญหาความสัมพันธ์สองประเทศเกิดขึ้น
“สำหรับปัญหาการสื่อสารระหว่างนายกฯไทยกับสมเด็จฮุนเซน ที่เกิดขึ้นนั้นส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะข้าราชการในทีมงานของสมเด็จฮุนเซน กลัวท่าน เพราะเป็นผู้นำเก่าแก่จึงไม่กล้ารายงานความจริง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทีมงานเกรงกลัวไม่กล้าให้ข้อมูลที่ถูกต้อง หรือเป็นเพราะมีบางหน่วยงานหรือบุคคลบางคนบิดเบือนข้อมูลจากรัฐบาลไทย เพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล หลังจากที่ทำลายการประชุมอาเซียนที่พัทยาลงได้ ก็ไม่คิดว่ารัฐบาลจะกอบกู้ความเชื่อมั่นกลับมาได้ จึงพยายามปล่อยข่าวดิสเครดิตต่อไป เพื่อสร้างวิกฤตในทางต่างประเทศให้เกิดกับรัฐบาล หลังจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะพยายามใช้ช่องทางการสื่อสารโดยตรงระหว่างผู้นำมากขึ้นเพื่อลดความสับสน และป้องกันการปล่อยข่าวยั่วยุให้เกิดปัญหา” โฆษกรัฐบาล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดต้องโทรศัพท์ไปง้อทั้งๆ ที่ฝ่ายเราเป็นฝ่ายที่ให้เงินกู้ นายปณิธาน กล่าวว่า เราไม่ได้ง้อ แต่เราเพียงบอกว่ากัมพูชาได้ข้อมูลที่ผิด ส่วนหลังจากนี้ จะกู้ต่อหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับกัมพูชาจะตัดสินใจ รัฐบาลไม่มีปัญหาต่างจากสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ อยากให้ลองไปตรวจสอบดูว่าเมื่อมีการอนุมัติเงินกู้ให้กับเพื่อนบ้านก็จะมีธุรกิจในเครือข่ายอดีตนายกรัฐมนตรีได้รับผลประโยชน์ด้วย
“ส่วนความสัมพันธ์ในภาพรวมนั้น รัฐบาลไทยยังยืนยันว่าจะกลับมาอยู่ในระดับที่ดีเหมือนเดิมกัมพูชาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศไทย 2.เลิกวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทย และ 3.ยกเลิกการแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์” นายปณิธาน กล่าว
เมื่อถามว่า แต่หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ โทรศัพท์ไป ฮุนเซนก็ยังมาพูดรัฐบาลโจมตีอีก แสดงว่าฮุนเซนไม่เชื่อถือนายอภิสิทธิ์ หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน คงไม่แน่ใจว่านายอภิสิทธิ์ พูดแล้วจะไม่เป็นจริงในทางปฏิบัติ เพราะมีบทเรียนจากผู้นำไทยในอดีตที่พูดกลับไปกลับมา ซึ่งโครงการเงินกู้ 1.4 พันล้านบาทนี้ เป็นข้อตกลงมายาวนานผ่านมาอย่างน้อย 3 รัฐบาล แต่กัมพูชายังไม่ได้เงิน ดังนั้น จึงเกิดความไม่มั่นใจ ซึ่งรัฐบาลไทยจะจัดส่งจดหมายยืนยันเป็นลายลักษณ์อักษรตามไปภายใน 1-2 วัน
ส่วนกรณีที่ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกจับกุม ไปขอให้พรรคเพื่อไทยช่วยเหลือนั้น นายปณิธาน กล่าวว่า แม้ว่านางสิมารักษ์จะยอมรับว่า รู้จัก พ.ต.ท.ทักษิณ หรือขอให้ใครช่วยก็ไม่เป็นปัญหา แต่ต้องอยู่ในกรอบหลักการสากล อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา รัฐบาลก็ได้ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทั้งการจัดหาทนาย ประสานงานให้มารดาเข้าพบ ซึ่งทั้งหมดก็ใช้เงินภาษีของประชาชนในการดำเนินการ