“เทพไท” เมินเสื้อแดงตั้งฉายารัฐ ซัด “สื่อเทียม” แค่หวังทำลายการเมืองฝ่ายตรงข้าม แนะให้ฉายา “นช.แม้ว-เหลี่ยมพันเหลี่ยม” ชี้เล่ห์แพรวพราวทำแต่เพื่อประโยชน์ตน ส่วน ส.ส.ฝ่ายค้าน ได้ “นักกระโดดร่ม” ร่วมประชุมสภาแต่ไม่เสียบบัตร ซ้ำชอบทำสภาล่มตลอด ไม่วิจารณ์ “ฮุนเซน” ด่าไทย ให้ที่พักนักโทษหนีคดี ซัด “เพื่อไทย” คนไทยหรือเปล่า ชอบเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเขมร
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่น ตั้งฉายาให้นายกรัฐมนตรีและบุคคลต่างๆ ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อถึงสิ้นปีจะมีการตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการต่างๆ คนที่ถูกตั้งฉายาก็ยอมรับและเคารพในความคิดเห็น โดยความเห็นส่วนใหญ่จะเป็นมติจากสื่อมวลชนกระแสหลัก แต่การตั้งฉายาของดีสเตชั่นเป็นสื่อกระแสเทียม ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมืองของบางฝ่ายจึงไม่เป็นธรรมต่อนายกฯ และผู้ที่ถูกตั้งฉายา ถ้าหากว่าดีสเตชั่นจะตั้งฉายาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรตั้งฉายาให้กับทุกฝ่ายโดยไม่เลือกข้าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลโดยเท่าเทียมกัน และการตั้งฉายาให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า “เด็กดื้อข้างโพเดี้ยม” ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการตั้งที่มีอคติ หวังทำลายทางการเมืองไม่ใช่สร้างสรรค์เหมือนสื่อมวลชนกระแสหลักที่มีเป็นประจำทุกปี
นายเทพไทกล่าวต่อว่า เมื่อสถานีของคนเสื้อแดงตั้งฉายาให้กับนายกฯ แล้ว อยากถามว่าเหตุใดไม่ตั้งฉายาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกัมพูชา และพรรคเพื่อไทยบ้าง ถ้าคิดไม่ออกว่าจะตั้งอย่างไรให้เหมาะสม ตนจะแนะนำให้ว่าฉายาของ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็น “เหลี่ยมพันเหลี่ยม” มีความหมายว่า เป็นมนุษย์หน้าสี่เหลี่ยมและมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมากมายนับไม่ถ้วน มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองล้วนแล้วแต่มีวาระซ่อนเร้น ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น และทุกครั้งที่มีความเคลื่อนไหว ล้วนแล้วแต่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นตลอดเวลาซึ่งเหมาะสมที่สุดกับฉายานี้
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ได้ตั้งฉายาให้สภาว่า “สภาตกเลข” นั้น ข้อเท็จจริงมาจากการที่การประชุมสภาที่ล่มบ่อยครั้ง ซึ่งมาจากสาเหตุเพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไม่ทำหน้าที่ในสภา แม้ตัวจะอยู่ในห้องประชุม แต่ก็ไม่เสียบบัตรลงคะแนนหรือไม่เข้าร่วมในห้องประชุมสภา จึงทำให้สภาล่ม ก็ควรให้ฉายากับตัวเองด้วยว่า “ส.ส.นักกระโดดร่ม” เพราะไม่เคยทำหน้าที่ในสภาเลย แต่มีหน้ารับเงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชน
นายเทพไทยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวของ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประเทศกัมพูชา โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกัมพูชาขับรถนำขบวนอำนวยความสะดวกให้ว่า แสดงให้เห็นว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย กำลังสมคบกับรัฐบาลกัมพูชาเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อกดดันรัฐบาลไทย และการที่สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศว่าจะคืนความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทย หลังจากรัฐบาลชุดนี้ผ่านไปแล้วนั้น ตนก็ไม่อยากวิจารณ์ท่าทีของสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าผิดมารยาททางการทูตและของผู้นำประเทศหรือไม่ เพราะกฏบัตรของประเทศกลุ่มอาเซียน ระบุชัดว่า กลุ่มประเทศสมาชิกจะไม่แทรกแซงกิจการภายในต่อกัน การที่รัฐบาลกัมพูชามีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลไทยโจมตีกระบวนการยุติธรรมของไทย ให้คนที่ทำผิดกฎหมายไทยไปซ่องสุมกำลังในประเทศกัมพูชา
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ไม่ทราบว่าระหว่างสมเด็จฯ ฮุนเซน กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และลิ่วล้อ ใครจะใช้ใครเป็นเครื่องมือทางการเมืองเพื่อทำลายประเทศไทยกันแน่ แต่ในที่สุดคนที่เสียหายมากที่สุดคือชาติไทย และคนไทย จึงอยากเรียกร้องให้คนไทยทั้งชาติลุกขึ้นมาแสดงออกปกป้องชาติเพื่อให้คนพวกนี้เห็นว่าคุณเป็นคนไทย แต่กลับไปยืมมือคนต่างชาติมาทำลายล้างคนไทยด้วยกันเอง โดยไม่คำนึงถึงเกียรติยศและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ และไม่เข้าใจว่าคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และส.ส.พรรคเพื่อไทย เหตุใดจึงออกมาปกป้องสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการจับนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย อย่างออกหน้าออกตา เมื่อสมเด็จฯ ฮุนเซน ถูกตอบโต้จากคนไทย คนเหล่านี้กลับเป็นเดือดเป็นแค้นเจ็บแทนมากกว่าที่จะปกป้องชาติและประชาชนคนไทย