นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยว่า ที่สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นของกลุ่มเสื้อแดงตั้งฉายารัฐบาลว่าเป็น รัฐบาลเทพรับประทาน ที่มีลักษณะออกโครงการ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของนักวิจารณ์ ทางการเมือง ย่อมมองเรื่องนี้ไปในทางที่ไม่ดี ส่วนฉายาของตนที่ได้รับเป็น คุณปู่สารพัดพิษ เพราะเคยทำงานได้รับความไว้วางใจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แล้วมาย้ายข้าวนั้น ตนต้องขออธิบายหน่อยว่า ที่ได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ได้รับเชิญจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เข้ามาทำหน้าที่แทนลูกชาย ที่เขาได้ขอร้องให้มาช่วย ทำหน้าที่รัฐมนตรีตามโควต้า เนื่องจากเขามีรายชื่อติดอยู่ในกลุ่มบ้านเลขที่ 111 ขณะเดียวกันก็ไม่เคยคิดว่า จะต้องเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีแต่อย่างใด
ส่วนที่สถานีโทรทัศน์กลุ่มคนเสื้อแดงมองว่า เป็นการหักหลังพ.ต.ท.ทักษิณ มองเรื่องนี้เป็นเช่นไร นายชวรัตน์กล่าวว่า ไอ้คำว่าหักหลังมันใช้ไม่ได้กับนักการเมือง คำว่าปู่สารพัดพิษนำมาใช้กับผมมันใช้ไม่ได้ ตรงนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรถ้าเปรียบเป็นงู ก็แค่เป็นงูเหลือมตัวใหญ่ที่ไม่มีพิษ ซึ่งมีรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลายคนที่เคยทำงานร่วมกันในชีวิตนักการเมืองที่ต้องเปลี่ยนไปทำงานกับหลายพรรค พร้อมกับย้อนถามว่า เคยมีใครหรือไม่ที่อยู่พรรคการเมืองเดียว ซึ่งจะไปใช้คำว่าหักหลังได้อย่างไร
ส่วนที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย (มท.2) ได้รับฉายา พระลอตุ๊กตาทอง มองกันว่า มีผลงานโดดเด่นมากกว่า รมว.มหาดไทย นายชวรัตน์ กล่าวว่า ต้องดูว่า นโยบายเหล่านั้น ใครเป็นคนออกมา เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่ต้องการไปสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะถ้าไปสร้างเครดิตแล้ว เบอร์ 2 และเบอร์ 3 ก็คงไม่มีเครดิต ดังนั้นเราต้องยกเครดิตให้กับลูกน้อง
เมื่อถามว่าในส่วนฉายาของสภาที่ได้รับฉายาว่าสภาตกเลข เนื่องจากมีการนับองค์ประชุมบ่อย ในฐานะหัวหน้าพรรคภท. มองเรื่องนี้อย่างไร นายชวรัตน์กล่าวว่า ฉายาตรงนี้พอยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ดีถือว่าผิดวินัย มีงานหน้าที่ต้องประชุมคงเข้าประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงต้นปีจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรู้สึกหนักใจหรือไม่ ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสส.พรรคเพื่อไทย ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระทรวงมหาดไทยในส่วนของความมั่นคง นายชวรัตน์กล่าวว่า คงไม่น่าจะมีอะไร เพราะเป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการทำงานที่ผ่านมามองในภาพรวม ไม่เห็นถึงความบกพร่อง หากจะบกพร่องก็เกิดจากการทำงานที่ย่อมมีบ้าง
นายชวรัตน์ กล่าวว่าการทำงานของกระทรวงมหาดไทยยังไม่เห็นมีอะไรบกพร่องในฐานะที่ตนเคยเป็นคนขายของย่อมบอกว่าของตัวเองดี หากบอกว่า ของตนเองไม่ดี แล้วใครจะมาซื้อ
สำหรับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่ในช่วงหลังปีใหม่นั้นว่า ตน ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้ติดตามคอยสอดส่องดูแลเรื่องนี้ อย่างใกล้ชิดแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะได้รับฉายา มาเฟียความมั่นคง ตามที่สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นของกลุ่มคนเสื้อแดง ตั้ง โดยตนไม่ใช่มาเฟีย ตนเป็นคนเรียบร้อย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อถึงสิ้นปีจะมีการตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการต่างๆ คนที่ถูกตั้งฉายาก็ยอมรับและเคารพในความคิดเห็น แต่ความเห็นส่วนใหญ่จะเป็นมติจากสื่อมวลชนฃกระแสหลัก แต่การตั้งฉายาของสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นสื่อกระแสเทียม ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือ ทางการเมืองของบางฝ่าย จึงไม่เป็นธรรมต่อ นายกรัฐมนตรีและผู้ที่ถูกตั้งฉายา
ถ้าหากว่าดีสเตชั่นจะตั้งฉายาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรตั้งฉายาให้กับทุกฝ่าย โดยไม่เลือกข้าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลโดยเท่าเทียมกัน การตั้งฉายาให้นายกฯว่า เด็กดื้อข้างโพเดี้ยม ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการตั้งที่มีอคติ หวังทำลายทางการเมืองไม่ใช่สร้างสรรค์เหมือนสื่อมวลชนกระแสหลักที่มีเป็นประจำทุกปี
นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อสถานีของคนเสื้อแดงตั้งฉายาให้กับนายกรัฐมนตรีแล้ว อยากถามว่าเหตุใดไม่ตั้งฉายาให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกัมพูชาและพรรคเพื่อไทยบ้าง ถ้าคิดไม่ออกว่าจะตั้งอย่างไรให้เหมาะสม ตนจะแนะนำให้ว่าฉายาของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็น เหลี่ยมพันเหลี่ยม มีความหมายว่า เป็นมนุษย์หน้าสี่เหลี่ยมและมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มากมายนับไม่ถ้วน มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองล้วนแล้วแต่มีวาระซ่อนเร้น ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น และทุกครั้งที่มีความ เคลื่อนไหว ล้วนแล้วแต่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นตลอดเวลาซึ่งเหมาะสมที่สุดกัฉายานี้
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนที่ได้ตั้งฉายาให้สภาว่า สภาตกเลข นั้น ข้อเท็จจริงมาจากการที่การประชุมสภาที่ล่มบ่อยครั้ง ซึ่งมาจากสาเหตุเพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ทำหน้าที่ในสภา แม้ตัวจะอยู่ในห้องประชุม แต่ก็ไม่เสียบบัตรลงคะแนนหรือไม่เข้าร่วมในห้องประชุมสภา จึงทำให้สภาล่ม ก็ควรให้ฉายากับตัวเองด้วยว่า ส.ส.นักกระโดดร่ม เพราะไม่เคยทำหน้าที่ในสภาเลย แต่มีหน้ารับเงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชน
ส่วนที่สถานีโทรทัศน์กลุ่มคนเสื้อแดงมองว่า เป็นการหักหลังพ.ต.ท.ทักษิณ มองเรื่องนี้เป็นเช่นไร นายชวรัตน์กล่าวว่า ไอ้คำว่าหักหลังมันใช้ไม่ได้กับนักการเมือง คำว่าปู่สารพัดพิษนำมาใช้กับผมมันใช้ไม่ได้ ตรงนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรถ้าเปรียบเป็นงู ก็แค่เป็นงูเหลือมตัวใหญ่ที่ไม่มีพิษ ซึ่งมีรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หลายคนที่เคยทำงานร่วมกันในชีวิตนักการเมืองที่ต้องเปลี่ยนไปทำงานกับหลายพรรค พร้อมกับย้อนถามว่า เคยมีใครหรือไม่ที่อยู่พรรคการเมืองเดียว ซึ่งจะไปใช้คำว่าหักหลังได้อย่างไร
ส่วนที่นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย (มท.2) ได้รับฉายา พระลอตุ๊กตาทอง มองกันว่า มีผลงานโดดเด่นมากกว่า รมว.มหาดไทย นายชวรัตน์ กล่าวว่า ต้องดูว่า นโยบายเหล่านั้น ใครเป็นคนออกมา เราเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงไม่ต้องการไปสร้างความน่าเชื่อถือ เพราะถ้าไปสร้างเครดิตแล้ว เบอร์ 2 และเบอร์ 3 ก็คงไม่มีเครดิต ดังนั้นเราต้องยกเครดิตให้กับลูกน้อง
เมื่อถามว่าในส่วนฉายาของสภาที่ได้รับฉายาว่าสภาตกเลข เนื่องจากมีการนับองค์ประชุมบ่อย ในฐานะหัวหน้าพรรคภท. มองเรื่องนี้อย่างไร นายชวรัตน์กล่าวว่า ฉายาตรงนี้พอยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ดีถือว่าผิดวินัย มีงานหน้าที่ต้องประชุมคงเข้าประชุม
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงต้นปีจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรู้สึกหนักใจหรือไม่ ที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานสส.พรรคเพื่อไทย ที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระทรวงมหาดไทยในส่วนของความมั่นคง นายชวรัตน์กล่าวว่า คงไม่น่าจะมีอะไร เพราะเป็นไปตามครรลองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการทำงานที่ผ่านมามองในภาพรวม ไม่เห็นถึงความบกพร่อง หากจะบกพร่องก็เกิดจากการทำงานที่ย่อมมีบ้าง
นายชวรัตน์ กล่าวว่าการทำงานของกระทรวงมหาดไทยยังไม่เห็นมีอะไรบกพร่องในฐานะที่ตนเคยเป็นคนขายของย่อมบอกว่าของตัวเองดี หากบอกว่า ของตนเองไม่ดี แล้วใครจะมาซื้อ
สำหรับการที่กลุ่มคนเสื้อแดงประกาศชุมนุมใหญ่ในช่วงหลังปีใหม่นั้นว่า ตน ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดได้ติดตามคอยสอดส่องดูแลเรื่องนี้ อย่างใกล้ชิดแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะได้รับฉายา มาเฟียความมั่นคง ตามที่สถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นของกลุ่มคนเสื้อแดง ตั้ง โดยตนไม่ใช่มาเฟีย ตนเป็นคนเรียบร้อย
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่อถึงสิ้นปีจะมีการตั้งฉายาให้กับบุคคลในวงการต่างๆ คนที่ถูกตั้งฉายาก็ยอมรับและเคารพในความคิดเห็น แต่ความเห็นส่วนใหญ่จะเป็นมติจากสื่อมวลชนฃกระแสหลัก แต่การตั้งฉายาของสถานีโทรทัศน์ดีสเตชั่นของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นสื่อกระแสเทียม ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือ ทางการเมืองของบางฝ่าย จึงไม่เป็นธรรมต่อ นายกรัฐมนตรีและผู้ที่ถูกตั้งฉายา
ถ้าหากว่าดีสเตชั่นจะตั้งฉายาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงก็ควรตั้งฉายาให้กับทุกฝ่าย โดยไม่เลือกข้าง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลโดยเท่าเทียมกัน การตั้งฉายาให้นายกฯว่า เด็กดื้อข้างโพเดี้ยม ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการตั้งที่มีอคติ หวังทำลายทางการเมืองไม่ใช่สร้างสรรค์เหมือนสื่อมวลชนกระแสหลักที่มีเป็นประจำทุกปี
นายเทพไท กล่าวว่า เมื่อสถานีของคนเสื้อแดงตั้งฉายาให้กับนายกรัฐมนตรีแล้ว อยากถามว่าเหตุใดไม่ตั้งฉายาให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของกัมพูชาและพรรคเพื่อไทยบ้าง ถ้าคิดไม่ออกว่าจะตั้งอย่างไรให้เหมาะสม ตนจะแนะนำให้ว่าฉายาของพ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็น เหลี่ยมพันเหลี่ยม มีความหมายว่า เป็นมนุษย์หน้าสี่เหลี่ยมและมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว มากมายนับไม่ถ้วน มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองล้วนแล้วแต่มีวาระซ่อนเร้น ใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้องทั้งสิ้น และทุกครั้งที่มีความ เคลื่อนไหว ล้วนแล้วแต่มีผลประโยชน์ซ่อนเร้นตลอดเวลาซึ่งเหมาะสมที่สุดกัฉายานี้
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนที่ได้ตั้งฉายาให้สภาว่า สภาตกเลข นั้น ข้อเท็จจริงมาจากการที่การประชุมสภาที่ล่มบ่อยครั้ง ซึ่งมาจากสาเหตุเพราะ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ทำหน้าที่ในสภา แม้ตัวจะอยู่ในห้องประชุม แต่ก็ไม่เสียบบัตรลงคะแนนหรือไม่เข้าร่วมในห้องประชุมสภา จึงทำให้สภาล่ม ก็ควรให้ฉายากับตัวเองด้วยว่า ส.ส.นักกระโดดร่ม เพราะไม่เคยทำหน้าที่ในสภาเลย แต่มีหน้ารับเงินเดือนที่มาจากภาษีของประชาชน
