กมธ.ต่างประเทศ สภาฯ จาก 2 ขั้วซัดกันนัว “ต่อพงษ์” ย้อน “รัชดา” บอกไม่อยากให้ฟังความฝ่ายเดียว แน่จริงเชิญตัว “กษิต” มาให้ได้ อ้างอย่าทำอะไรลับๆ ยืดอกโชว์เพาเวอร์พร้อมนัดเชิญ “ศิวลักษณ์-สิมารักษ์-ชวลิต” มาให้ข้อมูล แต่จะมาหรือไม่ถือเป็นเรื่องเอกสิทธิ์
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้กรณีที่ น.ส.รัชดา ธณาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่านายต่อพงษ์ด่วนสรุปทำปัญหาสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาบานปลาย รับฟังข้อมูลเพียงฝ่ายเดียวว่า เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องปกป้องคนของตัวเอง ที่ผ่านมาทาง กมธ.การต่างประเทศไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานจากคนของพรรคประชาธิปัตย์เลย ซึ่งถ้าอยากให้ทางกรรมาธิการมีความศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนยอมรับ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงจากคนที่รับผิดชอบก็ช่วยเรียนให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาให้ข้อเท็จจริง และที่ออกมาพูดก็ไม่ได้เป็นบอกว่าเป็นมติ มีความเป็นกลางพอ ยังให้โอกาสนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชามาชี้แจง และเพราะการที่นายคำรบไม่ออกมาชี้แจงทั้งที่ยังนั่งทำงานที่กระทรวงบรรยากาศ มันก็เลยตึงเครียดอยู่อย่างนี้ ซึ่งประเด็นคำถามยังมีอีกมากมาย
นายต่อพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายอิศร ปกมนตรี ทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศเองก็ระบุว่า นายคำรบไม่ได้รับหนังสือเชิญของกรรมาธิการการต่างประเทศ หากไม่ได้รับจริงทาง กมธ.การต่างประเทศก็ยินดีที่จะส่งหนังสือไปเชิญมาใหม่ หรือนายคำรบถูกคนในกระทรวงบีบบังคับ ที่ไม่ให้คนที่เป็นข้าราชการออกมาพูดที่สาธารณะ หรือคนที่เป็นข้าราชการต้องไปทำอะไรลับๆ และหากทาง น.ส.รัชดา ต้องการให้เชิญนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกร นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ และ พล.อ.ชวลิต ทางตนก็ยินดีอยู่แล้ว ส่วนจะมาหรือไม่มาก็เป็นเอกสิทธิ เนื่องจากนายศิวรักษ์เป็นประชาชน และ พล.อ.ชวลิตไม่ได้กินเงินหลวง และการที่ พล.อ.ชวลิต ดำเนินการก็เป็นการดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ใจ
วันนี้ (17 ธ.ค.) นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวตอบโต้กรณีที่ น.ส.รัชดา ธณาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โฆษกกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ออกมาระบุว่านายต่อพงษ์ด่วนสรุปทำปัญหาสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาบานปลาย รับฟังข้อมูลเพียงฝ่ายเดียวว่า เข้าใจว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องปกป้องคนของตัวเอง ที่ผ่านมาทาง กมธ.การต่างประเทศไม่ได้รับความร่วมมือในการประสานจากคนของพรรคประชาธิปัตย์เลย ซึ่งถ้าอยากให้ทางกรรมาธิการมีความศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนยอมรับ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงจากคนที่รับผิดชอบก็ช่วยเรียนให้นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาให้ข้อเท็จจริง และที่ออกมาพูดก็ไม่ได้เป็นบอกว่าเป็นมติ มีความเป็นกลางพอ ยังให้โอกาสนายคำรบ ปาลวัฒน์วิไชย เลขานุการเอกประจำสถานทูตไทยในกัมพูชามาชี้แจง และเพราะการที่นายคำรบไม่ออกมาชี้แจงทั้งที่ยังนั่งทำงานที่กระทรวงบรรยากาศ มันก็เลยตึงเครียดอยู่อย่างนี้ ซึ่งประเด็นคำถามยังมีอีกมากมาย
นายต่อพงษ์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ นายอิศร ปกมนตรี ทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศเองก็ระบุว่า นายคำรบไม่ได้รับหนังสือเชิญของกรรมาธิการการต่างประเทศ หากไม่ได้รับจริงทาง กมธ.การต่างประเทศก็ยินดีที่จะส่งหนังสือไปเชิญมาใหม่ หรือนายคำรบถูกคนในกระทรวงบีบบังคับ ที่ไม่ให้คนที่เป็นข้าราชการออกมาพูดที่สาธารณะ หรือคนที่เป็นข้าราชการต้องไปทำอะไรลับๆ และหากทาง น.ส.รัชดา ต้องการให้เชิญนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกร นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดานายศิวรักษ์ และ พล.อ.ชวลิต ทางตนก็ยินดีอยู่แล้ว ส่วนจะมาหรือไม่มาก็เป็นเอกสิทธิ เนื่องจากนายศิวรักษ์เป็นประชาชน และ พล.อ.ชวลิตไม่ได้กินเงินหลวง และการที่ พล.อ.ชวลิต ดำเนินการก็เป็นการดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ใจ