“สุเทพ” บอกคิดไกลไปจะเอาอาวุธยึดได้มาใช้ ชี้ต้องทำตามขั้นตอน โยนสหประชาชาติฟันธง ชนิดไหนถือครองได้ อุบส่งผู้เชี่ยวชาญบินไปอิหร่าน แนะให้ระวัง ยันพร้อมพูดทันทีเมื่อพบความชัดเจน คาดเรื่องจบไม่เกิน 2 สัปดาห์ รับยังไม่มีชาติไหนโผล่แสดงตนเป็นเจ้าของ เผย “ปทีป” มาพบคุยเรื่องตั้งตำรวจระดับรองผู้บังคับการ ไม่เกี่ยวคดี ขณะที่เหล่าทัพนัดประชุมผู้บังคับบัญชาประจำเดือน ธ.ค. คาดคุยเรื่องนี้ด้วย
วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า อาวุธที่ยึดได้จากเครื่องบินที่ลักลอบขนเข้ามาบางส่วนที่ไม่เข้าข่ายมติองค์การสหประชาชาติจะเก็บไว้ใช้ประโยชน์เองว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแยกจำแนกประเภทอาวุธว่าจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้กี่อย่าง คิดว่ายังเร็วไปที่จะพูดได้ แต่ที่สำคัญเราต้องปฏิบัติตามมติสหประชาชาติ ต้องให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแยกประเภทออกมาก่อน แล้วให้กระทรวงการต่างประเทศไปตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งคิดว่าคงไม่นาน เพราะจะต้องรีบทำเพื่อรายงานให้สหประชาชาติ ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ปฏิบัติที่รัฐในฐานะที่เป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ทั้งนี้ ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่าที่ผ่านมาหากจับได้แล้วแยกประเภทอาวุธไว้ใช้เองที่ตะวันออกกลางเขาทำอย่างไร ส่วนจะเก็บไว้ไปใช้งานด้านใดบ้าง ตนยังไม่คิดไกลถึงขนาดนั้น แต่จะนำไปใช้เพื่อศึกษาเทคโนโลยี หรือว่าดูประกอบการศึกษาหรือไม่ก็ต้องดูว่าเป็นอาวุธอะไร ที่เป็นข้อบังคับของสหประชาชาติก็คงเก็บไว้ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม นายสุเทพกล่าวด้วยว่า วานนี้ (16 ธ.ค.) พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้มาพบตนและได้รายงานให้ทราบว่า ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญกำลังแยกแยะอาวุธเหล่านั้นว่าเป็นประเภทใดบ้าง ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า มีผู้เชี่ยวชาญกำลังจะเดินทางไปที่ประเทศอิหร่านนั้น รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า ตนคิดว่าคงต้องระมัดระวังเวลาจะพูดจาว่าจะไปที่ไหน ไม่งั้นจะมีคนโกรธเพิ่มขึ้น ซึ่งจะพยายามทำให้ชัดเจนตรงไปตรงมา เมื่อมีความชัดเจนทุกอย่างแล้ว ตนจะพูดทีเดียว และคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลาถึง 1 เดือน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก็คงจบแล้ว พร้อมทั้งยังยอมรับว่า ขณะนี้ยังไม่มีชาติใดติดต่อเข้ามาที่จะรับผิดชอบเกี่ยวกับอาวุธที่ยึดได้
ส่วนกรณี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาพบวานนี้ (16 ธ.ค.) นั้น นายสุเทพกล่าวว่า พล.ต.อ.ปทีป มาปรึกษาเกี่ยวกับการแต่งตั้งตำรวจระดับรองผู้บังคับการลงมา ซึ่งตนได้สั่งการให้ดำเนินการตามกฎของ ก.ตร.อย่างเคร่งครัด เพราะ ก.ตร.มีกฎเกณฑ์มีระเบียบว่าด้วยการโยกย้ายแต่งตั้งอยู่ เช่น คนที่มีคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งใด ตำแหน่งหนึ่ง ถ้าอยู่ยังไม่ครบ 2 ปี ก็ยังไม่ให้โยกย้าย ยกเว้นเป็นการเลื่อนตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งรักษาการ ผบ.ตร.ได้ขอจากคณะกรรมการ ก.ตร.ไว้ว่าจะพิจารณาแต่งตั้งให้เสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค. ทั้งนี้ตนยังไม่กังวลถึงการที่ กรรมการ ก.ตร.บางคนมีปัญหาการวอล์กเอาต์เพราะถือเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีอะไรพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำได้ราบรื่นดี
ขณะที่ วันนี้ (17 ธ.ค.) มีการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประจำเดือนธันวาคม 2552 นำโดย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานการประชุม มีผู้บัญชาการเหล่าทัพ และตัวแทนจากเหล่าทัพ เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน ประกอบด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมสรุปผลของแต่ละเหล่าทัพในรอบเดือน อย่างไรก็ตาม คาดว่าอาจจะมีการหยิบยกกรณีการที่ทางการไทยสามารถจับเครื่องบินลักลอบอาวุธสงครามเข้ามาในประเทศก็เป็นได้