ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"มอบ"ธานี"สางคดีสำคัญยิง"สนธิ-เพชรซาอุฯ"รายงานตรงนายกฯ ด้าน"เทพเทือก" ลั่นไม่ได้หลับหูหลับตาแต่งตั้งนายตำรวจ “ปทีป”ออกคำสั่ง 36 นายพล รรท.มีผลทันที ชงทำโผรองผบช.-ผบก.ขีดเส้นส่งบัญชี 20 พ.ย.
วานนี้(17 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)กรณีที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองว่า โดยประสบการณ์ความชำนาญของท่าน คงมาช่วยตนในด้านที่เกี่ยวข้องในเรื่องของตำรวจ ภาคใต้ กระบวนการยุติธรรมโดยรวม
นอกจากนี้ก็จะมีส่วนช่วยในการติดตามคดีที่อยู่ในความสนใจ และมีผลต่อประชาชน และหลายคดีที่ท่านดูแลโดยตรง คงจะช่วยได้มากในการเร่งรัดให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงคดีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย และ คดีเพชรซาอุฯ
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี ทำงานแล้วรายงานนายกฯโดยตรง หรือต้องรายงานนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "รายงานผมซิ รองฯสุเทพ ก็ต้องรายงานผม จะมาช่วยเสริมงานด้านความมั่นคง"
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เห็นชอบ เมื่อถามว่ามีเอกภาพในการที่จะเรียกประชุม ก.ต.ช.หรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจะประชุม ก.ต.ช.โดยตำแหน่งก่อน ประมาณวันที่ 20 ต้นๆของเดือนพ.ย.นี้
**"เทือก"ไม่ได้หลับหูหลับตาตั้ง ตร.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้มีการแต่งตั้งระดับรองผบ.ตร.-ผบช.ที่ว่างอยู่ได้เรียบร้อย ใช้เวลานานเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 13.00-22.00 น.โดยภาพรวมถือได้ว่า การโยกย้ายแต่งตั้งคราวนี้ ได้ทำครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน ก.ตร. และกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนหน้านี้สมัยที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร.ได้จัดทำบัญชีผู้เหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งได้ทำบัญชีร่วมกับ รองผบ.ตร. และจเรตำรวจ โดยการจัดทำบัญชีเป็นตามกฎของ ก.ตร. ข้อ 23-25 ที่ระบุว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้ง ทางหน่วยต้องจัดทำบัญชีผู้ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากอาวุโส ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในการทำงาน รวมทั้ง คุณธรรม จริยธรรม
นายสุเทพ กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกจะต้องพิจารณาคัดเลือกจากคนที่อยู่บัญชีดังกล่าว ซึ่งการพิจารณาได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนทุกประการ และทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในบัญชีที่เรียงตามลำดับลงมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเป็นการโยกย้ายแต่งตั้งที่สามารถอธิบายได้ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง เป็นประเพณีที่ดีงามต่อไป โดยตำแหน่งที่มีการแต่งตั้งขึ้นใหม่มี 15 ตำแหน่ง นอกนั้นเป็นการโยกย้ายในระนาบเดียวกัน
**ก.ตร.วอล์กเอาต์ไม่มีผลการแต่งตั้ง
เมื่อถามว่า การที่มี ก.ตร.วอล์กเอาต์ จะส่งผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ ท่านก็ได้แสดงจุดยืนของท่าน คณะกรรมกรรมการ ก.ตร. มี 23 คน เพราะฉะนั้นมีบางท่านที่มีความเห็นที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งเราก็เคารพความเห็นทุกคน แม้แต่ตนเอง ก็มีความเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นเหมือนกัน แต่ตัดสินตามแนวทางประชาธิปไตย เอาเสียงส่วนใหญ่เป็นสำคัญ และหลายกรณีที่เสียงส่วนใหญ่ก็เห็นไปไม่ตรงกับตนก็มี ทุกคนก็ได้พูดจากันอย่างเต็มที่
**ยันไม่มีเด็กฝาก เด็กเส้น
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ยังมีข้อครหาไม่พ้นการมีเด็กฝาก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นเด็กฝาก เด็กเส้นของใคร ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ กติกา ทั้งหมด ตอบได้สบายใจ เมื่อถามต่อว่า บังเอิญหรือเปล่าที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเด็กของท่าน นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกับตอบว่า คนในวงการตำรวจทราบดีว่า เป็นเด็กใคร แต่ว่าไม่ใช่ของตน
**ยันทหารไม่เกี่ยวย้ายตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลและทหารเข้ามาเอี่ยวการแต่งตั้งครั้งนี้ จะมีผลต่อขวัญกำลังใจต่อตำรวจที่ไม่ได้รับการโยกย้ายครั้งนี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ตนยืนยันเรื่องนี้ไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของตำรวจล้วนๆ และที่ประชุม ก.ตร. ได้พูดกันชนิดที่เรียกว่า หมดเปลือก ทุกประเด็นได้อภิปรายกันหมดครบถ้วน และตำรวจที่ไม่ได้รับการพิจารณาครั้งนี้สามารถขอดูหลักฐานเอกสารเหตุผลการพิจารณาได้
ต่อข้อถามที่ว่า เสร็จจากขั้นตอนนี้ไปไหนต่อ นายสุเทพ กล่าวว่า เสร็จจากขั้นตอนนี้ต้องพิจารณาแต่งตั้ง ผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ ผู้กำกับ รองผู้กำกับ สารวัตร ซึ่งจัดทำบัญชีความเหมาะสมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า จะมีปัญหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งโผล่อีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงยากมาก ใครวิ่งเต้นก็จะเสียเงินเปล่า เมื่อไปถึงก.ตร. ถ้าคุณสมบัติไม่เป็นตามกฎเกณฑ์ที่ ก.ตร.ตั้งไว้ ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงหมด
**“ปทีป”ออกคำสั่ง รรท.ให้ 36 นายพล
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) มีคำสั่งตร.ที่ 577/2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยคำสั่งระบุว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ครั้งที่ 15/2552 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบคัดเลือกข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งต่างๆ รวม 36 ราย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติราชการ ตร.โดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงให้ทั้ง 36 นายรักษาราชการแทนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งดำรงตำแหน่งดังกล่าว สั่ง ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 และให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งหน้าที่ ภายในวันที่ 18 พฤศจิกายน 52
สำหรับบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งมี ดังนี้
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา(สบ10) เป็นรองผู้ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10)ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เป็นรองผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็น ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็น ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย.ผบ.ตร.เป็น ที่ปรึกษา(สบ10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ
พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รองจเรตำรวจแห่งชาติ(รองจตช.)(สบ9)เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ(ผบช.นรป.) พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา(ผบช.ศ.) เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปรตระนันท์ ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. เป็น รองจตช.(สบ9) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ8)(หัวหน้าจตร.) เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ประชิน วารี จตร.(สบ8) เป็นรองจตช.(สบ9) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.เป็นผู้ช่วยผบ.ตร.
พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ตำรวจภูธรภาค 3(ภ.3) เป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)เป็น ผบช.ศ. พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็นจตร.(สบ8)(หัวหน้าจตร.) พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.สำนักงบประมาณและการเงิน(สงป.) เป็นผบช.สำนักงานส่งกำลังบำรุง(สกบ.) พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด(ปส.) เป็นผบช.สตม. พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ทำหน้าที่บริหารงานและป้องกันปราบปราม เป็นผบช.ภ.9
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เป็นผบช.น. พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม จตร(สบ8) เป็นผบช.สำนักงานตรวจสอบภายใน พล.ต.ต.คัคคพงศ์ ศรีพาณิชย์ รองผบช.ส. เป็นผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่ปรึกษาด้านวิเคราะห์นโยบายและแผน พล.ต.ต.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ รองนายแพทย์ใหญ่(สบ7) เป็นนายแพทย์ใหญ่(สบ8) พล.ต.ต.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองผบช.ปส. เป็น ผบช.สำนักงานกำลังพล(สกพ.)
พล.ต.ต.เดชาวัต รามสมภพ รองผบช.ภ.3 เป็นผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย รองผบช.ส.เป็นผบช.ส. พล.ต.ต.ไตรรัตน์ อมาตยกุล นรป.(สบ7) เป็นผบช.นรป. พล.ต.ต.ธนากร ศิริอัฐ รองผบช.สตม.เป็น ผบช.สงป. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น.เป็นผบช.ภ.7 พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รองผบช.สตม. เป็นผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ภัทรชัย หิรัญญะเวช รองผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี(สกค.) เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รองผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น.เป็น ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.ทำหน้าที่บริหารงานด้านการป้องกันปราบปราม พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รองผบช.ภ.9 เป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รองผบช.ปส.เป็นผบช.ปส. พล.ต.ต.เอกรัฐ มีปรีชา รองผบช.น.เป็น จตร.(สบ8)
นอกจากนี้มีรายงานว่าวันเดียวกัน พล.ต.อ.ปทีป ยังลงนามคำสั่งตร.ที่ 578/2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยอ้างอำนาจตามมาตรา 72(2) พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ให้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบช.น.ไปรักษาราชการแทน ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ประสานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระรวงมหาดไทย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากมีคำสั่งให้ รองผบ.ตร.ถึงผบช.ทั้ง 37 นายไป รรท.แล้ว พล.ต.อ.ปทีปได้มีคำสั่งให้ทุกบช.ไปจัดทำบัญชีคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมควรได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย เสนอมายังสำนักงานกำลังพล ภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน เพื่อให้ตร.จัดทำบัญชีเสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในวันที่ 23 พฤศจิกายน ทั้งนี้การออกคำสั่งรรท.ทำให้ ผบช.ใหม่ มีอำนาจในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบช.และผู้บังคับการ สู่การพิจารณาคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรองของแต่ละ บช. ด้วย
วานนี้(17 พ.ย.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)กรณีที่ ครม.มีมติแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองว่า โดยประสบการณ์ความชำนาญของท่าน คงมาช่วยตนในด้านที่เกี่ยวข้องในเรื่องของตำรวจ ภาคใต้ กระบวนการยุติธรรมโดยรวม
นอกจากนี้ก็จะมีส่วนช่วยในการติดตามคดีที่อยู่ในความสนใจ และมีผลต่อประชาชน และหลายคดีที่ท่านดูแลโดยตรง คงจะช่วยได้มากในการเร่งรัดให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงคดีการลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยด้วย และ คดีเพชรซาอุฯ
เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี ทำงานแล้วรายงานนายกฯโดยตรง หรือต้องรายงานนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ด้านความมั่นคง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "รายงานผมซิ รองฯสุเทพ ก็ต้องรายงานผม จะมาช่วยเสริมงานด้านความมั่นคง"
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เห็นชอบ เมื่อถามว่ามีเอกภาพในการที่จะเรียกประชุม ก.ต.ช.หรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าจะประชุม ก.ต.ช.โดยตำแหน่งก่อน ประมาณวันที่ 20 ต้นๆของเดือนพ.ย.นี้
**"เทือก"ไม่ได้หลับหูหลับตาตั้ง ตร.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ได้มีการแต่งตั้งระดับรองผบ.ตร.-ผบช.ที่ว่างอยู่ได้เรียบร้อย ใช้เวลานานเป็นพิเศษ ตั้งแต่ 13.00-22.00 น.โดยภาพรวมถือได้ว่า การโยกย้ายแต่งตั้งคราวนี้ ได้ทำครบถ้วนถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ใน ก.ตร. และกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก่อนหน้านี้สมัยที่ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รักษาการ ผบ.ตร.ได้จัดทำบัญชีผู้เหมาะสมที่จะได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งได้ทำบัญชีร่วมกับ รองผบ.ตร. และจเรตำรวจ โดยการจัดทำบัญชีเป็นตามกฎของ ก.ตร. ข้อ 23-25 ที่ระบุว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้ง ทางหน่วยต้องจัดทำบัญชีผู้ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากอาวุโส ประสบการณ์ ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญในการทำงาน รวมทั้ง คุณธรรม จริยธรรม
นายสุเทพ กล่าวว่า คณะกรรมการคัดเลือกจะต้องพิจารณาคัดเลือกจากคนที่อยู่บัญชีดังกล่าว ซึ่งการพิจารณาได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนทุกประการ และทุกคนที่ได้รับการแต่งตั้งอยู่ในบัญชีที่เรียงตามลำดับลงมาทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นเป็นการโยกย้ายแต่งตั้งที่สามารถอธิบายได้ว่า เป็นไปด้วยความโปร่งใส และถูกต้อง เป็นประเพณีที่ดีงามต่อไป โดยตำแหน่งที่มีการแต่งตั้งขึ้นใหม่มี 15 ตำแหน่ง นอกนั้นเป็นการโยกย้ายในระนาบเดียวกัน
**ก.ตร.วอล์กเอาต์ไม่มีผลการแต่งตั้ง
เมื่อถามว่า การที่มี ก.ตร.วอล์กเอาต์ จะส่งผลต่อการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่หรอกครับ ท่านก็ได้แสดงจุดยืนของท่าน คณะกรรมกรรมการ ก.ตร. มี 23 คน เพราะฉะนั้นมีบางท่านที่มีความเห็นที่แตกต่างจากคนอื่น ซึ่งเราก็เคารพความเห็นทุกคน แม้แต่ตนเอง ก็มีความเห็นที่แตกต่างจากคนอื่นเหมือนกัน แต่ตัดสินตามแนวทางประชาธิปไตย เอาเสียงส่วนใหญ่เป็นสำคัญ และหลายกรณีที่เสียงส่วนใหญ่ก็เห็นไปไม่ตรงกับตนก็มี ทุกคนก็ได้พูดจากันอย่างเต็มที่
**ยันไม่มีเด็กฝาก เด็กเส้น
เมื่อถามว่า เรื่องนี้ยังมีข้อครหาไม่พ้นการมีเด็กฝาก นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเป็นเด็กฝาก เด็กเส้นของใคร ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ กติกา ทั้งหมด ตอบได้สบายใจ เมื่อถามต่อว่า บังเอิญหรือเปล่าที่ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเป็นเด็กของท่าน นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกับตอบว่า คนในวงการตำรวจทราบดีว่า เป็นเด็กใคร แต่ว่าไม่ใช่ของตน
**ยันทหารไม่เกี่ยวย้ายตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่รัฐบาลและทหารเข้ามาเอี่ยวการแต่งตั้งครั้งนี้ จะมีผลต่อขวัญกำลังใจต่อตำรวจที่ไม่ได้รับการโยกย้ายครั้งนี้หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่มีหรอกครับ ตนยืนยันเรื่องนี้ไม่มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของตำรวจล้วนๆ และที่ประชุม ก.ตร. ได้พูดกันชนิดที่เรียกว่า หมดเปลือก ทุกประเด็นได้อภิปรายกันหมดครบถ้วน และตำรวจที่ไม่ได้รับการพิจารณาครั้งนี้สามารถขอดูหลักฐานเอกสารเหตุผลการพิจารณาได้
ต่อข้อถามที่ว่า เสร็จจากขั้นตอนนี้ไปไหนต่อ นายสุเทพ กล่าวว่า เสร็จจากขั้นตอนนี้ต้องพิจารณาแต่งตั้ง ผู้บังคับการ รองผู้บังคับการ ผู้กำกับ รองผู้กำกับ สารวัตร ซึ่งจัดทำบัญชีความเหมาะสมให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่า จะมีปัญหาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งโผล่อีกหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า คงยากมาก ใครวิ่งเต้นก็จะเสียเงินเปล่า เมื่อไปถึงก.ตร. ถ้าคุณสมบัติไม่เป็นตามกฎเกณฑ์ที่ ก.ตร.ตั้งไว้ ก็จะถูกเปลี่ยนแปลงหมด
**“ปทีป”ออกคำสั่ง รรท.ให้ 36 นายพล
วันเดียวกันที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รรท.ผบ.ตร.) มีคำสั่งตร.ที่ 577/2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยคำสั่งระบุว่า ตามที่การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.)ครั้งที่ 15/2552 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบคัดเลือกข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งต่างๆ รวม 36 ราย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติราชการ ตร.โดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงให้ทั้ง 36 นายรักษาราชการแทนตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งดำรงตำแหน่งดังกล่าว สั่ง ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2552 และให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการในตำแหน่งหน้าที่ ภายในวันที่ 18 พฤศจิกายน 52
สำหรับบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งมี ดังนี้
พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษา(สบ10) เป็นรองผู้ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา(สบ10)ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เป็นรองผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็น ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส ผู้ช่วยผบ.ตร.เป็น ที่ปรึกษา(สบ10) พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้ช่วย.ผบ.ตร.เป็น ที่ปรึกษา(สบ10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ
พล.ต.ท.สถาพร ดวงแก้ว รองจเรตำรวจแห่งชาติ(รองจตช.)(สบ9)เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานนายตำรวจราชสำนักประจำ(ผบช.นรป.) พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา(ผบช.ศ.) เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปรตระนันท์ ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. เป็น รองจตช.(สบ9) พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ต.บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ8)(หัวหน้าจตร.) เป็นผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.ประชิน วารี จตร.(สบ8) เป็นรองจตช.(สบ9) พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.เป็นผู้ช่วยผบ.ตร.
พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ตำรวจภูธรภาค 3(ภ.3) เป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.)เป็น ผบช.ศ. พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็นจตร.(สบ8)(หัวหน้าจตร.) พล.ต.ท.ธีรยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.สำนักงบประมาณและการเงิน(สงป.) เป็นผบช.สำนักงานส่งกำลังบำรุง(สกบ.) พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด(ปส.) เป็นผบช.สตม. พล.ต.ท.วีระยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร. ทำหน้าที่บริหารงานและป้องกันปราบปราม เป็นผบช.ภ.9
พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 เป็นผบช.น. พล.ต.ท.อุดม รักศิลธรรม จตร(สบ8) เป็นผบช.สำนักงานตรวจสอบภายใน พล.ต.ต.คัคคพงศ์ ศรีพาณิชย์ รองผบช.ส. เป็นผบช.ประจำสง.ผบ.ตร. ทำหน้าที่ปรึกษาด้านวิเคราะห์นโยบายและแผน พล.ต.ต.จงเจตน์ อาวเจนพงษ์ รองนายแพทย์ใหญ่(สบ7) เป็นนายแพทย์ใหญ่(สบ8) พล.ต.ต.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รองผบช.ปส. เป็น ผบช.สำนักงานกำลังพล(สกพ.)
พล.ต.ต.เดชาวัต รามสมภพ รองผบช.ภ.3 เป็นผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย รองผบช.ส.เป็นผบช.ส. พล.ต.ต.ไตรรัตน์ อมาตยกุล นรป.(สบ7) เป็นผบช.นรป. พล.ต.ต.ธนากร ศิริอัฐ รองผบช.สตม.เป็น ผบช.สงป. พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รองผบช.น.เป็นผบช.ภ.7 พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รองผบช.สตม. เป็นผบช.ภ.8 พล.ต.ต.ภัทรชัย หิรัญญะเวช รองผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี(สกค.) เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รองผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ8) พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รองผบช.น.เป็น ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.ทำหน้าที่บริหารงานด้านการป้องกันปราบปราม พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รองผบช.ภ.9 เป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รองผบช.ปส.เป็นผบช.ปส. พล.ต.ต.เอกรัฐ มีปรีชา รองผบช.น.เป็น จตร.(สบ8)
นอกจากนี้มีรายงานว่าวันเดียวกัน พล.ต.อ.ปทีป ยังลงนามคำสั่งตร.ที่ 578/2552 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน โดยอ้างอำนาจตามมาตรา 72(2) พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ให้ พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบช.น.ไปรักษาราชการแทน ผบช.ประจำสง.ผบ.ตร.ทำหน้าที่ประสานสำนักนายกรัฐมนตรีและกระรวงมหาดไทย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 17 พฤศจิกายน เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งผู้มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานหลังจากมีคำสั่งให้ รองผบ.ตร.ถึงผบช.ทั้ง 37 นายไป รรท.แล้ว พล.ต.อ.ปทีปได้มีคำสั่งให้ทุกบช.ไปจัดทำบัญชีคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมควรได้รับการแต่งตั้งโยกย้าย เสนอมายังสำนักงานกำลังพล ภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน เพื่อให้ตร.จัดทำบัญชีเสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในวันที่ 23 พฤศจิกายน ทั้งนี้การออกคำสั่งรรท.ทำให้ ผบช.ใหม่ มีอำนาจในการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองผบช.และผู้บังคับการ สู่การพิจารณาคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรองของแต่ละ บช. ด้วย