ก.ตร.วุ่นตั้งแต่เริ่ม ผู้ทรงคุณวุฒิไม่เข้าประชุม 4 “ปุระชัย-พิชิต” ป่วนวอล์กเอาต์อีก ยืนยันต้องตั้ง ผบ.ตร.ก่อน แต่ยังประชุมต่อแบบมาราธอนนานร่วม 6 ชั่วโมงเพราะขัดแย้งตำแหน่งสำคัญ คลอดโผเด็ก “สุเทพ-เนวิน” เข้าวินเพียบ
วันนี้ (16 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ที่ห้องประชุม1 ชั้น 2 อาคาร 1 ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.ตร.ที่ประกอบไปด้วย รรท.ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ก.ตร.ในตำแหน่งนั้น ได้เข้าประชุมตามปกติ ส่วน ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีจำนวน 10 ท่าน มีคณะกรรมการที่แสดงเจตจำนงไม่เดินทางมาประชุม จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย นายสีมา สีมานันท์ นายชัยเกษม นิติสิริ นายสมศักดิ์ บุญทอง โดยทั้ง 3 คน อยู่ในคณะกรรมการคัดเลือกชุดเก่า สวนอีก 1 คน คือ พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ และเป็นหนึ่งในกรรมการ ก.ตร.ที่ถูกนำเอกสารมาเผยแพร่มาฝากตำรวจด้วย
เมื่อเวลา 13.53 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ก.ตร. ต่อมา พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เดินตามออกมาในเวลา 14.00 น. โดย ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ตนยังยืนยันสาเหตุที่เดินทางออกจากห้องประชุม ก.ตร. เพราะตนยึดมั่นในหลักการที่ควรจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ก่อน พร้อมทั้งระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่จะรู้สึกว่าพอใจหรือไม่พอใจอะไร แต่เป็นการแสดงว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่า แล้วที่ประชุมมีความเห็นว่าอย่างไรที่วอล์กเอาต์ออกมา ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พิชิต ก็ได้แสดงความเห็นว่า จำนวนบอร์ดกลั่นกรองนั้นมีจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่เหมาะสม ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ควรหารือกันในที่ประชุม แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเวียนหนังสือว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ยึดติดในเรื่องตัวบุคคล แต่เรื่องนี้มันเคยมีปัญหาก็ควรนำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา แต่แม้เสียงส่วนใหญ่จะเห็นด้วย แต่จะให้ตนไปสนับสนุน มันผิดหลักการ มันทำไม่ได้
เมื่อถามว่า สาเหตุใดจึงไม่เห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว่า เสียงส่วนใหญ่ ต้องเห็นชอบด้วยหลักเกณฑ์และกฎหมายก่อน แต่ตอนนี้ เสียงส่วนใหญ่พยายามเห็นว่าทำได้ แต่จริงๆ แล้วตามหลักการ ทำไม่ได้ ตนจึงไม่อยากร่วมรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะตนสอนวิชารัฐศาสตร์ ด้วยก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง
เมื่อถามว่า การวอล์กเอาต์นั้นเป็นลักษณะของการป่วนหรือไม่ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก มันเป็นเรื่องของหลักการ เป็นเรื่องของคุณธรรม และการกระทำของตนไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะท่านก็เกษียณไปแล้ว
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น.ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ตร.นายสุเทพ ได้เรียกประชุม ก.ตร.อีกครั้ง โดยเริ่มการพิจารณาบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ผ่านการพิจาณาของคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรอง
กระทั่งเมื่อเวลา 19.45 น. นายสุเทพได้ตัดสินใจพักการประชุม เนื่องจากมีปัญหาในการพิจารณาตำแหน่ง ผบช.ส. จนกระทั่งเวลา 20.40 น.จึงเริ่มการประชุมอีกครั้ง โดยที่ประชุมได้มีมติให้มีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่ามีบางรายชื่อที่อยู่ในบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ได้ผ่านบอร์ดกลั่นกรอง กระทั่งเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ห้องประชุม 2 อาคาร 1 มีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองอีกครั้ง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก่อนนำรายชื่อเข้าที่ประชุมก.ตร.อีกครั้ง กระทั่งในเวลา 22.45 น.การประชุมได้เสร็จสิ้นลง
สำหรับรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ผ่านคณะกรรมการข้าราชการตำรวจครั้งที่ 15 วันที่ 16 พ.ย. ในระดับรองผบ.ตร. ที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง ได้โยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (บ.10) ด้านความมั่นคง 1 และ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษาสบ 10 ด้านความมั่นคง 2 เข้าดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร.ในตำแหน่งหลัก และการเลื่อน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส (นรต.27) ผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว (นรต.29) อาวุโสอันดับ 2 และพล.ต.ท. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา (นรต.28) ผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 3 ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.
ระดับ ผช.ผบ.ตร.เลื่อน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.(นรต.30) พล.ต.ท.ประชิน วารี จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็น รอง จตร.(สบ 9) เทียบเท่า ผช.ผบ.ตร. แทน พล.ต.ท.พรชัย พันธุ์วัฒนา รองจตร.(สบ 9) ที่เออร์ลีรีไทร์ พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ.(นรต.28) ขึ้นเป็น ผช. ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท. สถาพร ดวงแก้ว รองจตร.(สบ 9) โยกเป็นผช.ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก และให้ พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รองจตร.(สบ 9) พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผบช.นรป. ขึ้นเป็น รอง.นรป.(สบ 9)
ส่วนตำแหน่งระดับ ผบช. สำหรับ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 (นรต.28) คนสนิทนายสุเทพ ย้ายมานั่งเป็น ผบช.น. พล.ต.ต. เดชาวัต รามสมภพ รองผบช.ภ.3 คนสนิทนายเนวิน ชิดชอบ ขึ้นเป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3.ย้ายเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รอง ผบช.ภ.9 ขยับขึ้นเป็นผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. คนสนิทนายชวน หลีกภัย อดีต นายกฯ เป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม. เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท. วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. คนสนิท พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็น ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.ธีระยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.งป.เป็น ผบช.สกบ. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. โยกเป็น ผบช.ศ.
พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. ขยับขึ้นเป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.ย้ายเป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย รอง ผบช.ส. ขยับขึ้นเป็น ผบช.ส.พล.ต.ท. อุดม รักศีลธรรม จตร.(สบ.8) เป็น ผบช.สตส. พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รองผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ.8) พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น. ขึ้นเป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบช.ปส. เป็น ผบช.สกพ. พล.ต.ต.ธนากร ศิริอัฐ รองผบช.สตม. ขึ้นเป็น ผบช.งป. พล.ต.ต.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ รองนายแพทย์ใหญ่(สบ7) เป็นนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) พล.ต.ต.ไตรรัตน์ อมาตยกุล นรป.(สบ7) ขึ้นเป็น ผบช.นรป. (สบ8) พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. เป็น ผบช.ประจำ.สง.ผบ.ตร.พล.ต.ต.คัคคพงศ์ ศรีพาณิชย์ รอง ผบช.ส. เป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ภัทรชัย หิรัญญะเวช รอง ผบช.กมส. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.คนสนิท นายเนวิน ชิดชอบ ได้รักษาการ ผบช.ประจำ สง.ตร.(ทนท.ประสานนายกรัฐมนตรี) เนื่องจากไม่ครบหลักเกณฑ์ เนื่องจากครองตำแหน่งรองผบช.เพียง 1 ปี เท่านั้น
เมื่อเวลา 22.45 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการ ก.ตร.ได้ใช้เวลานานในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ เนื่องจากการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.ต้องทำอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นตำแหน่งสำคัญ และคณะกรรมการคัดเลือก ได้ใช้เวลายาวนานในการพิจารณา ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้มีทั้งหมด 36 ตำแหน่ง เป็นรอง ผบ.ตร.หมุนเวียน 2 ตำแหน่ง ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นรอง ผบ.ตร. 3 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.หมุนเวียน 1 ตำแหน่ง ผบช.ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง ผบช.หมุนเวียน 8 ตำแหน่ง รอง ผบช.ขึ้น ผบช.15 ตำแหน่ง
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ในระดับรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ยึดหลักอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ ระดับรอง ผบช.ขึ้น ผบช.ยึดหลักอาวุโส 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นไปตามบัญชีความเหมาะสม ซึ่งตำแหน่งที่ผ่านมติการประชุมก.ตร.ในครั้งนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. จะมีคำสั่งรักษาราชการแทนโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ ผบช.ใหม่ไปทำบัญชีรอง ผบช.-ผบก.ที่จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งในวันที่ 23 พ.ย. เวลา 14.00 น. ซึ่งระดับนายพลทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 23 พ.ย. และจะพิจารณาสิทธิต่างๆ รวมถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้งนี้ ในที่ประชุม ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และ พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ไม่เข้าร่วมประชุม เนื่องจากทั้งสองท่านยึดหลักการเดิม ส่วน ก.ตร.อีก 4 ท่าน ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมทาง รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สำนักงาน ก.ตร.ส่งหนังสือเชิญ ก.ตร.ทั้ง 4 ท่าน ให้เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งไม่ได้เป็นการบังคับ เพียงแต่อยากให้ก.ตร.ทุกท่านมาช่วยกันพิจาณาร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงต้องมีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองถึง 2 รอบ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า เมื่อในที่ประชุม ก.ตร.ที่ไม่เห็นด้วยตามรายชื่อที่บอร์ดกลั่นกรองเสนอมา ก็สามารถให้บอร์ดกลั่นกรองนำกลับไปพิจารณาใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมีหลายตำแหน่งที่บอร์ดกลั่นกรองก็ยึดตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีอีกบางตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่ ก.ตร.ติติง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง
วันนี้ (16 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ที่ห้องประชุม1 ชั้น 2 อาคาร 1 ทั้งนี้ คณะกรรมการ ก.ตร.ที่ประกอบไปด้วย รรท.ผบ.ตร. รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็น ก.ตร.ในตำแหน่งนั้น ได้เข้าประชุมตามปกติ ส่วน ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มีจำนวน 10 ท่าน มีคณะกรรมการที่แสดงเจตจำนงไม่เดินทางมาประชุม จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย นายสีมา สีมานันท์ นายชัยเกษม นิติสิริ นายสมศักดิ์ บุญทอง โดยทั้ง 3 คน อยู่ในคณะกรรมการคัดเลือกชุดเก่า สวนอีก 1 คน คือ พล.ต.ท.อำนวย ดิษฐกวี ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ และเป็นหนึ่งในกรรมการ ก.ตร.ที่ถูกนำเอกสารมาเผยแพร่มาฝากตำรวจด้วย
เมื่อเวลา 13.53 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้วอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม ก.ตร. ต่อมา พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้เดินตามออกมาในเวลา 14.00 น. โดย ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ตนยังยืนยันสาเหตุที่เดินทางออกจากห้องประชุม ก.ตร. เพราะตนยึดมั่นในหลักการที่ควรจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ก่อน พร้อมทั้งระบุว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องส่วนตัวที่จะรู้สึกว่าพอใจหรือไม่พอใจอะไร แต่เป็นการแสดงว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
เมื่อถามว่า แล้วที่ประชุมมีความเห็นว่าอย่างไรที่วอล์กเอาต์ออกมา ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.พิชิต ก็ได้แสดงความเห็นว่า จำนวนบอร์ดกลั่นกรองนั้นมีจำนวนเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งไม่เหมาะสม ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ควรหารือกันในที่ประชุม แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเวียนหนังสือว่ามีการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งตนก็ไม่ได้ยึดติดในเรื่องตัวบุคคล แต่เรื่องนี้มันเคยมีปัญหาก็ควรนำเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา แต่แม้เสียงส่วนใหญ่จะเห็นด้วย แต่จะให้ตนไปสนับสนุน มันผิดหลักการ มันทำไม่ได้
เมื่อถามว่า สาเหตุใดจึงไม่เห็นด้วยกับเสียงส่วนใหญ่ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าว่า เสียงส่วนใหญ่ ต้องเห็นชอบด้วยหลักเกณฑ์และกฎหมายก่อน แต่ตอนนี้ เสียงส่วนใหญ่พยายามเห็นว่าทำได้ แต่จริงๆ แล้วตามหลักการ ทำไม่ได้ ตนจึงไม่อยากร่วมรับผิดชอบด้วย โดยเฉพาะตนสอนวิชารัฐศาสตร์ ด้วยก็ต้องทำตัวเป็นตัวอย่าง
เมื่อถามว่า การวอล์กเอาต์นั้นเป็นลักษณะของการป่วนหรือไม่ ร.ต.อ.ปุระชัย กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก มันเป็นเรื่องของหลักการ เป็นเรื่องของคุณธรรม และการกระทำของตนไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาท เพราะท่านก็เกษียณไปแล้ว
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น.ที่ห้องประชุม 1 อาคาร 1 ตร.นายสุเทพ ได้เรียกประชุม ก.ตร.อีกครั้ง โดยเริ่มการพิจารณาบัญชีรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ผ่านการพิจาณาของคณะกรรมการคัดเลือก หรือบอร์ดกลั่นกรอง
กระทั่งเมื่อเวลา 19.45 น. นายสุเทพได้ตัดสินใจพักการประชุม เนื่องจากมีปัญหาในการพิจารณาตำแหน่ง ผบช.ส. จนกระทั่งเวลา 20.40 น.จึงเริ่มการประชุมอีกครั้ง โดยที่ประชุมได้มีมติให้มีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองอีกครั้ง เนื่องจากเห็นว่ามีบางรายชื่อที่อยู่ในบัญชีแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ได้ผ่านบอร์ดกลั่นกรอง กระทั่งเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ห้องประชุม 2 อาคาร 1 มีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองอีกครั้ง โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง ก่อนนำรายชื่อเข้าที่ประชุมก.ตร.อีกครั้ง กระทั่งในเวลา 22.45 น.การประชุมได้เสร็จสิ้นลง
สำหรับรายชื่อข้าราชการตำรวจที่ผ่านคณะกรรมการข้าราชการตำรวจครั้งที่ 15 วันที่ 16 พ.ย. ในระดับรองผบ.ตร. ที่ว่างลง 2 ตำแหน่ง ได้โยก พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (บ.10) ด้านความมั่นคง 1 และ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต ที่ปรึกษาสบ 10 ด้านความมั่นคง 2 เข้าดำรงตำแหน่ง รองผบ.ตร.ในตำแหน่งหลัก และการเลื่อน พล.ต.ท.วุฒิ พัวเวส (นรต.27) ผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 พล.ต.ท.อดุลย์ แสงสิงแก้ว (นรต.29) อาวุโสอันดับ 2 และพล.ต.ท. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา (นรต.28) ผช.ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 3 ขึ้นเป็นที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร.
ระดับ ผช.ผบ.ตร.เลื่อน พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น.(นรต.30) พล.ต.ท.ประชิน วารี จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็น รอง จตร.(สบ 9) เทียบเท่า ผช.ผบ.ตร. แทน พล.ต.ท.พรชัย พันธุ์วัฒนา รองจตร.(สบ 9) ที่เออร์ลีรีไทร์ พล.ต.ท.จิโรจน์ ไชยชิต ผบช.ศ.(นรต.28) ขึ้นเป็น ผช. ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธีระเดช รอดโพธิ์ทอง ผบช.ส. ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท.บรรจง ตันศยานนท์ จตร.(สบ 8) ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ตร. พล.ต.ท. สถาพร ดวงแก้ว รองจตร.(สบ 9) โยกเป็นผช.ผบ.ตร.ตำแหน่งหลัก และให้ พล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. เป็น รองจตร.(สบ 9) พล.ต.ท.ชลธาร จิราณรงค์ ผบช.นรป. ขึ้นเป็น รอง.นรป.(สบ 9)
ส่วนตำแหน่งระดับ ผบช. สำหรับ พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 (นรต.28) คนสนิทนายสุเทพ ย้ายมานั่งเป็น ผบช.น. พล.ต.ต. เดชาวัต รามสมภพ รองผบช.ภ.3 คนสนิทนายเนวิน ชิดชอบ ขึ้นเป็น ผบช.ภ.3 พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผบช.ภ.3.ย้ายเป็น ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.สันติ เพ็ญสูตร รอง ผบช.ภ.9 ขยับขึ้นเป็นผบช.ภ.4 พล.ต.ต.พงษ์สันต์ เจียมอ่อน รอง ผบช.น. คนสนิทนายชวน หลีกภัย อดีต นายกฯ เป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รอง ผบช.สตม. เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ท. วีรยุทธ สิทธิมาลิก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. คนสนิท พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. เป็น ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.ธีระยุทธ กิติวัฒน์ ผบช.งป.เป็น ผบช.สกบ. พล.ต.ท.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ผบช.สตม. โยกเป็น ผบช.ศ.
พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. ขยับขึ้นเป็น ผบช.ปส. พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส.ย้ายเป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย รอง ผบช.ส. ขยับขึ้นเป็น ผบช.ส.พล.ต.ท. อุดม รักศีลธรรม จตร.(สบ.8) เป็น ผบช.สตส. พล.ต.ต.ยงยุทธ เตียวตระกูล รองผบช.ภ.7 เป็น จตร.(สบ.8) พล.ต.ต.เอกรัตน์ มีปรีชา รอง ผบช.น. ขึ้นเป็น จตร.(สบ 8) พล.ต.ต.ณัฐพิชย์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รอง ผบช.ปส. เป็น ผบช.สกพ. พล.ต.ต.ธนากร ศิริอัฐ รองผบช.สตม. ขึ้นเป็น ผบช.งป. พล.ต.ต.จงเจตน์ อาวน์เจนพงศ์ รองนายแพทย์ใหญ่(สบ7) เป็นนายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) พล.ต.ต.ไตรรัตน์ อมาตยกุล นรป.(สบ7) ขึ้นเป็น ผบช.นรป. (สบ8) พล.ต.ต.วิบูลย์ บางท่าไม้ รอง ผบช.น. เป็น ผบช.ประจำ.สง.ผบ.ตร.พล.ต.ต.คัคคพงศ์ ศรีพาณิชย์ รอง ผบช.ส. เป็นผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.ภัทรชัย หิรัญญะเวช รอง ผบช.กมส. เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ต.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบช.น.คนสนิท นายเนวิน ชิดชอบ ได้รักษาการ ผบช.ประจำ สง.ตร.(ทนท.ประสานนายกรัฐมนตรี) เนื่องจากไม่ครบหลักเกณฑ์ เนื่องจากครองตำแหน่งรองผบช.เพียง 1 ปี เท่านั้น
เมื่อเวลา 22.45 น. พล.ต.ท.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมว่า คณะกรรมการ ก.ตร.ได้ใช้เวลานานในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ เนื่องจากการแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร.-ผบช.ต้องทำอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นตำแหน่งสำคัญ และคณะกรรมการคัดเลือก ได้ใช้เวลายาวนานในการพิจารณา ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้มีทั้งหมด 36 ตำแหน่ง เป็นรอง ผบ.ตร.หมุนเวียน 2 ตำแหน่ง ระดับผู้ช่วย ผบ.ตร.ขึ้นรอง ผบ.ตร. 3 ตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร.หมุนเวียน 1 ตำแหน่ง ผบช.ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง ผบช.หมุนเวียน 8 ตำแหน่ง รอง ผบช.ขึ้น ผบช.15 ตำแหน่ง
พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า ในระดับรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ยึดหลักอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ ระดับรอง ผบช.ขึ้น ผบช.ยึดหลักอาวุโส 25 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือเป็นไปตามบัญชีความเหมาะสม ซึ่งตำแหน่งที่ผ่านมติการประชุมก.ตร.ในครั้งนี้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. จะมีคำสั่งรักษาราชการแทนโดยทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ ผบช.ใหม่ไปทำบัญชีรอง ผบช.-ผบก.ที่จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาแต่งตั้งในวันที่ 23 พ.ย. เวลา 14.00 น. ซึ่งระดับนายพลทั้งหมดจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 23 พ.ย. และจะพิจารณาสิทธิต่างๆ รวมถึงเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ทั้งนี้ ในที่ประชุม ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ และ พล.ต.อ.พิชิต ควรเตชะคุปต์ ไม่เข้าร่วมประชุม เนื่องจากทั้งสองท่านยึดหลักการเดิม ส่วน ก.ตร.อีก 4 ท่าน ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมทาง รรท.ผบ.ตร.ได้สั่งการให้สำนักงาน ก.ตร.ส่งหนังสือเชิญ ก.ตร.ทั้ง 4 ท่าน ให้เข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งไม่ได้เป็นการบังคับ เพียงแต่อยากให้ก.ตร.ทุกท่านมาช่วยกันพิจาณาร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมถึงต้องมีการประชุมบอร์ดกลั่นกรองถึง 2 รอบ พล.ต.ท.พงศพัศ กล่าวว่า เมื่อในที่ประชุม ก.ตร.ที่ไม่เห็นด้วยตามรายชื่อที่บอร์ดกลั่นกรองเสนอมา ก็สามารถให้บอร์ดกลั่นกรองนำกลับไปพิจารณาใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งมีหลายตำแหน่งที่บอร์ดกลั่นกรองก็ยึดตามเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็มีอีกบางตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงตามที่ ก.ตร.ติติง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง