“นพดล” ชี้ประธานบอร์ดลาออก ไม่มีผลย้อนหลังกับรายชื่อที่ผ่านการพิจารณา ยังคงรอมติ ก.ตร. บอร์ดกลั่นกรองเกินกึ่งหนึ่ง ยอมรับการฝากตำรวจมีทุกทีในวงราชการ ไม่ขอโต้ตอบเรื่องจริยธรรมทางสื่อ แต่จะขออนุญาตประธานก.ตร. แสดงจริยธรรมอีกด้าน
วันนี้ ( 11 พ.ย.) พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ และหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจ หรือบอร์ดกลั่นกรอง กล่าวถึงกรณี ที่นายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรง คุณวุฒิ และประธานบอร์ดกลั่นกรอง ลาออกจากการเป็นประธานบอร์ดกลั่นกรองว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่านายสมศักดิ์ ลาออกจากประธานบอร์ดกลั่นกรองเพราะอะไร แต่ผลของการลาออกคงไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณารายชื่อข้าราชการตำรวจที่ผ่านบอร์ดกลั่นกรองมาแล้ว และ หากถามตนว่า จำนวนบอร์ดกลั่นกรองที่มาจำนวนเกินกึ่งหนึ่งของ ก.ตร.นั้น อันนี้มีเหตุผลว่า ทางก.ตร.ต้องการให้ การพิจารณาคัดเลือกข้าราชการตำรวจระดับนายพลมีความโปร่งใส ในขณะที่ ไม่มี ผบ.ตร.ตัวจริง และการที่มีจำนวนบอร์ดกลั่นกรองจำนวนแค่ไหน ก็ไม่ได้มีระเบียบข้อใดระบุไว้ ผ่านมติ ก.ตร.ได้ก็ถือว่ามีความสมบูรณ์แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ก็ขึ้นอยู่กับ มติ ก.ตร. ที่จะมีการประชุมเรื่องนี้ในครั้งต่อไปด้วย ซึ่งตนทราบมาว่าจะมีการประชุมวันจันทร์ที่ 16 พ.ย.นี้
พล.ต.อ.นพดล กล่าวยอมรับ กรณีมีการเปิดเผยข้อมูลของการฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อพิจารณาเพื่อโยกย้ายหรือเลื่อนตำแหน่งเมื่อปี 2551 นั้น มีการฝากกันไม่เฉพาะในวงการตำรวจเท่านั้น และเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้นว่า การสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องซื้อขายตำแหน่งไม่เกี่ยวกับเรื่องเด็กฝาก ก็รู้อยู่แล้วในวงการราชการมีการฝากทั้งนั้น ต่อมาก็มีการถามเรื่องจริยธรรมขึ้นมาอีก ซึ่งตนก็เคยบอกไปแล้วว่า จริยธรรมนั้นมี 2 ด้าน ซึง ตนพร้อมจะเปิดเผยจริยธรรมอีกด้านหนึ่งในที่ประชุม ก.ตร. ครั้งต่อไป ว่าความจริงคืออะไร อยู่ตรงไหน โดยจะขออนุญาตท่านประธานเพื่อขอพูดเรื่องนี้ให้จบ แต่ตอนนี้ไม่อยากตอบโต้ใครทางสื่อมวลชน
เมื่อถามว่า ขณะนี้การสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องการซื้อขายตำแหน่งได้ข้อสรุปแล้วว่าไม่มี การซื้อขายตำแหน่ง เมื่อมีการเปิดเผยเรื่องเด็กฝากจะมีการพิจารณาเรื่องการซื้อขายตำแหน่งอีก หรือไม่ พล.ต.อ.นพดล ตอบว่า ต้องเข้าใจนะว่า การสอบสวนเรื่องการซื้อขายตำแหน่งตอนนั้น คณะกรรมการ ก.ตร.ทุกคนเห็นว่าเหมาะสม มีรองผบ.ตร.ที่อยู่ในตำแหน่ง 2 ท่านคือ ท่านจงรัก และท่านจุมพล มีอดีตนายตำรวจ และมีนายสมศักดิ์ เป็นประธานและเป็น อดีตอัยการสูงสุด มีการเชิญ เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับ ผบช.มาให้ข้อมูล ซึ่ง เรืองนี้เราเอาจริงเอาจัง และคนระดับนี้ก็ไม่มีทางถูกหลอกแน่นอน ถึงแม้ผลสรุปจะระบุว่าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งเพราะไม่มีพยานรายใดมาบอก เนื่องจากมีความผิดทั้งคู่ แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่า ใครเป็นผู้รับผู้ให้ ที่ สำคัญ ทางอนุฯ ก็สรุปให้ตร.เป็นแนวทางการแต่งตั้ง ครั้งต่อไปว่า หากต่อไปใครเป็นผู้มีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย อย่าโยกย้ายใครตามใจตัวเอง โดยโยกย้ายใครแล้วทำให้ครอบครัวเขาเดือดร้อน