นายกฯ ยันไทยยึดเครื่องบินลักลอบขนอาวุธสงคราม ผลจากงานด้านการข่าวร่วมต่างประเทศ ระบุต้องดำเนินการตามมติสหประชาชาติ-กม.ไทย เผยสินค้าจากบริษัท “เกาหลี” 5 ผู้ต้องหาจาก “เบลารุส-คาซัคสถาน” ส่วนเครื่องบิน “จอร์เจีย” พร้อมส่งหนังสือแจ้งยูเอ็น
คลิกที่นี่ เพื่อฟังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (13 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าในการจับกุมเครื่องบินลักลอบขนอาวุสงครามจำนวน 40 ตัน ที่สนามบินดอนเมืองว่า ทั้งหมดต้องดำเนินการตามข้อมติของสหประชาชาติกับกฎหมายภายในของเรา ขณะนี้การสืบสวนสอบสวนก็คืบหน้าไปพอสมควร ฉะนั้นการตตั้งข้อหาต่างๆ คงจะเสร็จเรียบร้อยเร็วๆนี้ ส่วนตัวของกลางจะต้องตรวจสอบในรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร เพราะแนวปฏิบัติตามหลักสากลว่าจะต้องทำอย่างแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทของสิ่งของ ขณะนี้ก็คิดว่าเดินไปตามขั้นตอนของสหประชาติและกฎหมายภายในอย่างเคร่งครัด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการดำเนินคดีผู้ต้องหาในไทยด้วยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ใช่ เป็นการดำเนินการอยู่ในขณะนี้เพราะถือว่ามีความผิดที่เกิดขึ้นที่นี่ในเรื่องการครอบครองสิ่งของซึ่งไม่ได้สำแดงและเป็นอาวุธ เมื่อถามว่าต้องตั้งข้อหาอะไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องถามเจ้าหน้าที่ แต่หลักคือเครื่องบินที่เข้ามาหนึ่งสำแดงเท็จเพราะแจ้งว่าของที่อยู่ในนั้นกับของที่พบจริงมันไม่เหมือนกัน สองของที่พบจริงเป็นเรื่องของอาวุธ ซึ่งมีความผิดด้วย
เมื่อถามว่า นายกฯ ช่วยอธิบายให้ชัดเจนได้หรือไม่เพราะตอนนี้เรื่องเกิดความสับสนโดยเฉพาะเครื่องลงเมื่อไร ของมีอะไร มาจากไหน ใครเป็นเจ้าของ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เครื่องลงวันศุกร์ที่ 11 ธ.ค. มันก็มีเบาะแสและมีการทำงานทางการข่าวร่วมว่าเครื่องบินนี้ต้องสงสัย ฉะนั้นเมื่อเขามาจอดเติมน้ำมันก็ได้มีการเข้าไปค้นและก็เจอ เมื่อถามว่า ไทยได้รับแจ้งจากสหรัฐฯใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราทำงานร่วมกันกับประเทศอื่นๆ ได้รับข่าวสารมา เมื่อถามว่า ทางสหรัฐฯแจ้งมาเมื่อไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่ตนรับทราบล่วงหน้าอยู่เล็กน้อยว่าจากการข่าวร่วมอาจจะมีกรณีนี้เกิดขึ้นก็ให้ดำเนินการตามมติของสหประชาชาติกับกฎหมายภายในของเรา
เมื่อถามว่า ปลายทางของเครื่องบินจะไปที่ไหนทราบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบคือเนื่องจากของมันหนักมาก เขาเติมน้ำมันเป็นระยะๆ เข้าใจว่าเขาจะไปเติมน้ำมันต่อที่ศรีลังกา ส่วนจะไปต่อที่ไหนเราไม่ทราบ เมื่อถามว่าอาวุธที่มีอยู่ในเครื่องเป็นชนิดไหนบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด เดี๋ยวจะให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจง เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เรายึดเอาไว้เสร็จแล้วจะมีขั้นตอนที่เป็นข้อกำหนดอยู่ เช่นบางประเภทก็ต้องมีการทำลายหรืออะไร
เมื่อถามว่า ทางสหรัฐฯ ได้ขอให้เราดำเนินการอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ เพราะทุกอย่างเราทำตามหลักสากล เมื่อถามว่าต้องมีประเทศอื่นเข้ามามีส่วนร่วมในการดูคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ในขณะที่มีการดำเนินคดีอยู่เราจะต้องแจ้งทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่น คนที่ถูกจับสัญชาติอะไรก็ต้องแจ้ง ตัวเครื่องบินมาจดทะเบียนที่ไหนก็แจ้ง ตัวคนที่เป็นเจ้าของสินค้าประเทศไหนก็แจ้ง ฉะนั้นขณะนี้มี 3-4 ประเทศที่ต้องมีการแจ้งไป
เมื่อถามว่า 5 ผู้ต้องหาที่จับกุมตัวไว้เป็นคนสัญชาติอะไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ของสินค้าบริษัทเป็นเกาหลี คนจะเป็นเบลารุสกับคาซักสถาน ส่วนเครื่องของจอเจีย ซึ่งเราต้องแจ้งไป เมื่อถามว่า ในทางการข่าวระบุหรือไม่ว่าอาวุธเหล่านี้เขาจะนำไปใช้ทำอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจน รู้แต่ว่าเขาจะไปเติมน้ำมันต่อที่ศรีลังกา เมื่อถามว่าแสดงว่าจะต้องมีการตรวจสอบในเชิงลึกกันต่อไปอีก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายการข่าวเขาคงทำงานกันต่อ เมื่อถามว่า ที่มีการประสานมามีเรื่องการก่อการร้ายอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มีอะไ รชัดเจนทราบแต่ว่าเป็นเรื่องของการขนอาวุธ เมื่อถามว่า ไทยไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไร ทั้งเครื่องบิน สินค้า บุคลากร เป็นของประเทศอื่นๆ หมด เพียงแต่เขามาขอเติมน้ำมันที่นี่ เมื่อถามว่าเราต้องทำหนังสือแจ้งทางยูเอ็นด้วยใช่ไหม นาอยภิสิทธิ์กล่าวว่า ทั้งหมดถูกต้อง