ในวาระวันพ่อ 5 ธันวาคม หนึ่งในนักการเมืองที่ไม่ยอมหลุดซีนแสดงบทบาท พ่อที่แสนดีให้ลูกได้เห็น ไม่ใช่ใครอื่น
เจ้าของฉายาชาละวัน เมืองพิจิตร “เสธ.หนั่น” พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพัฒนา
ยืดอกประกาศ หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อใด จะเสนอต่อแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาว่า จะขอเว้นวรรคไปนอนอยู่บ้านเพราะอายุมากแล้ว พ่วงไปกับการไปดูแลธุรกิจ
ฟาร์มนกจอกเทศ-ไร่องุ่นดงเจริญ-ไวน์ ชาโต เดอ ชะลาะวัน
แต่จะโอนโควตารัฐมนตรีไปให้ “ลูกยอด” ศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ ส.ส.พิจิตร บุตรชายคนเดียวแทน
เสธ.หนั่น เปิดกรมธรรม์เซ็นมอบมรดกทางการเมืองให้ลูกชายเรียบร้อย
ตอนนี้ศิริวัฒน์อายุครบ 35 ปี เสธ.หนั่น ย้ำถึงคุณสมบัติว่าสามารถเป็นรัฐมนตรีได้แล้ว เลยจะให้ลูกชายขึ้นมารับช่วงอำนาจต่อ เพราะตัวเองเป็นรองนายกรัฐมนตรีมา 3 สมัยซ้อน ในรอบสองปี
คือรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช-สมชาย วงศ์สวัสดิ์ จนถึง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
จะเล่นเก้าอี้ดนตรีกับลูกชาย ด้วยการเอาตำแหน่งสำคัญของบ้านเมืองมาเป็นสมบัติผลัดกันชมในวงศ์ตระกูล เพราะโควตานี้เป็นของกลุ่มตัวเอง ใครมาแย่ง หรือเอาไปเชยชมไม่ได้
สังคมมองว่า ทำแบบนี้ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเยี่ยวรดหัวใจประชาชน ของนักการเมืองรุ่นเก่าอย่าง เสธ.หนั่น ที่พยายามสืบทอดอำนาจแบบผิดๆให้กับลูกชายตัวเอง ซึ่งวนเวียนอยู่แต่กับเรื่อง
ลงทุน ถอนทุน โควตากลุ่ม สมบัติผลัดกันชม
ซึ่งเป็นสาเหตุของการทำให้การเมืองไทยไม่พัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ เพราะก่อนหน้านี้ ตระกูล “ขจรประศาสน์” ก็ผลักดัน “เจ๊หวี” ฉวีวรรณ ขจรประศาสน์ เมีย เสธ.หนั่น จนได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ว.นนทบุรี เมื่อปี 43 แต่พอดี กกต.แจกใบเหลือง แล้วพอลงสู้เลือกตั้งซ่อมอีกหน “เจ๊หวี”ก็เหี่ยวปลาย สอบตก
ผิดหวังกับเมียรักในเวทีการเมือง เสธ.หนั่น ผู้พ่อเลยต้องไปหิ้ว “ลูกยอด” ที่กำลังอยู่ในวัยเพลย์บอย เริงราตรีแสงสี ไฟกลางคืน เอามาปัดฝุ่นแปลงโฉมให้กลายเป็น “ทั่น ส.ส.”
ผลสุดท้าย สภาผู้แทนราษฏรและประชาชนคนพิจิตร ก็เลยได้แต่ ส.ส.ศิริวัฒน์ ที่เป็นส.ส.มาหลายสมัย ตั้งแต่อยู่ประชาธิปัตย์ แต่กลับไม่เคยทำผลงาน หรือแสดงบทบาทอะไรให้เห็นในสภาฯ เลย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ถามว่า “ศิริวัฒน์” คนนี้ ตั้งแต่เป็นส.ส.มา เคยลุกขึ้นอภิปรายกฎหมาย หรือตั้งกระทู้สดถามฝ่ายบริหารในห้องประชุมสภาฯ หรือทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการเพื่อตรวจสอบฝ่ายบริหารหรือกมธ.พิจารณากฎหมายสำคัญๆ ของประเทศหรือไม่
ถามต่อไปว่า ว่าที่รัฐมนตรีอย่างศิริวัฒน์ คนนี้ รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับกลไกนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร เคยผ่านงานเลขานุการรัฐมนตรี-ที่ปรึกษารัฐมนตรี บ้างหรือยัง
คำตอบคือยังไม่มี
แล้วไม่ต้องมาบอกว่า พอไปเป็นรมต. ก็ค่อยไปเรียนรู้งานได้ ตอบแบบนี้อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้วว่า สรุปก็คือ จะเอาให้ได้ ว่างั้นเถอะ
เมื่อเป็นเช่นนี้ หากเสธ.หนั่น จะผลักดันลูกชายสุดลิ่มทิ่มประตู แบบไม่สนใจความรู้สึกประชาชน อันดับแรก ก็ต้องให้ บรรหาร ศิลปอาชา เจ้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ตกลงก่อน ซึ่งดูแล้วก็คงยากที่ “บรรหาร” จะปฏิเสธ เพราะมันเป็นโควตาและสิทธิของกลุ่มเสธ.หนั่น ที่จะเอาเก้าอี้ให้ใครก็ได้
ข้อเรียกร้องของ เสธ.หนั่น บรรหาร ขัดไม่ได้
เพราะตัวบรรหาร คือต้นแบบของการเล่นการเมืองแบบเอาเก้าอี้ รมต.มาเป็นสมบัติผลัดแบ่งนั่งของคนในวงศ์วานว่านเครือ จนจะครบหมดทั้งบ้านจรัญสนิทวงศ์แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นกรณีการให้ นางสาวกัญจนา ศิลปอาชา มาเป็น รมช.ศึกษาธิการ ในรัฐบาลชวน 2 และนายวราวุธ ศิลปอาชา มาเป็น รมช.คมนาคม ในรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ แต่ครั้งนี้ ทั้ง เติ้ง-หนูนา-ลูกท๊อป ติดโทษแบนการเมือง 5 ปี ในคดียุบพรรค
ไม่รู้จะเอาสมบัติไปให้ใคร ก็เลยต้องคืนดีกับน้องชาย นายชุมพล ศิลปอาชา แล้วเอาเก้าอี้ทั้งรมว.ท่องเที่ยวฯ และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ไปประเคนให้
ส่วนเลือกตั้งครั้งหน้า ก็จะเอา ลูกสาวคนกลาง “ปาริชาติ” ลงสมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี แน่นอน แต่ครั้นจะถึงขั้นให้ "คุณหญิงแจ่มใส" มาเป็นนอมินีการเมืองในสภาฯ และครม.ด้วยหรือไม่
สายข่าวยืนยันว่า หลงจู๊เติ้ง อาจกล้าคิด ไม่น่าจะกล้าทำ แต่หากจะทำจริง ก็ต้องบอกว่า
โอ้โห เติ้งเอ๋ย นายแน่มาก !!!
เมื่อเป็นเช่นนี้ การผลักดัน “ลูกยอด” เป็น รมต.ของ เสธ.หนั่น จึงไม่น่าจะมีปัญหาภายในพรรคชาติไทยพัฒนา
แต่ปัญหาจะอยู่ที่ตัว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะยอมหรือไม่ ในการให้ครม.ของตัวเอง ที่ส่วนใหญ่เป็นพวกนอมินี-นายทุน-ตัวแทนโควตากลุ่มก๊วนในพรรคร่วมรัฐบาลและพวก รมต.มือสมัครเล่นเดินเต็มไปหมดในห้องประชุม ครม.ตอนนี้
แล้วจะมาปล่อยให้ละอ่อนอย่าง ศิริวัฒน์ ที่อาวุโสน้อย ขาดประสบการณ์ บารมีก็ไม่มีเข้ามาเป็นรมต.อีกคน ขืนอภิสิทธิ์ขัดใจ เสธ.หนั่นไม่ได้ มีหวังรัฐบาลชุดนี้ถูกสับเละ
เอาเด็กอมมือมาบริหารประเทศ
ดังนั้นหาก เสธ.หนั่น จะดื้อรั้นผลักดันให้ลูกชายเป็นรัฐมนตรี เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูลให้ได้ ความเป็นไปได้ก็ต้องแลกเก้าอี้ สลับตำแหน่ง เพราะจะให้เป็นรองนายกรัฐมนรีเป็นไปได้ยาก
ทว่า จะให้ข้ามชั้นขึ้นนั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการ ก็คงเร็วเกินไป แนวโน้มก็อาจเป็น รมว.กระทรวงเล็กๆ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม หรือ รมช.ในกระทรวงขนาดกลาง-ใหญ่ เช่น รมช.คมนาคม ที่ชาติไทยพัฒนามีโควตาอยู่หนึ่งตำแหน่ง ที่เป็นของนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร ก็อาจสลับตำแหน่งกันได้กับโควตา เสธ.หนั่น
นี่ขนาด ทั้งอภิสิทธิ์ –สุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนกรานไม่ปรับครม.เด็ดขาด แม้จะมีตัวแปรที่เป็นปัจจัยเร่งให้อภิสิทธิ์อาจต้องปรับครม.เร็วขึ้นก่อนกำหนด จากเดิมที่คาดการณ์กันว่า น่าจะเกิดขึ้นก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังสภาฯ เปิดเดือนมกราคม 53
ไม่ว่าจะเป็นกรณี รัฐมนตรีหลายคนรอลุ้นคำตัดสินของศาลรธน.ในเรื่องพิษหุ้นทำเก้าอี้คลอน ทั้ง พฤติชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง จากพรรคเพื่อแผ่นดิน- บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย –มานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข
ดังนั้นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของการปรับครม.ก็คือ เรื่องคดีความของรัฐมนตรีเหล่านี้ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นในต้นปีหน้า
เพียงแต่กว่า จะถึงเวลานั้น แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้น อภิสิทธิ์จะซื้อเวลาไปได้นานแค่ไหน นี่สิคือปัญหา
เพราะแค่เรื่อง เสธ.หนั่น ยกเก้าอี้ให้ลูกชาย ก็กลายเป็นแรงกดดันให้อภิสิทธิ์ เร่งปรับครม. ที่คาดว่าหากมีการปรับครม.ในปลายเดือนนี้ นอกจากตำแหน่งรองนายกฯ ของกอร์ปศักดิ์ สุภาวสุ ที่ได้นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี มาแทนแล้ว ก็จะเพิ่มตำแหน่งของเสธ.หนั่น อีกหนึ่งเก้าอี้ เป็นการสลับเก้าอี้ในเฉพาะพรรคชาติไทยพัฒนา
ตรวจสอบแล้ว ข้อเสนอของเสธ.หนั่น ยกเก้าอี้ให้ลูก แม้จะเป็นการสร้างความหนักใจให้นายกฯอภิสิทธิ์ แต่คงเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ เพราะถ้าไม่ให้ ก็จะเป็นการไร้น้ำใจเกินไป แต่อภิสิทธิ์ ก็ต้องหาเหตุผลมาตอบสังคมให้ได้ว่า การที่พ่อยกเก้าอี้รมต.ให้ลูก โดยไม่ฟังเสียงประชาชน มีความชอบธรรมทางการเมืองอย่างไร ?
อย่างไรก็ตาม เสธ.หนั่น คงไม่ล้มเลิกความคิดของตนในเรื่องนี้ เพราะวันนี้เสธ.หนั่น คิดแต่เฉพาะในมุมของความเป็นพ่อ ที่มีความรักลูก หวังให้ลูกมีความก้าวหน้าในวงการเมืองต่อไป เวลานี้เป็นช่วงที่ เสธ.หนั่น ตั้งใจจะล้างมือทางการเมือง และเป็นจังหวะเหมาะที่จะส่งมอบเก้าอี้รมต.เป็นมรดกให้แก่ลูกชาย ถ้าไม่ทำเสียแต่วันนี้ โอกาสที่ลูกชายจะเติบโตทางการเมือง จะพบกับความลำบาก
เสธ.หนั่น เป็นนักการเมืองรุ่นเก่าที่มีกิตติศัพท์ทั้งสองด้าน ความดีของเสธ.หนั่น ที่ฝากไว้ในวงการเมืองก็มีมาก เช่น จากกรณีที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร และบรรหาร เดินเกมตั้งรัฐบาลนอมินี ต่อจากรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มีแผนเสนอชื่อ เสธ.หนั่น ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับนายอภิสิทธิ์ ก่อนที่จะเลือก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เข้ามาเสียบแทน
แต่เกมนี้ถูก เสธ.หนั่น บอกปฏิเสธไป ซึ่งภายหลัง เสธ.หนั่น ได้ให้เหตุผลแก่คนใกล้ชิดว่า เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วอยู่ได้ไม่นาน แต่ทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย นับเป็นสำนึกที่น่ายกย่องของเสธ.หนั่น ที่หาได้ยากในนักการเมืองไทย ที่จะมองเห็นความอยู่รอดของชาติบ้านเมืองสำคัญกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
แต่วันนี้ สำนึกความรักชาติรักแผ่นดินของเสธ.หนั่น ที่ยอมเสียสละได้ทุกอย่างแม้แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกเมฆหมอกของความรักลูกบดบังไปแล้วหรือ ?