ทนายหน้าหอแม้วฉุน ถูก “พร้อมพงศ์” แย่งซีน โวยปลุกกระแสอภัยโทษ “ศิวรักษ์” จนเกินงาม เป็นเหตุให้สมเด็จพระนโรดมสีหมุนีพระราชทานอภัยโทษโดยไม่ทันยื่นหนังสือขออภัยโทษ ทำให้ตกเป็นฝ่ายตั้งรับเขมร แถมแอบอ้างใช้ชื่อพ่อแม้วไปโกยคะแนนเสียง เซ็งสุดๆ หวั่นดาบนั้นคืนนั้นสนอง
วันนี้ (11 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังพรรคเพื่อไทย ทราบว่าสมเด็จพระนโรดมสีหมุนี กษัตริย์กัมพูชา ทรงลงพระปรมาภิไธยโปรดเกล้าฯ ให้นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกร ซึ่งถูกศาลสั่งจำคุกในคดีจารกรรมข้อมูลการบิน ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และจะปล่อยตัวนายศิวรักษ์ หลังจากที่นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดาของนายศิวรักษ์ และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้าพบกับสมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่กรุงพนมเปญ
ทั้งที่ก่อนวานนี้ (10 ธ.ค.) พรรคเพื่อไทยได้แจ้งกำหนดการที่นายพร้อมพงศ์ จะเดินทางไปยื่นหนังสือขออภัยโทษ ที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ในเวลา 09.30 น. (11 ธ.ค.) แต่ในเวลาไล่เลี่ยกัน พรรคได้แจ้งยกเลิกกะทันหันโดยไม่ได้แจ้งเหตุผล ก่อนที่จะมาแจ้งกำหนดการนี้อีกครั้งในเวลา 14.00 น.ของวันที่ 11 ธ.ค.เพื่อให้ไปทำข่าวนายพร้อมพงศ์ที่จะยื่นหนังสือต่อสถานทูตกัมพูชาในเวลา 15.30 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ค่อนข้างฉุกละหุก เนื่องจากช่วงไล่เลี่ยกันมีข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่ากัมพูชาได้อภัยโทษให้นายศิวรักษ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ
มีรายงานด้วยว่า ทันทีที่แกนนำพรรคเพื่อไทยทราบข่าว ได้สั่งการให้นายพร้อมพงศ์รีบไปยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษที่สถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยให้เร็วที่สุด เพื่อให้กระบวนการช่วยเหลือนายศิวรักษ์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้นอาจถูกมองได้ว่ากัมพูชาล้ำหน้าพรรคเพื่อไทยไปหนึ่งก้าว
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า ในการช่วยเหลือนายศิวรักษ์ของพรรคเพื่อไทย ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะนายนพดลเห็นว่านายพร้อมพงศ์พยายามแย่งซีนชิงการนำมากเกินไปจนบางครั้งเพลี่ยงพล้ำ เพราะบางครั้งมีการแปลงสารการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะที่นายพร้อมพงศ์ อ้างว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประสานงานทางโทรศัพท์กับสมเด็จฯ ฮุนเซนแล้ว แทนที่จะกล่าวอ้างว่าเป็นเพราะสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ทำให้ถูกมองได้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นฝ่ายรุกแก้ปัญหามากเกินพอดีจนอาจถูกฝ่ายตรงข้ามนำไปโจมตีได้
รวมทั้งมีการปล่อยข่าวว่าครอบครัวชุติพงษ์มีความสนิทสนมกับนายพร้อมพงศ์มาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะนายสุวิทย์ ชุติพงษ์ ซึ่งเสียชีวิตแล้ว และยังเป็นบิดานายศิวรักษ์ เมื่อ 20-30 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นผู้กว้างขวางในวงการภาพยนตร์ เคยเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ โดยนายพร้อมพงศ์ เคยระบุว่ารู้จักเป็นการส่วนตัวและเคยร่วมเล่นหนังด้วย ทั้งที่จริงแล้วครอบครัวชุติพงษ์ก็มีความสนิทสนมกับครอบครัวชินวัตรมานานแล้ว เคยเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์หลายเรื่อง ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเจ้าของโรงหนังที่เชียงใหม่ ทั้งสองคนนี้เกื้อกูลกันตลอด
