หน.ชทพ.เก็บอาการไม่อยู่อยากปรับ ครม.จนตัวสั่น ยันรัฐบาลครบ 1 ปีต้องปรับ ลั่นโควตา ชทพ.ต้อง 4 ตำแหน่งเท่าเดิม ชักไม่แน่ใจหากฝ่ายค้านไม่เล่นด้วยแก้ รธน.มติเสียงข้างมากอาจไม่พอ ชี้วิกฤตของประเทศ เกิดจากต่างฝ่ายมีทิฐิในตัวเอง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายชุมพล ศิลปอาชา ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (10 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีการปรับ ครม. โดย พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรค ในฐานะรองนายกฯ ประกาศวางมือให้บุตรชายมารับตำแหน่งแทนว่า ในพรรคทราบเจตนารมณ์ของ พล.ต.สนั่น มานานแล้ว และได้พูดคุยกันมานานแล้วแต่ยังไม่เป็นทางการ การปรับ ครม.ต้องรอให้นายกฯ ส่งสัญญาณมาก่อน ถ้าไม่ส่งมาก็จะไม่มีทางปรับ ซึ่งขณะนี้ท่านก็ยังไม่ได้ส่งสัญญาณมา แต่สัญญาณที่แน่ชัด คือ ทางพรรคประชาธิปัตย์มีมติให้นาย ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นรองนายกฯ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นเลขาธิการนายกฯ ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขที่จะต้องปรับอยู่แล้ว แต่จะปรับเมื่อไรก็เป็นเรื่องของนายกฯ ท่านก็มีเงื่อนไขเพียงอย่างเดียว คือ เมื่อพ้น 1 ปีจะเริ่มเคลื่อนไหวให้มีการปรับ ครม. ซึ่งก็จะครบวันที่ 20 ธ.ค.นี้ แต่ท่านจะปรับหลังวันที่ 20 ธ.ค. หรือหลังปีใหม่ก็เป็นดุลยพินิจของท่าน
เมื่อถามว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ส่งสัญญาณมา พรรคชาติไทยพัฒนาจะปรับเพียงตำแหน่ง พล.ต.สนั่น ใช่หรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า เราคงต้องทำตามที่ท่านเสนอ ซึ่งพรรคเห็นชอบด้วย เรื่องนี้ไม่มีปัญหาสำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งมีเพียงตำแหน่งเดียว
เมื่อถามว่าจะต้องแลกกระทรวงอย่างไรหรือจะให้บุตรชาย พล.ต.สนั่น เป็นรองนายกฯ นายชุมพลกล่าวว่า ประเด็นรองนายกฯ ไม่ใช่เรื่องของตำแหน่ง ตัวบุคคลที่เป็นรัฐมนตรีของพรรคก็ยังคงโควตาไว้ที่ 4 คน ส่วนตำแหน่งจะมีเท่าไรไม่สำคัญ ตำแหน่งรองนายกฯ หากใครอยากจะได้ก็ไปตั้งขึ้นมาใหม่ก็ได้ ไม่ได้มีปัญหา เรื่องนี้ไม่ต้องแลกเพราะรองนายกฯ นายกรัฐมนตรีจะตั้งขึ้นเป็น 10 ตำแหน่งก็ย่อมทำได้ เพราะไม่ได้เป็นตัวเนื้อของตำแหน่ง เป็นเพียงตำแหน่งที่ไปปะไว้ อย่างพรรคอื่นก็ไม่ได้มีตำแหน่งรองนายกฯ จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่โดยครรลองที่เป็นมาในรัฐบาลชุดก่อนๆ พรรคชาติไทยพัฒนามีรองนายกฯ ด้วย ส่วนตัวคนมีแค่ 4 คน ส่วนตำแหน่งจะมี 5-7 ตำแหน่งก็ได้ เพราะเป็นคนละประเด็นกัน ไม่ได้ติดใจ แต่ก็ควรคงอยู่ตามตำแหน่งนั้น
นายชุมพลกล่าวถึงจุดยืนของพรรคยังเหมือนเดิม ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย 1.ยืนยันที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตยที่แท้จริง 2.ต้องคืนความเป็นธรรมให้คนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม 3.ประเด็นในการแก้ไขทางพรรคมีทั้งหมด 7 ประเด็นตามที่ได้ประกาศไปแล้ว 4.วิธีการแก้ไขอยากให้เสนอประเด็นละฉบับ เพื่อประโยชน์ว่าหากประเด็นใดไม่เห็นด้วยก็ให้ตกไปทีละฉบับ
“เวลานี้พรรคชาติไทยพัฒนาได้วิเคราะห์สถานการณ์ในการแก้ไขปัญหา ตัวเนื้อหาสาระในการแก้ไขค่อนข้างจะลงตัวเพราะเห็นด้วยกันหมด แต่บรรยากาศและกระบวนการที่จะแก้ไขยังมีปัญหา และอุปสรรคอยู่ ค่อนข้างไม่ชัดเจน เรื่องนี้จะต้องร่วมมือทุกฝ่ายทั้งทางรัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา และที่สำคัญที่สุดคือประชาชนต้องเห็นชอบด้วย” นายชุมพลกล่าว
เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านระบุว่าเสียงรัฐบาลเองก็เพียงพอที่จะแก้ไขได้แล้ว นายชุมพลกล่าวว่า การนำเสนอถือว่ามีเสียงเพียงพอแต่การลงมติไม่แน่ว่าจะเพียงพอหรือไม่ ในบางประเด็นอาจจะเพียงพอ บางประเด็นอาจไม่เพียงพอ ดังนั้น ฝ่ายใดที่เห็นชอบด้วยก็ควรลงมาร่วมมือกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปัญหาวิกฤติของประเทศขณะนี้ที่แก้ไขไม่ได้ เพราะทุกคนยืนอยู่บนจุดที่ตัวเองได้เปรียบและไม่พยายามที่จะลงมาดูแล
ต่อข้อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล ถึงเวลาที่จะทวงสัญญาจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชุมพลกล่าวว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเวลานี้ ก้าวมาถึงขั้นสู่รัฐสภาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณายกร่างตัวร่างที่จะแก้ไข ดังนั้น เวลานี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องของส่วนรวมทั้งหมดที่จะดำเนินการ แต่ดูแล้วบรรยากาศไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไร ต้องรอจังหวะ