แม่ “ศิวรักษ์” เดินทางไปกัมพูชารอบ 3 รอลุ้นผลทางคดีลูกชายพรุ่งนี้ คาดหวังผลตัดสินออกมาในทางที่ดี ยันเปลี่ยนตัวทนายที่บัวแก้วเตรียมไว้ไม่ใช่เกมการเมือง อ้างแค่อยากช่วยลูกชายออกมาเร็วที่สุด ด้าน “เด็จพี่” เผย “บิ๊กจิ๋ว” ร่างหนังสือถึง “ฮุนเซน” พระราชทานอภัยโทษให้หากศาลกัมพูชาตัดสิน “ศิวรักษ์” ผิด
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลา 07.00 น. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นางสิมารักษ์ ณ นครพนม มารดา และนายพงษ์สุรีย์ ชุติพงษ์ น้องชายนายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทยที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัว พร้อมด้วยน.ส.มธุรพจนา อิทธะรงค์ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกเดินทางไปประเทศกัมพูชา ด้วยเที่ยวบินพีจี 931 ของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เวลา 07.40 น. เพื่อร่วมฟังการพิจารณาคดีของศาลกัมพูชาในวันที่ 8 ธันวาคม โดยมี นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินทางมาส่งเพื่อให้กำลังใจ
นางสิมารักษ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนออกเดินทางว่า ทำใจกับผลการตัดสินของศาลกัมพูชาเอาไว้แล้ว แต่ไม่ว่าผลจะออกมาในทางดีหรือทางร้ายก็ยังมีความหวังลึกๆ ว่าผลจะออกมาในทางที่ดี โดยช่วงคืนที่ผ่านมานั้นกังวลจนนอนไม่หลับ สำหรับกรณีที่ตนเปลี่ยนตัวทนายความที่กระทรวงการต่างประเทศได้เตรียมเอาไว้ให้นั้นไม่ใช่เรื่องของเกมการเมือง แต่ตนทำไปตามคำแนะนำของเพื่อนนายศิวรักษ์ที่อยู่ที่ประเทศกัมพูชา และไม่อยากให้ใครคิดว่าเป็นเรื่องของเกมการเมือง เพราะตนในฐานะของคนเป็นแม่ก็ต้องพยายามช่วยเหลือลูกออกมาให้ได้เร็วที่สุดหรือให้เรื่องจบเร็วที่สุด และเรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ได้ตำหนิอะไรตน แต่แสดงความเห็นใจและเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ ซึ่งการเดินทางไปครั้งนี้ตนได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไปมอบให้นายศิวรักษ์เพื่อเป็นกำลังใจด้วย
ด้านน.ส.มธุรพจนา กล่าวว่า การที่นางสิมารักษ์ตัดสินใจเปลี่ยนตัวทนายความนั้น กระทรวงการต่างประเทศยังคงจะให้ความช่วยเหลือเช่นเดิมเพราะถือเป็นหน้าที่ โดยกระทรวงการต่างประเทศได้นัดพบกับ นายเขียว สัมโบ ทนายคนใหม่ที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ ในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธ.ค.เพื่อประสานข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดก่อนที่จะมีการพิพากษา ส่วนผลของคำพิพากษาและขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์นั้น น.ส.มธุรพจนา กล่าวว่า คดีความจะเสร็จสิ้นในวันที่ 8 ธันวาคมหรือไม่นั้นตนยังไม่ทราบในรายละเอียด เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการศาล แต่คาดว่าศาลน่าจะตัดสินคดีในวันที่ 8 ธ.ค.ทีเดียวเลย สำหรับขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษนั้นตนไม่ทราบ เพราะต้องหารือกับทนายความเสียก่อน เบื้องต้นกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังกรมราชทัณฑ์ของกัมพูชาเพื่อขอให้นางสิมารักษ์เข้าเยี่ยมนายศิวรักษ์เพื่อให้กำลังใจในวันที่ 7 ธ.ค.อีกครั้ง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบกลับมาว่าจะได้เข้าเยี่ยมหรือไม่ โดยนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ได้บอกให้ช่วยเหลือนายศิวรักษ์และนางสิมารักษ์อย่างเต็มที่ และได้เอาใจช่วยเพราะต้องการให้คนไทยพ้นจากความทุกข์
จากนั้นเวลา 11.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางไปส่งนางสิมารักษ์ว่า นางสิมารักษ์ได้นำน้ำพริกเผา น้ำพริกหนุ่ม ยาแก้ไอ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มักจะนำติดตัวไปไหนมาไหนอยู่เสมอไปฝากลูกชายด้วย นอกจากนี้ ตนยังได้มอบพระรอดให้กับนางสิมารักษ์ด้วย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายอย่ามองความช่วยเหลือของพรรคเพื่อไทยว่าเป็นการแย่งซีน เป็นการทำดีเอาหน้า หรือเข้าทำนองชงเองกินเอง แต่เป็นการให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม อะไรที่พรรคเพื่อไทยสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ก็ยินดีที่จะทำอย่างเต็มที่ ส่วนบรรยากาศก่อนที่นางสิมารักษ์จะขึ้นเครื่องบินนั้น นางสิมารักษ์ร่ำไห้น้ำตานองหน้าอยู่ตลอดเวลาด้วยความรู้สึกกังวลใจ ตนจึงได้นำร่างหนังสือที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ทำถึงสมเด็จฮุน เซน เพื่อขอความอนุเคราะห์ ให้นำขึ้นกราบทูลเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนางสิมารักษ์ดูเพื่อยืนยันว่า หากผลการตัดสินคดีออกมาเป็นลบพล.อ.ชวลิตจะให้ความช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผลการตัดสินอาจจะออกมาว่าไม่มีความผิดก็ได้ อย่างไรก็ตาม ร่างหนังสือดังกล่าวได้นำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องของข้อกฎหมาย รวมทั้งต้องแปลให้เป็นภาษากัมพูชาและภาษาอังกฤษให้ถูกต้องก่อนที่จะนำส่งไปยังสมเด็จฮุน เซนด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่พล.อ.ชวลิตร่างขึ้นนั้น เป็นการขอความอนุเคราะห์จากสมเด็จฮุน เซน ให้นำขึ้นกราบทูลเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายศิวรักษ์ หากผลการตัดสินของศาลอกมาว่าได้กระทำความผิดจริง อย่างไรก็ตาม หนังสือดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ เพราะอาจจะต้องมีการปรับแก้ในส่วนของถ้อยคำและความถูกต้องอีกเล็กน้อย และต้องให้พล.อ.ชวลิตและนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตรวจทานอีกครั้งก่อนที่จะยื่นอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ยังต้องให้นายนพดลแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย