ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความปิติของคนไทยทั้งชาติ ไม่ว่าผลโพลสำนักไหนต่างระบุชัดว่า คนไทยทุกเพศทุกวัยทั้งประเทศล้วนมีความสุขเพิ่มขึ้นในวันมหามงคลของแผ่นดิน
ไทยทั่วหล้า สมานสามัคคี พร้อมอกพร้อมใจกันถวายพระพรแด่ “องค์พ่อหลวง”
ด้วยเสียงกึกก้อง...ทรงพระเจริญ!
แต่เหลือเชื่อ ในห้วงเวลาแห่งความเปี่ยมสุขของพี่น้องชาวไทยอยู่ในขณะนี้นั้น ยังมีพวก “หนักแผ่นดิน” ไม่ยอมเลิกราพฤติการณ์พฤติกรรมกเฬวราก
ประกาศจะก่อม็อบ รวมตัวชุมนุมในวันที่10 ธันวาคมนี้ อีกแล้ว
เหมือนเสียงที่มาจากนรกโดยแท้ เอ่ยอ้างการก่อม็อบเพื่อระลึกถึงวันรัฐธรรมนูญ เคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ตามสิทธิขั้นพื้นฐานของการชุมนุม
สรุปได้เลยว่า “หัวขวด” พวกนี้ คำว่ากาละเทศะไม่เคยอยู่ในหัวสมอง กระบาลเขียงขวดของคนสามานย์กลุ่มนี้ คิดทำได้ทุกอย่างและทุกเวลา ขอแค่ให้มี“นายจ้าง”จ่ายงามๆ พร้อมทำได้หมด
ก็ต้องขอ “ดักคอ” ถี่ๆ อีกครั้ง ทั้งในช่วงมหามงคล เดือนแห่งความปิติสุขของคนไทย ต่อเนื่องไปยังเทศกาลปีใหม่ ถ้าเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน เกิดระเบิด มีเหตุเผาบ้านเผาเมือง
คนกลุ่มหนึ่งที่จะเลี่ยงถูกตั้งข้อสงสัยไม่ได้แน่ ไม่ว่าจะเป็นตัวใหญ่ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย สายเหยี่ยว จรป.7 ผองเพื่อน ตท.10 ของทักษิณ รวมทั้งตท.9 เลือดร้อน และดิบเถื่อนชุดล่าสุด
ดักคอให้แบบนี้ คนที่สบายตัวไป ก็คงจะหนีไม่พ้น “นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่ถึงวันนี้ ที่ปรามาสหยามเหยียดกันว่าเป็นแค่ผู้นำเด็ก หัวดื้อ เอาแต่ใจตัวเอง ของจริงก็อย่างที่เห็นว่าดื้อๆ นั้น เขี้ยวมากน้อยแค่ไหน
ถ้าไม่สะดุดกับม็อบคนเสื้อแดงไปก่อน เชื่อว่า “อภิสิทธิ์” จะประคองรัฐนาวาลำนี้ข้ามไปสู่ศักราชใหม่ได้ค่อนข้างแน่ เพราะอะไรๆ ดูเหมือนจะเป็นใจ เข้าทางผู้นำคนนี้ ทั้งที่สถานการณ์เป็นใจ และที่วางหมากเกมแผนการไว้เอง
โดยเฉพาะการเดินหมากเดินเกมการเมือง ที่เล่นเอาล่อเอาเถิดกับฝ่ายตรงข้าม ทั้งขั้วอำนาจเก่า ขั้วอำนาจใหม่ และภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง เรียกว่า เข้าขั้นเซียน
บิ๊กๆ พรรคร่วมรัฐบาล เริ่มรู้กันแล้ว “กินอภิสิทธิ์ไม่ง่าย”
ขัดขวางโปรเจกต์แดกด่วน ที่ตั้งใจชงทีเดียวอิ่มยาว โดยเฉพาะบรรดารัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย เนวิน ชิดชอบ-สมศักดิ์ เทพสุทิน ที่กัดฟันกรอดๆ
แต่แม้ผู้นำรัฐบาลเด็กจะใจไม่ป้ำ แต่ก็ใช่จะปล่อยให้อดอยาก เพียงแต่ไม่ ปล่อยให้อิ่มหนำใจ ทั้งโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ที่ถูกตัดทอนปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ขณะที่โปรเจกต์การแก้ปัญหาราคาผลผลิตการเกษตร ในกระทรวงพาณิชย์ กับงบฯก้อนโต ที่นายกฯ อภิสิทธิ์ ปรับมาใช้การประกันราคา แทนการรับจำนำ ที่ปิดช่องโหว่ไม่ให้นักการเมือง ข้าราชการ และพ่อค้าร่วมกันโกงได้ง่ายเหมือนอดีต มาทำให้เกษตรกรได้หลักประกันราคาขายพืชผล ยังไงก็ไม่เจ๊ง ต่อไปเกษตรกรหน้าใสไม่ได้กำไรมาก ก็ได้น้อย
หรือซูเปอร์โปรเจกต์ 3 จี 3 เจี๊ยะ ก้อนโตของจริง นายกฯอภิสิทธิ์ เล่นลูกยื้อ อาศัยข้อกำหนดเงื่อนไขทางกฎหมาย ยืดเวลาอนุมัติโครงการไปต้นปีหน้า
เพราะเค้กก้อนนี้ก้อนโตเกินกว่าที่ 3 ผู้ยิ่งใหญ่ของพรรคเพื่อแผ่นดิน จะยึดครองไว้เพียงฝ่ายเดียว
เช่นเดียวกับโครงการต่างๆ ของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ อภิสิทธิ์ ใช้เทคนิคบริหารความขัดแย้ง ด้วยการผ่อนหนักผ่อนเบา ดึงแล้วปล่อย-ปล่อยแล้วดึง ทางหนึ่งก็ขัดขวาง ขัดแข้งขัดขาเพื่อน ใช้การอ้างอิงพิงกระแสประชาชนเป็นตัวช่วย
แต่พอชักเกิดแรงกระเพื่อมหนัก ก็พลิกกลับมาให้ความหวังเพื่อนอีก
เป็นกลยุทธ์เดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ได้เทคนิคกลยุทธ์นี้ถ่วง ยื้อ ดึงเกมกันมาหลายตลบ
ถึงจะเป็น “เด็กนอก” เรียน และใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมาตั้งแต่เด็ก แต่อภิสิทธิ์ ก็รู้กลเม็ดและเทคนิคการเล่นชักเย่อ ผ่อนหนัก-ผ่อนเบา เล่นเอาล่อเอาเถิดกับคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามเหมือนกัน
แต่ในทางตรงกันข้าม โครงการที่ไฟเขียวผ่านฉลุยเป็นส่วนใหญ่ ก็ต้องสารพัดโปรเจกต์ ซูเปอร์อภิมหาประชานิยมของพรรคประชาธิปัตย์ และโครงการที่ส่งตรงมาจาก นายกฯอภิสิทธิ์ และขุนคลังคู่ใจจากรั้วอ็อกฟอร์ด กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง
โดยล่าสุด มาแบบ “เสี่ยมาร์คสั่งลุย” ของจริง โครงการปล่อยสินเชื่อเพื่อปลดหนี้นอกระบบ ที่เปิดให้ผู้ที่มีภาระหนี้นอกระบบดอกเบี้ยมหาโหด ไปลงทะเบียนที่สาขาของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.ทั่วประเทศ ในช่วงเดือนนี้
จำนวนมูลหนี้ส่วนนี้ที่ว่าสูงถึงหลักแสนกว่าล้านบาท จะถูกดึงเข้าสู่ระบบ ธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อช่วยปลดเปลื้องภาระหนี้และดอกเบี้ยท่วมหัว อัดฉีดรากหญ้า ที่ดูเหมือนจะหนักหน่วงยิ่งกว่าประชานิยมสมัยไทยรักไทย ด้วยซ้ำ
แต่อีกทางหนึ่งก็มีข้อท้วงติงในนโยบายที่ต้องรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหา นายทุนข่มขู่ลูกหนี้ ปัญหานายทุนและลูกหนี้ฮั้วสร้างยอดหนี้เทียม เพื่อสูบงบฯรัฐ รวมทั้งภาระหนี้ที่จะสุมทับจนสุ่มเสี่ยงกับปัญหาหนี้สูญ และสภาพคล่องในสถาบันการเงินของรัฐในอนาคต
แต่เชื่อว่า ถึงเสี่ยงและอันตราย แต่มาถึงตรงนี้ อภิสิทธิ์ คงได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เพราะถือเป็นช่องทางที่ชัดเจนในเรื่องคะแนนเสียง ปรนเปรอชาวบ้าน กลุ่มคนชั้นล่างหาเช้ากินค่ำ และชุมชนคนรากหญ้า
โดยกระแสตอบรับนโยบายปลดหนี้เป็นไปในทางที่ดี ถึงขนาดที่ต้นตำรับประชานิยม ทักษิณ ยังอยู่เฉยไม่ได้ ต้องรีบทวิตเตอร์ ยิงข้อความมาติติงด้วยความหวั่นไหว แฝงความอิจฉา เพราะเกรงว่า กระแสรากหญ้าอาจจะพลิกได้ด้วยนโยบายนี้
จะเห็นได้ว่าระหว่างบริหารความขัดแย้ง “อภิสิทธิ์” ก็ไม่ประมาท หว่านโปรยเพื่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ไปด้วย แม้จะเหลือไพ่ ปรับ ครม.ก่อนยุบสภา ไพ่ใบสุดท้ายที่ถือไว้ในมือก็ตาม
เกมปรับครม. เพื่อสยบผ่อนแรงต้านของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ชูธงโค่นล้มกันอย่างชัดเจนแล้ว หากมีการปรับเปลี่ยนเมื่อถึงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน ก็พอที่จะลดความชอบธรรมในข้อเรียกร้องให้โละ ล้มรัฐบาลได้
ขณะเดียวกันก็สามารถสยบแรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาล ที่ส่วนใหญ่ต้องการจะให้รัฐนาวาลำนี้ล่องไปต่อ โดยขณะนี้เริ่มมีการเขี่ยลูก จุดกระแสปรับเปลี่ยนรัฐมนตรีในแต่ละพรรค
ทั้งชาติไทยพัฒนา ที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประกาศถอดตัวเองออก เพื่อส่งไม้ให้ลูกชายเข้ามาเรียนงาน รวมทั้งที่หลงจู๊ ผู้บงการตัวจริงของพรรค ชักไม่สนุกเพราะล้วงไม่ถนัดในกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยากย้ายไปที่กระทรวงศึกษาธิการแทน แต่เชื่อว่าคงต้องเจรจากันอีกหลายยก
เพราะกระทรวงนี้ประชาธิปัตย์จองยาวประจำ นายกฯอภิสิทธิ์ มีแนวคิดแก้โครงสร้างระบบการศึกษาทั้งระบบ โดยวางใจให้ รมต.โลกลืม “ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์” ดูแลอยู่เงียบๆ คนนี้ก็คงจะเกาะติดเก้าอี้ รมช.ต่อไป
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ถือว่าครบกำหนดเวลาที่จะตอบแทน “ลูกน้อง” ที่จงรักภักดีนายใหญ่บุรีรัมย์ รวมทั้งแก้ปัญหาสำหรับในปีกมัชฌิมาฯ ที่สมศักดิ์ เทพสุทิน อาจถอด มานิต นพอมรบดี จากรมช.สาธารณสุข ก่อนที่แผลจะถูกเปิด
โดยมีกระแสข่าวว่า ปรับ ครม.งวดนี้อาจจะขอเปลี่ยนโควต้า คืนกระทรวงพาณิชย์ ที่ถูกขวางถูกขัดให้พรรคประชาธิปัตย์ ที่แสดงความประสงค์จะยึดคืนกระทรวงด้านเศรษฐกิจสำคัญไปไว้บริหารเอง
“สมศักดิ์” อาจเลือกขอไปคุมกระทรวงสาธารณสุข เต็มโควต้า ทั้ง รมว.และ รมช. เพราะก็ถือว่าเป็นกระทรวงที่มีโครงการเกี่ยวข้องกับฐานคะแนนมวลชน ที่ส่งผลต่อการเลือกตั้งอยู่พอสมควร
ส่วนพรรคเพื่อแผ่นดิน ภายใต้การบริหารค่ายเบ็ดเสร็จ ของกลุ่ม 3 พี วันนี้ ถือว่าโอกาสเป็นใจ เมื่อ นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รมช.คลัง ติดชนักเรื่องหุ้น ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ให้พ้นตำแหน่ง อาจต้องคืนโควต้า หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องควักเพิ่ม
ขณะที่เงื่อนไขที่อยากเปลี่ยนโควตา สลับ ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นอมินีของสามบิ๊ก กับกระทรวงอื่นของประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้ตกลงเงื่อนไข เพียงแต่กลุ่มนี้ชักอยากคืนเก้าอี้รมว.ไอซีที ที่เริ่มจะบริหารไม่ถนัด โดยเฉพาะจากการยื้อโครงการ 3 จี
ส่วนพรรคเล็ก รวมใจไทยชาติพัฒนา และกิจสังคม ไม่จำเป็นคงไม่ร่วมปรับครม.ใหญ่ เพราะเท่าที่ได้แบ่งมาก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ และบริหารคล่องกันตามอัตถภาพของพรรคระดับต่ำสิบอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจก็คือ ไพ่ปรับ ครม.จะถูกทิ้งมาเมื่อใด ตามกำหนดที่ อภิสิทธิ์บอกไว้ว่าเป็นปีใหม่ นั่นก็อาจจะหมายความได้จะปรับพร้อมการตั้งรองนายกฯ คนใหม่ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี แทนนายกอร์ปศักดิ์ ที่จะไปเป็นเลขาธิการนายกฯ
เพื่อจัดทัพก่อนเปิดสภาฯสมัยหน้า เปลี่ยนตัวที่ล้า และช้ำในสนาม เลี่ยงเป็นเป้าถล่มในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือไม่ก็อาจลากยาวไปปรับใหญ่หลังการซักฟอกของฝ่ายค้าน โละทิ้งตัวช้ำกันไปเลยทีเดียว
เกมบริหารความขัดแย้ง บาลานซ์การเมือง เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดว่า “อภิสิทธิ์” เริ่มเชี่ยวชาญชำนาญขึ้นทุกที และคงจะใช้วิธีการผ่อนหนักผ่อนเบา ในพรรคร่วมรัฐบาลที่อย่างไรเสียก็มองออกว่า
ยังไม่อยากลงสนามเลือกตั้งสู้กับกระแสทักษิณ และเสื้อแดง ที่ยังหนาแน่น
จะขัดแย้งก่อแรงกระเพื่อมก็คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่ อภิสิทธิ์ จะจัดการ พรรคร่วมรัฐบาลก็คงอยู่กันไป ยื้อเกมให้ยาวที่สุด ก่อนภารกิจปราบ “ผีทักษิณ” จะจบบริบูรณ์!