“สาทิตย์” เผยหลังนายกฯ กลับจาการ์ตาจะประเมินภารกิจเชียงใหม่อีกครั้ง ยอมรับเจรจาฝ่ายจัดงานเปลี่ยนสถานที่ประชุม อ้างคุมยาก เหตุหางแดงเคยก่อความรุนแรง ทั้งยิง ปาระเบิด ปาหิน เผย “เทพเทือก” เสนอนายกฯ ไม่ควรไป หวั่นแดงถ่อยก่อเหตุปะทะสร้างเงื่อนไขชุมนุมยาวใน กทม. แย้มอาจใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ลั่น รบ.ตัดสินใจรอบคอบก่อนงัด พ.ร.บ.ความมั่นคงคุมหางแดงชุมนุม กทม. ย้ำแค่ให้อำนาจ จนท.ปฏิบัติงานดูแลความสงบ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (25 พ.ย.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของนายกรัฐมนตรีที่จะดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ว่า เรื่องเชียงใหม่ในที่ประชุม ครม.คุยกันเยอะ โดยนายกฯ ได้ถาม ครม.มีความเห็นอย่างไร ซึ่งความเห็นก็หลากหลาย แต่ในที่ประชุมก็ตัดสินใจรอประเมินสถานการณ์อีกสัก 2 วัน นายกฯ เดินทางกลับจากจาการ์ตาในวันพฤหัสฯ ซึ่งจะมีเวลาในวันศุกร์-เสาร์ ที่จะประเมินเหตุการณ์ว่าจะไปหรือไม่ ปัจจัยการตัดสินใจมี 2 อย่าง คือ 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับฝ่ายความมั่นคงไปดูพื้นที่แล้วมีการพูดจากับทางผู้จัดว่าถ้านายกฯ จะไปมีความเป็นไปได้แค่ไหนเพียงไรที่อาจจะเปลี่ยนสถานที่เฉพาะตอนที่นายกฯ ไป เพราะเป้าหมายในการไปคือพบกับหอการค้าทั่วประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลอยากเอาทีมเศรษฐกิจไปพบกับเขาด้วยอยู่แล้ว 2.เรื่องการชุมนุม ซึ่งขณะนี้มีความพยายามปลุกระดมให้กลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนมากขึ้น ซึ่งฝ่ายข่าวคงจะประเมินว่าเป้าประสงค์ของกลุ่มผู้ชุมนุมยังประสงค์ที่จะทำร้ายหรือสร้างเหตุการณ์รุนแรงขึ้นหรือไม่และถ้ามีเช่นนั้นฝ่ายความมั่นคงสามารถที่จะดูแลเหตุการณ์ได้มากน้อยเพียงใด
“ทั้งหมดการไปเชียงใหม่ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะเอาชนะคะคานอะไรกันหรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่ฝ่ายหอการค้าเชิญมาในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศและเป็นประโยชน์ในการที่รัฐบาลจะไปพูดเรื่องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งจะได้ประโยชน์ทั้งในแง่การขับเคลื่อนนโยบาย และแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงเศรษฐกิจร่วมกัน ถือโอกาสบอกว่าจะอย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตปลายปี และภาคเหนือ รวมถึงประเทศไทยด้วย อยากให้แต่ละฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมรู้ว่าเราไปดี ไม่ได้ไปที่จะทำให้ใครเสียหน้าหรืออะไรอย่างไรไม่ได้เกี่ยวกันเลย” นายสาทิตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากฝ่ายเอกชนผู้จัดยืนยันไม่เปลี่ยนสถานที่นายกฯยังยืนยันจะไปอีกหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า คิดว่าวันสองวันนี้คงจะประเมินกัน เพราะเท่าที่คุยกันในครม.บางเสนอเลยว่าไม่ต้องไป บางฝ่ายบอกว่าควรจะไป ซึ่งนายกฯบอกว่ายังมีเวลา เมื่อถามว่า สถานที่จัดควบคุมยากใช่ไหม นายสาทิตย์กล่าวว่า เป็นโรงแรมเลอ เมอริเดียนและอยู่กลางไนท์บาซ่า มีทางเข้าออกเยอะ ปัญหากลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่เคยก่อเหตุรุนแรงถึงขนาดยิงคนตายมาแล้ว และตอนที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังฯ ไปครั้งนั้น ฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บหลายคน เพราะผู้ชุมนุมมีทั้งระเบิดปิงปอง ปืนพก และการใช้ก้อนอิฐ ที่นั่นค่อนข้างรุนแรงมาก แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเขาปฏิบัติงานตลอดเวลาในการเข้าไปติดตามระงับเหตุไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น ทั้งนี้ ตนเองคิดว่าเป็นคนส่วนน้อยในจังหวัดเชียงใหม่ของกลุ่มที่จะก่อความไม่สงบ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น ฉะนั้นคงต้องประเมินเหตุการณ์
“นายกฯ เองไม่อยากให้เหตุการณ์นี้นำไปสู่การปะทะกัน ซึ่งบางฝ่ายให้เหตุผลว่าอาจเป็นเหตุที่กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามให้เกิดความรุนแรงขึ้นมาและมีการปะทะกัน พอมีการปะทะกันแล้วจะได้เป็นเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวต่อที่กรุงเทพฯ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าการที่นายกฯไปเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกภูมิภาคในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ ก็เป็นสองเหตุผล จุดหลักคือพยายามประเมินเหตุผลไปให้รอบคอบที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาและนำไปสู่การขยายผลในการชุมนุมต่อ” นายสาทิตย์กล่าว
เมื่อถามว่า ท้ายสุดหากนายกฯ ไม่สามารถไปได้จะสะท้อนถึงศักยภาพความป็นผู้นำหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า หากไม่ตัดสินใจไปก็ต้องมีเหตุผลเพียงพอที่จะอธิบายว่าทำไมไม่ตัดสินใจไป ไม่เช่นนั้นจะมีความเห็นสองทาง คือ ถ้าไม่ไปบางคนจะมองว่ารัฐบาลปกครองไม่ได้หรืออย่างไรถึงไม่ไป พอไปบางคนมองว่าไปทำไมทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วจะมีเรื่อง ดังนั้นเป้าหมายใหญ่คือการไปประชุมเพื่อพูดคุยกันเรื่องเศรษฐกิจของประเทศ แต่ถ้าการไปนำไปสู่เหตุการณ์ปะทะกันที่รุนแรงโดยที่มีเงื่อนไขทำให้เกิดได้จริงก็ต้องตัดสินใจ
“ฉะนั้น เรื่องใหญ่หากตัดสินใจไปต้องอยู่ในสภาวการณ์ที่เจ้าหน้าที่สามารถดูแลเหตุการณ์ไม่ให้เกิดความรุนแรงคงได้” นายสาทิตย์กล่าว และว่า หากนายกฯ ไม่ไปแนวทางสำรองตอนนี้ทางรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยเสนอให้ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่เรื่องการเปลี่ยนสถานที่จัดการประชุม นายสาทิตย์กล่าวว่า เป็นไปได้คุยกันแล้วและไปดูกันแล้วหลายที่ ส่วนแนวทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์นั้น ทางกระทรวงมหาดไทยมีอยู่แล้วโดยเฉพาะนายเชาวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยได้รับเชิญให้ไปท่านไม่ไป ท่านก็ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ดังนั้นคงเตรียมไว้หลายๆ อย่าง
นายสาทิตย์กล่าวย้ำว่า ปัญหาใหญ่เราไม่อยากให้คนไทยมองมองเป็นการเอาชนะกันระหว่างรัฐบาลกับคนกลุ่มเสื้อแดง เราต้องเอาความสงบของประเทศเป็นที่ตั้ง แต่ในเวลาเดียวกันเราต้องไปดูเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วย รัฐบาลอยากทำอย่างนั้น รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจก็จะไปคุยกัน แต่พอเผชิญสถานการณ์อย่างนี้รัฐบาลก็ต้องพยายามดูแลไม่ให้เกิดเหตุปะทะเพื่อเป็นเงื่อนไขไปสู่การชุมนุมเพิ่มเติม เราคิดเท่านั้น
เมื่อถามว่ารัฐบาลควรจะเป็นฝ่ายหาทางประนีประนอมเพื่อให้เกิดความสงบ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เห็นด้วยความจริงรัฐบาลก็พยายามประนีประนอมมาตลอดระยะเวลา 11 เดือนที่ผ่านมา แต่เห็นว่าพื้นที่นี้เราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ไปเพราะกังวลเงื่อนไขความขัดแย้งมาตลอดและพยายามชี้แจงงานที่รัฐบาลทำมาตลอดว่าเราไม่ได้มาเพื่อไล่ล่าใคร แต่เราว่ากันไปตากฎหมายและเป้าหมายใหญ่ของรัฐบาลคือการพยายามแก้เศรษฐกิจปากท้องของประชาชน แต่ 11เดือนผ่านไปการชุมนุมและการชี้แจงด้วเหตุผลมันไม่ดีขึ้น หากเราปล่อยต่อไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นว่าใครจะทำอะไรตามใจตัวเองอยากออกมาปิดถนน อยากจะออกมาก่อจลาจลก็ทำได้เพียงเพราะไม่พอใจ ฉะนั้นต้องส่งสัญญาณไปว่ารัฐบาลพร้อมที่จะดูแล
เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงบอกหรือไม่ว่าไม่ควรไป นายสาทิตย์กล่าวว่า ยังไม่ได้เป็นการสรุปโดยทีมงานที่เรียกว่าฝ่ายความมั่นคง เป็นเพียงแต่นายสุเทพ บอกความเห็นส่วนตัวว่าหากไม่ไปได้ก็ดี แต่ถ้าไปเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็พร้อมที่จะดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์
ส่วนกรณีที่รัฐบาลตัดสินใจประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ คุมการชุมนุมคนเสื้อแดงในระหว่างวันที่ 28 พ.ย.ถึงวันที่ 14 ธ.ค.นั้น นายสาทิตย์กล่าวว่า เป็นการคิดโดยรอบครอบแล้วว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยว การสัญจรของประชาชน การทำธุรกิืจการค้า หรือการเดินทางไปมาตามปกติหรือไม่ คำตอบคือไม่กระทบ เพราะ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯเป็พระราชบัญญัติที่ใช้ในเชิงป้องกัน โดยนายกฯได้ซักรายละเอียดจากฝ่ายความมั่นคงด้วยตัวเอง โดยถามว่ากรณีประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงทั่วประเทศการเดินทางไปมาของคนจะลำบากหรือเปล่า ถ้ากลุ่มผู้ชุมนุมจะชุมนุมยังจัดได้ไหม คำตอบคือจัดได้ เพียงแต่ พ.ร.บ.ความมั่นคงจะให้อำนาจเจ้าหน้าที่ในการตรวจตราเรื่องอาวุธซึ่งห้ามพกพาออกนอกเคหะสถาน ดูแลเรื่องการใช้เครื่องมืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่อาจจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวเพื่อก่อความไม่สงบ สามารถประกาศห้ามถนนบางถนนพื้นที่บางพื้นที่หรือการเข้าไปในเคหะสถาน เพื่อระงับเหตุไม่ให้มีการขยายตัวไปสู่การก่อความไม่สงบได้
ฉะนั้น การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงชีวิตดำเนินตามปกติอย่างที่เคยเกิดขึ้นเพียงแต่บางสถานที่เจ้าหน้าที่จะเข้มงวดเป็นพิเศษ ดังนั้นจะมีผลในเชิงป้องกัน หากชาวบ้านจะเข้ามางานในหลวงเดินทางได้ตามปกติ และเชื่อว่าคนที่จะเดินทางมางานในหลวงระหว่างวันที่ 2-13 ธ.ค.นี้คงเป็นคนละกลุ่มที่เข้าชุมนุมคือคนเสื้อแดง ซึ่งจะไม่กระทบ คิดกันรอบคอบแล้ว