เกาะกระแส
โดย...ก้อนกรวด
00 หลายคนวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า การชุมนุมของ“เสื้อแดง” ลิ่วล้อ ทักษิณ ชินวัตร ที่กำหนดดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ถึงวันที่ 3 ธ.ค. อาจเรียกได้ว่า เป็นการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก็ว่าได้ และคราวนี้หากจะว่าไปแล้ว จำนวนคนอาจไม่จำเป็นต้องมากมาย เอาแค่เฉียดหลักหมื่น แบ่งแยกระดมกันเป็นสายๆ ทั้งเหนืออีสานและภาคกลาง ก็ไม่น่าเหลือบ่ากว่าแรง หาก “ท่อน้ำเลี้ยง”ยังไหลลื่น แม้จะมีรายการ “อมค่าหัวคิว” กันบ้างก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป้าหมายคือระดมคนเข้ามา และขณะเดียวกันถือว่ายังเป็นช่วง “นาทีทอง” ของบรรดาระดับหัวหมู่ทั้งหลายที่จะต้องแข่งขัน “รวย” เสียด้วยซี
00 นาทีนี้รู้กันอยู่แล้ว ไม่ว่ามองในมุมไหน ทุกอย่างไม่อำนวย มวลชนเริ่มชิ่งหนี หลังจากไปรับใช้ “เขมร” และที่หนักหนาสาหัสก็คือ การพูดจาจาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัว ให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรง ถูกกระชากหน้ากาก ทำให้ภาพคนขายชาติ-หมิ่นในหลวงติดตัวจนแกะไม่ออก หลายคนเมื่อรู้ความจริงที่ถูกปิดบังมานาน ทนไม่ได้จากรักกลายเป็นแค้น ความชิงชังเกิดขึ้นเป็นทวีคูณ
00 แต่ทั้งที่รู้ว่ามวลชนเริ่มถดถอย มีแต่เรื่องลบประดังเข้ามาทุกวัน แต่สำหรับ “ทักษิณ” แล้วถือว่าไม่มีทางเลือก เพราะหากมองเข้าไปข้างใน เอาใจ “แม้ว” มาใส่ใจเรา เชื่อว่าหลายคนก็ต้องทำแบบเดียวกัน อย่าลืมว่าคดีอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ในข้อหาขี้โกงกำลังจะสรุปอีกไม่กี่วันข้างหน้า และยิ่งได้ยินคำให้การจากพยานของฝ่ายโจทก์คือผู้ช่วย กลต.คนหนึ่งให้การเมื่อสัปดาห์ก่อนยืนยันว่าบริษัททั้งหลายแหล่สารพัดชื่อ ทั้ง ซิเนตราทรัสต์ บลูไดมอนด์ บ.วินมาร์คฯ แอมเพิลริชฯ เป็นต้น ล้วนมัดคอจนดิ้นไม่หลุดทั้งสิ้น เพราะไม่ว่าจะมีการถือหุ้นโยกไป ไขว้กันมาก็ล้วนโยงไปถึงคนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร กับเมียทั้งสิ้น แล้วอย่างนี้จะให้นั่งอยู่เฉยๆรอให้ความพินาศมาเยือนอยู่ได้ไงหือ !!
00 ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ไม่มีอะไรจะเสียมากไปกว่านี้ ถึงต้องดิ้นรนเฮือกสุดท้ายอย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้น ก็ต้องระดมเสื้อแดงเท่าที่มีออกมาให้มากที่สุด ซึ่งหากจะว่าไปแล้วจำนวนอาจจะไม่สำคัญ แต่สำคัญตรงที่ต้อง “แรง” และ “ป่วน” เข้าไว้ เพราะถ้าไม่แรง ไม่ป่วน จะเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลจะต้องรับมือกันอย่างไร เพื่อให้เอาอยู่
00 เท่าที่ฟังจากปากของ นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บอกว่าเป้าหมายของการก่อม็อบเสื้อแดงเที่ยวนี้ไม่ใช่แค่บีบให้ยุบสภา แต่มัน “ไปไกล” กว่านั้น ซึ่งมันคืออะไรกันแน่ แต่ถ้าลองตั้งสติย้อนกลับไปดูหลายเหตุการณ์ในช่วงเวลาไม่นานนัก ทั้งการพูดจาจาบจ้วง การยกกรณีสังหารหมู่ราชวงศ์ “โรมานอฟ” ของรัสเซีย มาข่มขู่ การทลายคุกบาสติล เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ปี ค.ศ.1789 ซึ่งบังเอิญว่าในวันดังกล่าวเป็นวันก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ของ ทักษิณ อีกด้วย
00 น่ากลัวว่าม็อบแดงเที่ยวนี้น่าจะเป็นแดงเดือด เพราะ “นายใหญ่” เป่านกหวีดลุยแหลก เพราะถือว่าเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว แม้ชาวบ้านเขาเห็นธาตุแท้มากขึ้นเรื่อยๆ และแม้ว่าในช่วงเวลาที่จัดการชุมนุมเป็นช่วงบรรยากาศของงานมงคลวันเฉลิมพระชนม์พรรษาของพระเจ้าอยู่หัว ก็ตาม เรื่องความไม่บังควรไม่ต้องไปพูดถึงกันแล้ว เรื่องทรัพย์สินสำคัญกว่า และนี่คือสงครามใหญ่ครั้งสุดท้าย ถึงไม่ชนะแต่ก็ขอลากคนอื่นให้ฉิบหายด้วยก็แล้วกัน !!