มหาสารคาม - นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย ระบุการรบกับเขมรต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน เพราะผู้นำเขมรไม่เคยรักษาคำพูด ย้ำ “ฮุนเซน” วางแผนล่วงหน้าเพื่อดึงประเทศที่ 3 เข้ามาแทรก แต่ความขัดแย้งเป็นเรื่องของ 2 ประเทศ ไม่เข้าเงื่อนไขสหประชาชาติ
รศ.ดร.สุทธิพงศ์ หกสุวรรณ ประธานสมาพันธ์นักวิชาการเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีปัญหาการปะทะระหว่างกัมพูชากับไทย ว่า หากติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่า สิ่งที่เกิดขึ้น นายฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการวางแผนเป็นขั้นตอน เพื่อหวังจะนำกรณีความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ไปสู่เวทีสากล เพื่อที่จะให้สหประชาชาติเข้ามาดูแล
ทั้งนี้ เพราะเขมรจะมีแต้มต่ออยู่อย่างเดียว ก็คือ การต่อสู้โดยใช้หน่วยงานหรือประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซง เพราะว่าเขมรเอื้อประโยชน์กับประเทศเหล่านั้นอยู่แล้ว
แต่สำหรับประเทศไทยนั้น การตอบโต้กลับไปดูเหมือนจะรุนแรง แต่จริงๆ แล้วถือว่าเป็นการเล่นตามเกมเท่านั้น ทางเขมรยิงมาเราถึงได้ตอบโต้ โดยหลักการทางยุทธศาสตร์แล้ว น่าจะต้องได้เปรียบ เพื่อที่จะทำให้การเจรจาง่ายขึ้น
รศ.ดร.สุทธิพงศ์ เปิดเผยต่อว่า การรบกับเขมรไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการแบบลูกผู้ชาย เพราะเขมรไม่เคยรักษาคำพูด ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟัน การต่อสู้ระหว่างประเทศ เรารู้ดีว่าเขมรมีพฤติกรรมอย่างไร สิ่งที่น่าเป็นห่วงตอนนี้ คือ เรื่องในประเทศ เพราะความไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีนักวิชาการหลายกลุ่มออกมาบอกว่าน่าจะคำนึงถึงเรื่องผล ประโยชน์ เรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งตรงนี้เสียใจมาก
“อยากให้กลับไปทบทวนว่า ถ้าบรรพบุรุษของพวกเราเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน มากกว่าศักดิ์ศรี หรือประโยชน์ของชาติ ป่านนี้พวกเราไม่มีที่จะซุกหัวนอน เพราะไม่มีประเทศไทย ซึ่งตรงนี้อยากให้ดูทั้ง 2 ด้าน ไม่อยากให้เป็นชาตินิยมจนเกินไป ให้หันกลับมาเดินทางสายกลาง”
สำหรับปัญหาการปะทะระหว่างกัมพูชา และไทย นั้น ไม่ห่วงเรื่องการใช้เวทีสากล ที่จะเข้ามา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างประเทศ ไม่เข้าประเด็นทั้ง 4 องค์ประกอบ ที่สหประชาชาติ หรือองค์การสากลจะเข้ามาดำเนินการ เป็นการกระทบกระทั่งกันที่ชายแดนเท่านั้น ไม่ใช่สงครามใหญ่โต ไม่ใช่สงครามล้างเผ่าพันธุ์ อย่างที่ฮุนเซนเคยทำมา คนละประเด็น ตรงนี้องค์กรสากลต่างๆ คงจะดูที่ประวัติ ภูมิหลังของผู้นำ ถ้าไปดูภูมิหลังของฮุนเซนก็จะรู้ว่าฮุนเซนมีพฤติกรรมอย่างไร