xs
xsm
sm
md
lg

โอกาสทอง “อภิสิทธิ์” ยิ่งขู่ยิ่งต้องไป !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
"ผ่าประเด็นร้อน"

คำพูดของ เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำคนเสื้อแดงในชื่อ “กลุ่มรักษ์เชียงใหม่ 51” ที่กล่าวออกอากาศผ่านทางคลื่นวิทยุชุมชนคนรักษ์เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ระบุอย่างชัดเจนว่า จะมีการเอาชีวิต นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างที่เดินทางไปเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในวันที่ 29 พ.ย.นี้

ประกาศจะใช้คาร์บอมบ์ โดยไม่ให้เหลือแม้แต่กองเถ้าธุลี !!

เป็นการพูดออกอากาศอย่างออกรสร่วมกับ สุรชัย แซ่ด่าน(ด่านวัฒนานุสรณ์) ปลุกระดมคนเสื้อแดงทั่วภาคเหนือให้ระดมกันมาร่วมกัน “ฆ่า” นายกรัฐมนตรีในวันดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หากพลิกย้อนกลับไปดูปูมหลังของแต่ละคนก็ถือว่า ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เริ่มจากคนแรกคือ เพชรวรรตก่อน ปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงแรมวโรรสแกรนด์พาเลส ที่ผ่านมาได้อาศัยวิทยุชุมชนคนรักษ์เชียงใหม่ปลุกระดมมวลชนต่อต้านรัฐบาลด้วยความรุนแรงหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงการก่อจลาจลเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา จนกระทั่งถูกออกหมายจับในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป รวมทั้งคดีอื่นๆนับสิบคดี

ที่น่าสนใจไปกว่านั้น เพชรวรรต คนเดียวกันนี้เคยกล่าว กระทบกระเทียบสถาบันสูงสุดอย่างหมิ่นเหม่ เช่น “คนเชียงใหม่นับถือแค่กษัตริย์ 3 องค์เท่านั้นก็คืออนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าศาลากลางหลังเก่า(พญาเม็งราย พญางำเมืองและพ่อขุนรามคำแหง) ไปกรุงเทพฯก็สักการะเฉพาะศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเท่านั้น”

ขณะที่ สุรชัย แซ่ด่าน นั้น คนไทยที่อายุเกิน 40 ปีย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดีโดยเฉพาะในยุคที่มีการเคลื่อนไหวของพรรคคอมมิวนิสต์ ปัจจุบันมาเป็นแนวร่วมกับ ทักษิณ ชินวัตร เพื่อหวังสถาปนารัฐไทยใหม่ ที่ผ่านมาก็เป็นหนึ่งในแกนนำร่วมก่อจลาจลในเดือนเมษายน โดยนำคนเสื้อแดงบุกไปล้มการประชุมสุดยอดอาเซียนที่พัทยา และถูกดำเนินคดีในข้อเดียวกัน

โดยทั้งคู่อยู่ระหว่างการประกันตัว ภายใต้เงื่อนไขห้ามไปปลุกระดมยุยงให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก แต่ล่าสุดการที่ทั้งคู่ออกมาพูดยั่วยุให้ก่อความรุนแรงถึงขั้น “รุมฆ่า” ผู้นำประเทศ จึงต้องจับตากันต่อไปว่าทางการจะดำเนินคดีอย่างไร

อย่างไรก็ดี หากมองในอีกมุมหนึ่งในทางการเมืองถือว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวของคนเสื้อแดง ยิ่งก่อให้เกิดภาพลบหนักข้อยิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญยังเป็นภาพลบที่ส่งผลสะเทือนโดยตรงไปถึง ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งถือว่าเป็น “นายใหญ่” ของคนพวกนี้ เพราะเชื่อว่าความรุนแรงในลักษณะดังกล่าวคงไม่มีใครยอมรับอย่างแน่นอน ไม่เว้นแม้กระทั่งคนเชียงใหม่ส่วนใหญ่ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์การท่องเที่ยวที่กำลังเริ่มโงหัวขึ้นให้ทรุดดำดิ่งไปยิ่งกว่าเก่า

อย่าได้แปลกใจที่ถัดมาไม่นานก็มีคำยืนยันออกมาจากปากของ นายกฯอภิสิทธิ์ ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามจะต้องเดินทางไปเป็นประธานเปิดงานประชุมสัมมนาหอการค้าที่เชียงใหม่ตามกำหนดการเดิมให้ได้

พิจารณาในมุมทางการเมืองนี่คือโอกาสทองของ นายกฯอภิสิทธิ์ ที่ต้องฉวยจังหวะรุกฆาตเข้าใส่ฝ่าย ทักษิณ ที่ถอยร่นไม่เป็นขบวน หลังจากถูกจับได้ว่าเป็น “หัวหน้าขบวนการล้มเจ้า” ที่มีหลักฐานทั้งคำพูด ความเคลื่อนไหว พยายนแวดล้อม และประจักษ์พยายนแน่นหนา

ยิ่งมาเจอกับดอกสุดท้ายที่แกนนำคนเสื้อแดงพูดจาปากไม่มีรูหูด แบบคะนองปากออกอากาศให้คนได้ยินไปทั่ว จนก่อให้เกิดผลลบตามมาอย่างคาดไม่ถึง นั่นคือทั้งตัวคนพูดเองคือ เพชรวรรต ล่าสุดได้ถูกออกหมายจับ และมีแนวโน้มถูกถอนประกันตัว วิทยุชุมชนที่เคยใช้ปลุกระดมคนเสื้อแดงคอยสนับสนุนทักษิณ ก็อาจถูกสั่งปิด ทำให้กระบอกเสียงและการเคลื่อนไหวไม่สามารถทำได้อย่างเปิดเผยเหมือนก่อน

ในทางตรงกันข้ามหลังคำขู่ฆ่า ถูกปองร้ายมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทำให้ นายกฯ อภิสิทธิ์ ยิ่งได้รับความเห็นใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเช่นเดียวกัน บรรดาแม่ยกทั้งหลายคงจะหายใจไม่ทั่วท้อง กินไม่ได้นอนไม่หลับ และหากสังเกตจากการลงพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างที่ สุโขทัย พิษณุโลก และพิจิตร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบรรยากาศมีแต่เสียงกรี๊ด มีแต่คนแย่งกันมาหอมแก้ม กอดรัดจนเกือบจะเป็นลม

ขณะเดียวกันเมื่อหันมาพิจารณาผลงานหลายโครงการเริ่มมีการพูดถึงมากขึ้น เช่น โครงการประกันรายได้ของเกษตรกร ล่าสุดโครงการแก้หนี้นอกระบบที่จะมีการลงทะเบียนนับล้านคน ซึ่งเชื่อว่าในจำนวนนี้ต้องมีลูกน้องเสื้อแดงของ ทักษิณ มาร่วมลงชื่อจำนวนไม่น้อย

ยิ่งเห็นตัวเลขที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้ออกมาแถลงตัวเลขเศรษฐกิจสดๆร้อนๆระบุว่า ตัวเลขในไตรมาส 3 ติดลบแค่ร้อยละ 2.8 เท่านั้น และเมื่อเทียบกับไตรีมาสก่อนหน้านี้ถือว่าขยายตัวร้อยละ 1.3 ทุกอย่างถือว่าดีเกินคาด พร้อมการันตีว่าไทยได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว กำลังฟื้นตัวอย่างชัดเจน

ทุกอย่างกำลังเดินไปด้วยดี !!

มีเพียง ทักษิณ และลิ่วล้อเสื้อแดงเท่านั้นที่ต้องออกมาขัดขวาง ซึ่งสาเหตุสังคมก็รับรู้กันไปทั่วแล้วว่าเขาต้องการสู้เพื่อเงิน 7.6 หมื่นล้านเท่านั้น ซึ่งต้องการก่อจลาจลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างขนานใหญ่เท่านั้นความฝันถึงจะเป็นจริง

ไม่สนใจว่าชาวบ้านเขากำลังอยู่ในช่วงบรรยากาศของการถวายความจงรักภักดี กำลังตั้งอกตั้งใจเตรียมงานถวายพระพรเนื่องในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ดันมีคนบางกลุ่มตามมาทำลายความสุขเสียอีก

ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากภาพรวมทั้งหมดถือว่าเป็นโอกาสดีที่ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับคนไทย คนเชียงใหม่ และตัวของรัฐบาลเองว่าทุกพื้นที่ในประเทศนี้จะต้องไม่มีเขตหวงห้าม

และยิ่งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรียิ่งต้องไม่มีข้อห้ามดังกล่าวเป็นอันขาด

ในทางตรงกันข้ามในวิกฤติย่อมเป็นโอกาสที่จะเปิดเกมรุกใส่ฝ่ายตรงข้ามอย่างชอบธรรม !!

กำลังโหลดความคิดเห็น