xs
xsm
sm
md
lg

ยกกรณีโค่น “ราชวงศ์โรมานอฟ” เจตนากระทบชิ่ง “ชนฟ้า” !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย
“ผ่าประเด็นร้อน”


ต้องย้ำว่าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคำพูดของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา กรณียกตัวอย่างการปกครองไม่เป็นธรรมของผู้ปกครองที่มีต่อผู้ใต้ปกครองคือประชาชน จะทำให้ไม่ได้รับการยอมรับ พร้อมทั้งยกตัวอย่างเปรียบเทียบกรณี “ราชวงศ์โรมานอฟ” ของรัสเซียในอดีตที่ถูกโค่นล้มไปเมื่อหลายสิบปีก่อน

เป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาเพราะพูดต่อหน้า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยนับร้อยคน อีกทั้งยังเป็นคำพูดที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากเจ้าของพรรค คือ ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์กับ “เดอะไทมส์ ออนไลน์” จาบจ้วงพระเจ้าอยู่หัวอย่างรุนแรง ถือว่าเป็นการทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเปิดเผยและไม่เคยปรากฏแบบนี้มาก่อน

ขณะเดียวกัน ที่น่าจับตาก็คือ มีการนำมาขยายความต่อด้วยการให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่าง “จงใจ” โดย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีภูมิหลังเป็นแกนนำ นปก.และลูกน้องคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต นั่นเอง

ที่ต้องตั้งข้อสังเกตกันแบบนี้ เนื่องจากเห็นว่าทุกคำพูดที่ออกมาล้วนมีเจตนาซ่อนเร้น และสื่อความเพื่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปไกล

ที่สำคัญก็คือ นี่คือเจตนา “ข่มขู่” อย่างชัดเจน!!


ก่อนอื่นก็ต้องตั้งคำถามว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องยกตัวอย่างกรณีราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียในอดีตขึ้นมา เพราะหากพิจารณาในรายละเอียดแล้วสถาบันกษัตริย์ของประเทศดังกล่าวถูกปฏิวัติโค่นล้มโดยพรรคบอลเชวิกหรือพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย ที่มี “เลนิน” เป็นผู้นำ

และต่อมาก็มีการสังหารหมู่กษัตริย์ คือ พระเจ้าซาร์นิโคลัส พร้อมด้วยพระราชินีอเล็กซานดร้า พระราชโอรสและพระราชธิดา อย่างโหดเหี้ยม

นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรรัสเซียในอดีต ทั้งก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลงแบบ “พลิกฟ้าคว่ำดิน” ซึ่งต้องตั้งคำถามไปถึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ว่ามีเจตนาอะไรกันแน่ที่นำเอากรณีการโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ในรัสเซียมากล่าวถึงในช่วงเวลาแบบนี้

ทำไมนำเอาเรื่องแบบนี้ยกขึ้นมาเป็นตัวอย่างเปรียบเทียบ มีเจตนา ข่มขู่ “ใคร” หรือไม่ เพราะหากพูดถึงความไม่ยุติธรรม หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็สามารถมีช่องทางในการร้องเรียนได้อยู่แล้ว แต่การที่ออกมาพูดในเรื่องของผู้ปกครองกับผู้ที่อยู่ “ใต้การปกครอง” มากล่าวถึงนั้นเป็นการใช้ศัพท์แสงที่ต้องการสื่อความหมายชี้ให้เห็นถึงรูปแบบการปกครองในอดีตในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เท่านั้น

ขณะที่ในปัจจุบันมีรัฐบาลที่มาตามกระบวนการรัฐสภาผ่านตัวแทนของประชาชน เพราะหากจะกล่าวหารัฐบาลว่าไม่ให้ความเป็นธรรม หรือผู้นำคือนายกรัฐมนตรีเป็นทรราช ทำไมไม่สื่อความหมายโดยตรง ทำไมต้องใช้คำว่า “ผู้ปกครอง” และ “ผู้อยู่ใต้ปกครอง” ซึ่งมักเป็นคำพูดของพวกฝ่ายซ้ายในอดีตนิยมนำมาประดิดประดอยถ้อยคำใช้อยู่เสมอ

ก่อนหน้านี้หากยังจำกันได้คนใน “ระบอบทักษิณ” เคยใช้สื่อของรัฐที่อยู่ในความควบคุมและสื่อแนวร่วมมีการนำเสนอรายงานเกี่ยวกับการโค่นล้ม “ราชวงศ์ในเนปาล” เป็นกรณีศึกษามาแล้ว

และเมื่อย้อนกลับไปพิจารณาข้อมูลในอดีตไม่นานนักก็จะเห็นภาพของ พล.อ.ชวลิต ซึ่งถูกมองว่ามีความรอบรู้และรับอิทธิพลแนวคิดในแนวทางลัทธิมาร์ก ก็เคยถูกกล่าวหาในเรื่องของ “สภาเปรซิเดียม” มุ่งหวังเปลี่ยนแปลงการปกครองในรูปแบบใหม่ หลายอย่างก็เริ่มสอดคล้องต้องกันมากยิ่งขึ้น

หันกลับมามองสถานการณ์ปัจจุบันที่ พล.อ.ชวลิต รับใช้ ทักษิณ ชินวัตร อีกรอบ และกำลังหยิบยกเอาเรื่องความไม่เป็นธรรมหลายอย่างมาเป็นข้ออ้างในการชุมนุมใหญ่เพื่อล้มรัฐบาล และมีการตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะต้องเผด็จศึกให้ได้ก่อนวันที่ 3 ธันวาคม

และช่างบังเอิญเหลือเกินว่าการเปิดเกมรุกครั้งนี้มีลักษณะเหมือนกับการทุ่มเทสรรพกำลังครั้งใหญ่เพื่อหวังผลให้ได้ และหากพิจารณาแบบตั้งข้อสังเกตให้ละเอียดแล้ว เจตนาไม่น่าจะต้องการล้มแค่รัฐบาล แต่น่าเชื่อว่าจะต้อง “ไปไกล” กว่านั้น เพราะจากความเคลื่อนไหวแบบต่อเนื่องกันมา ก็จะได้เห็นสัญญาณอย่างชัดเจน เป็นการประสานเข้ามาพร้อมกันทั้งภายนอกและภายใน

ภายนอกคือการผนึกกำลังจากผู้นำกัมพูชาเพิ่มแรงปั่นป่วนเข้าใส่รัฐบาลไทย ขณะที่ภายในก็ “เป่านกหวีด” ชุมนุมใหญ่และประกาศจะเดินไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้

นั่นเป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน และหากนำมาปะติดปะต่อกันแล้วก็ย่อมมองออกว่ามีเจตนาเช่นไร

แต่ในขั้นตั้นต้องการส่งสัญญาณเพื่อต้องการข่มขู่ เหมือนกับต้องการบีบให้รีบลงมา “เคลียร์” ก่อนที่จะสายเกินไป ซึ่งถือว่าเหิมเกริมอย่างที่สุด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น