“โฆษกมาร์ค” อัด “แม้ว” โทษะบุรุษ ชูคอยกตนเทียบ “ปรีดี” แนะควรพูดเรื่องฮวงซุ้ยตัวเองดีกว่า เฉ่ง “อภิวันท์” แสดงเจตนายกเหตุการณ์ล่มสลายราชวงศ์รัสเซีย กล่อมหูพวกขี้ข้าได้พลอย ชี้พูดไม่สมเป็นรองประธานสภา ยันปัญหาการเมืองไทยระอุจาก “คนขี้คุก” ไม่เกี่ยวกับสถาบันเบื้องสูง ด้าน “นิพิฏฐ์” มั่นใจ ปชช.ไม่คล้อยตาม แนะยกเหตุการณ์เดือนเมษา เป็นบทเรียน ขณะที่ “ส.ว.สมชาย” เรียกร้องให้ “พ.อ.อภิวันท์” แถลงแก้ข่าวโค่นราชวงศ์โรมานอฟ
วันนี้ (18 พ.ย.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจสมเด็จฮุนเซน ทวิตเตอร์ยกตัวเองเทียบเท่านายปรีดี พนมยงค์ รัฐบุรุษ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ บังอาจที่จะยกตนขึ้นมาเทียบเท่ากับนายปรีดี ที่มีสถานะเป็นถึงรัฐบุรุษ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเพียงโทษะบุรุษ หรือ บุรุษนักโทษ ซึ่งไม่มีส่วนใดที่เหมือนกันเลย นายปรีดี กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 4 ด้าน คือ 1.ด้านความจงรักภักดี นายปรีดี เป็นผู้จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มิเสื่อมคลาย ได้เป็นผู้สำเร็จราชการเผ่นดินแทนพระมหากษัตริย์ ในอดีต ยอมสละความสุขส่วนตัวเพื่อความมั่นคงของสถาบัน ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณ จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์เป็นอาจิณ สัมภาษณ์สื่อมวลชนพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูงนับครั้งไม่ถ้วน
2.ด้านเศรษฐกิจ นายปรีดี เป็นผู้วางเค้าโครงเศรษฐกิจของประเทศไทยในยุคเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนมีสมุดปกเหลืองออกมาเป็นต้นแบบของเศรษฐกิจไทย แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ เจ้าของแนวความคิดด้านเศรษฐกิจทุนนิยมสามานย์ จนเป็นที่มาของสมุดปกดำ แฉความอัปยศการทุจริตเชิงนโยบายและผลประโยชน์ทับซ้อน
3.ด้านการเมือง นายปรีดี ได้ลี้ภัยทางการเมืองไปพำนักที่ฝรั่งเศส ไม่เคยสร้างปัญหาให้กับประเทศชาติ จนวาระสุดท้ายของชีวิต เป็นที่สรรเสริญเยินยอของคนทั้งประเทศ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับหนีคดีอาญาเป็นนักโทษหนีคุก ปลุกปั่นประชาชน ก่อความวุ่นวายทางการเมืองอยู่เสมอ จนได้รับการสาปแช่งจากสังคม 4.ด้านความรักชาติ นายปรีดี เห็นแก่ความสงบของประเทศชาติ จึงไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ ทั้งที่มีการเรียกร้องให้ท่านเดินทางกลับมาแผ่นดินบ้านเกิดได้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเห็นประโยชน์ส่วนตัว พยายามหาทุกวิถีทางเพื่อกดดันรัฐบาลให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เพื่อให้ตัวเองมามีอำนาจอีกครั้ง โดยไม่สนใจถึงความเสียหายและล่มจมของประเทศชาติ
“จึงอยากจะถามว่า คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่อายตัวเองหรืออย่างไร ที่จะยกฐานะความเป็นนักโทษ ขึ้นมาเทียบเท่ากับรัฐบุรุษของประเทศ”
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาตำหนิรัฐบาลว่าร้องเพลงชาติไทยตอนชักธงลงยอดเสา ทำให้เสียฮวงจุ้ยนั้น เห็นว่า เรื่องนี้ไร้สาระ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ควรหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะคนจะรักชาติก็สามารถร้องเพลงชาติไทยตอนไหนก็ได้ ขอให้เป็นเพลงชาติไทยก็แล้วกัน ไม่เหมือนบางคนที่เป็นคนไทยและแต่ฝักใฝ่เขมร กลับมาร้องเพลงเจี๊ยตขะแมร์แทนเพลงชาติไทย
“การร้องเพลงชาติไทยในช่วงดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับการเสียฮวงจุ้ยตรงไหน เพราะคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ น่าจะไปพูดเรื่องฮวงซุ้ยของตัวเองก่อนจะดีกว่า”
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณี พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ออกมาพูดเรื่องการล่มสลายของราชวงศ์รัสเซีย กับสมาชิกพรรคเพื่อไทย ว่า ตนไม่ทราบว่า พ.อ.อภิวันท์ หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพูดในสถานการณ์วันนี้ มีวัตถุประสงค์อะไร เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่อาจจะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในลักษณะพาดพิงได้ เพราะช่วงที่ผ่านมา พ.ต.ทักษิณ ได้ให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ ถึงสถาบันเบื้องสูงอย่างรุนแรง จึงไม่ทราบว่าการออกมาพูดของ พ.อ.อภิวันท์ เป็นการผสมโรงกับการให้สัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช่หรือไม่ ตนไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องลักษณะ เจ้านายว่าขี้ข้าพลอย
นายเทพไท กล่าวว่า ถ้าเรื่องดังกล่าวออกมาจากคำพูดของแกนนำคนเสื้อแดง หรือพวกแดงสยาม ตนก็จะไม่แปลกใจ เพราะคนเหล่านี้ได้ประกาศจุดยืนชัดเจนที่จะต่อต้านกลุ่มอำนาจตยาธิปไตย แต่เรื่องดังกล่าวกลับออกมาจากปากของ พ.อ.อภิวันท์ ที่มีฐานะเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร และภูมิหลังก็เป็นนักเรียนนายร้อย จปร.รับราชการเป็นนายทหาร จนได้รับพระราชทานยศระดับพันเอก แต่กลับมาพูดในเรื่องที่หมิ่นเหม่ จึงอยากจะเรียกร้องให้ พ.อ.อภิวันท์ ในฐานะที่เป็นรองประธานสภา และในบางครั้งก็ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ประชุมสภา ควรจะทบทวนบทบาทของตนเอง ว่า การแสดงความเห็นดังกล่าวเหมาะสมกับสถานะทางตำแหน่งหรือไม่ และอยากจะให้ออกมาชี้แจงต่อสังคมว่าการหยิบยกเรื่องดังกล่าวออกมาพูด แท้จริงแล้วมีวัตถุประสงค์ใด
“ถ้าจะยกเรื่องการล่มสลายของราชวงศ์ของประเทศรัสเซียมาเปรียบเทียบกับการเมืองในประเทศไทยขณะนี้ เป็นเรื่องที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง ไม่ควรทำตัวเป็นหัวหน้าคนเสื้อแดงพูดจาชี้ช่องทางให้คนเสื้อแดงใช้เป็นเป้าหมายในการเคลื่อนไหวในการชุมนุมครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ในลักษณะชี้โพรงให้กระรอก และเชื่อว่า เรื่องว่านี้จะได้รับการต่อต้านจากสังคมอย่างรุนแรงเหมือนกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ และสุดท้ายก็ออกมาเฉไฉปฏิเสธว่าเป็นเรื่องที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ บกพร่องโดยสุจริตเหมือนเดิม และคนในสังคมก็คงจะไม่ยอมให้อภัยกับพฤติกรรมแบบนี้ที่เกิดขึ้นมาในช่วงหลังอย่างซ้ำซาก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกเหตุการณ์โรมานอฟ มาอ้างว่า เป็นเพราะประชาชนไม่ยอมรับและลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน จนทำให้ราชวงศ์ล่มสลาย สามารถนำมาเปรียบเทียบกับประชาชนคนไทยได้หรือไม่ นายเทพไท กล่าวว่า ไม่ควรหยิบยกราชวงศ์ประเทศต่างๆ มาเทียบกับราชวงศ์ไทย เพราะแต่ละประเทศมีโครงสร้างทางการปกครองที่ต่างกัน สถานะของราชวงศ์ของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสถาบันดังกล่าวได้ระบุในรัฐธรรมนูญไว้ชัดเจนว่า “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมือง ผู้ใดจะละเมิดมิได้”
“ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นเรื่องของสามัญชนคนขี้คุกที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ยอมรับกฎหมายของบ้านเมือง ปฏิเสธขบวนการยุติธรรมที่ตัดสินคดีว่าตัวเองมีความผิด ไม่มีความเป็นธรรม ถ้าตนเองถูกก็ยุติธรรม ถ้าลิ่วล้อจะหยิบยกพ.ต.ท.ทักษิณไปเทียบเคียงกับราชวงศ์โรมานอฟ ก็ควรที่จะไปพูดจาและเคลื่อนไหวที่ประเทศอื่น สำหรับประเทศไทยไม่ต้อนรับพวกคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
นายเทพไท กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า ในใจของ พ.อ.อภิวันท์ คิดอะไรอยู่ สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศในโลกนี้ที่มีสถานะมั่นคง และเป็นที่เทิดทูนของประชาชนคนในชาติตั้งหลายประเทศ ทำไมจึงเฉพาะเจาะจงที่จะหยิบยกความล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟในรัสเซียมาเปรียบเทียบ เหมือนกับครั้งหนึ่งที่ นายจักรภพ เพ็ญแข ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เคยออกมาพูดถึงการปฏิวัติในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นกัน จึงไม่เข้าใจว่าคนพวกนี้รวมถึงนายใหญ่ทำไมจึงมีแนวความคิดที่ แสดงออกในการแสดงความเห็นเรื่องการล่มสลายของสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศต่างๆ อยู่เสมอ
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องไม่เหมาะสม และมีนัยสอดรับกับข้อกล่าวหาที่สังคมมีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า เป็นผู้ต้องการล้มล้างสถาบันหลักของประเทศไทย การพูดดังกล่าวจึงอาจจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังกลุ่มที่เคลื่อนไหวว่าต้องการให้ไปถึงจุดนั้นก็ได้ เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดงก็เป็นไปในแนวทางนี้อยู่แล้ว จึงมีเป้าหมายเดียวกัน
“แต่ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าประชาชนส่วนใหญ่จะไม่เดินไปในแนวทางที่คนพวกนี้หวังเอาไว้ และหากการชุมนของคนเสื้อแดงเป็นไปอย่างผิดกฎหมาย ก็จะได้รับการต่อต้านจากประชาชน เหมือนเหตุการณ์เดือนเมษา ขอให้จำไว้เป็นบทเรียนด้วย”
ด้าน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะโฆษกกรรมาธิการพิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่ พ.อ.อภิวันท์ ให้สัมภาษณ์ปรากฏเป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า เมื่อวันที่ 17 พ.ย.พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้กล่าวในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยในทำนองว่าขณะนี้บ้านเมืองเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นรอบด้าน ผู้ปกครองไม่ให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ระวังประชาชนจะไม่ยอมรับ แล้วได้ยกตัวอย่างความล่มสลายของราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ว่า เรื่องนี้ พ.อ.อภิวันท์ ไม่ควรพูด เพราะอย่าลืมว่าท่านอยู่ในตำแหน่งรองประธานสภา ไม่ใช่เป็นแกนนำ นปก.มีเรื่องอื่นให้เปรียบเทียบจำนวนมากมาย ทำไมไม่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ กลับมาเปรียบเทียบกับราชวงศ์โรมานอฟ ซึ่งเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนจึงไม่บังควรอย่างยิ่ง และการเปรียบเทียบเช่นนี้ไม่เหมาะสม เพราะ พ.อ.อภิวันท์ เป็นถึงอดีตนายทหารเก่า ไม่น่าจะคิดได้เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องให้ พ.อ.อภิวันท์ แถลงข่าวแก้ข่าวนี้ เพื่อขอโทษประชาชนด้วย