ทีมโฆษก ปชป.ยันข้อมูลการบินไม่ใช่ความลับ เย้ยรัฐบาลรู้เส้นทางก่อน จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องจารกรรมข้อมูลการบิน เชื่อ “ฮุนเซน” จับมือ “แม้ว-จิ๋ว” ป่วนไทย หวังเอาคืนหลังเคยถูก ปชป.ซักฟอกกลางสภา
วันนี้ (17 พ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ข้อมูลการบินไม่ได้เป็นความลับ เพราะบริษัท แอร์โร สเปช คอร์ป จำกัด ของอินเดีย ได้ทำเรื่องขออนุญาตบินผ่านประเทศไทย ในวันที่ 9 พฤศจิกายน โดยจะใช้เส้นทางนาฏปุระ-พนมเปญ กลับในวันที่ 14 พฤศจิกายน จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องจารกรรมข้อมูลการบิน เพราะเรารู้ก่อนเสียอีก และทันทีที่เครื่องลงที่สนามบินโปเชนตง ก็รู้ได้อย่างประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปโดยเครื่องบินเช่าเหมาลำ ดังนั้น เมื่อเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษคดีทุจริตของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีลักษณะอาการชักศึกเข้าบ้าน จึงไม่สามารถอนุญาตให้บินผ่านประเทศไทยได้ ถ้ายังใช้ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิบัติต่ออากาศยานที่ทำผิด 2519
นพ.วรงค์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ส.ส.ได้วิเคราะห์ปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา ว่า เกิดจากการดำเนินการของ พล.อ.ชวลิต และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืมมือเพื่อนบ้านป่วนไทย เป็นการเอาคืนของนายฮุนเซน เพราะตอนที่พรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ ได้เปิดอภิปรายเรื่องเขาพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อน และการสานความสัมพันธ์ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ และ นายฮุน เซน ซึ่ง นายฮุน เซน อาจจะพึงพอใจนโยบายประชานิยมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ มีต่อนายกฯฮุน เซน โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางทะเลมูลค่ามหาศาล
ด้าน นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีของ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี นั้น พรรคยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความเท็จ พรรคไม่มี ไม่เคย และจะไม่มีวันใช้วิธีการดังกล่าวเหมือนบางพรรค และบางบุคคลที่กระทำมาในอดีต ซึ่งเรื่องนี้ชัดเจนแล้วว่าพรรคการเมืองนั้น ได้มีการพิจารณาคดีสิ้นสุดจนมีการยุบพรรคไปแล้ว และพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง นอกจากเป็นผู้ให้การ ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาเป็นเรื่องของ กกต.อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นเรื่องความผิดของบุคคล ที่เป็นอดีต กก.บห.พรรคไทยรักไทย ขณะนี้คดีอยู่ในชั้นรออัยการสั่งฟ้องต่อศาลอาญา ทั้งในเรื่องการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และการปลอมแปลงฐานข้อมูลของ กกต.ทางพรรคประเมินว่า การออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเป็นการกระทำให้ตนเองพ้นผิด และเพื่อให้หลุดพ้นข้อกล่าวหาด้วยการโกหกใส่ร้ายพาดพิงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาดูว่าจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเพื่อพิจารณาดำเนินคดีหรือไม่
ส่วนการทำงานของ พล.อ.พัลลภ ขณะนี้ ยังไม่ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องเรื่องนี้อย่างไร ในฐานะที่พล.อ.พัลลภ เป็นชายชาติทหาร และในอดีตได้ปฏิญาณตนว่าจะยอมพลีชีพเพื่อชาตินั้น ตนคิดว่า การทำงานในวันนี้ พล.อ.พัลลภ ควรจะมีความชัดเจนว่าทำงานให้ใคร เกียรติภูมิที่มีอยู่นั้นควรค่าหรือไม่ กับการออกมายืนยันข้อมูลที่ไม่มีหลักฐาน ไม่อยากให้เหมือนกับกรณีคาร์บอมบ์ ต้องถามกลับไปยังผู้ที่นำข้อมูลมาเปิดเผย หากกล้าใช้ข้อมูลที่ไม่มีหลักฐาน ก็ควรที่จะเตรียมกล้ารับผลของการกระทำและรับผิดชอบด้วย
