ปชป.กล่อม “ชาญชัย” อยู่หมัด ยันไม่มีความแตกแยกภายในพรรค ชี้ ล่าชื่อถอดถอนเลขาธิการพรรคเลื่อนลอย ลั่นเดินหน้าแก้ รธน.ฉบับสมานฉันท์ ตามมติวิป 3 ฝ่าย โยนสื่อตีความหมายคลาดเคลื่อน อ้างวัฒนธรรมพรรคสุดท้ายต้องจบในพรรค
วันนี้ (20 ต.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุม ส.ส.ของพรรค ว่า ที่ประชุมมีมติที่จะยืนยันในแนวทางการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้รัฐสภาดำเนินการ และนำไปสู่การทำประชามติ จุดยืนของพรรค คือ ฟังเจตนารมณ์ของประชาชน จึงมีมติให้แสวงหาความร่วมมือจากวิป 3 ฝ่าย ขณะเดียวกัน ในฐานะแกนนำรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ไม่มีการกดดันจากพรรคร่วมจากข่าวปล่อยที่หวังสร้างความขัดแย้ง
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มี ส.ส.บางคนกล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นครนายก ชี้แจงต่อที่ประชุม ว่า ไม่มีความขัดแย้งกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และไม่ได้พูดว่า พรรคแตกแยก สื่อมีการสื่อความหมายคลาดเคลื่อน ซึ่งได้กำชับให้นายชาญชัยแก้ข่าวต่อสื่อมวลชนในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการพูดถึงประเด็นถึงการทำงานของเลขาธิการพรรค พบว่า การปรึกษากับพรรคร่วมรัฐบาลดำเนินการไปไดด้ด้วยดี ไม่มีการกดดดดันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การถอดถอนเลขาธิการพรรคตามธรรมนูญพรรค ยังไม่มีเหตุผล และเพื่อให้เกิดความชัดเจนกรณีกรรมการในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 14 คน ที่เคยเสนอความเห็นไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อปี 2550 เป็นการดำเนินการในฐานะที่ถูกร้องขอให้ส่งความเห็นไป เป็นการดำเนินการโดยเอกเทศเพื่อให้ข้อมูล ไม่มีลักษณะการตกลงกับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หรือทหาร ทั้งในอดีตและปัจจุบัน พรรคไม่เคยมีการเปลี่ยนจุดยืนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ สนับสนุนการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการสมานฉันท์ ใน 6 ประเด็น หากทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันทุกฝ่ายโดยเฉพาะจากพรรคฝ่ายค้าน และการทำประชามติจะมีความสำคัญมากกว่าความเห็นของพรรคการเมือง หรือ ส.ส.คนใดคนหนึ่งแต่เพียงลำพัง และวันนี้ยังเร็วเกินไปที่จะให้เอกสิทธิ์กับ ส.ส.เพราะประชามติจะเป็นทิศทางที่สำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมพรรคให้ ส.ส.ไปสอบทานความเห็นกับประชาชน เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีกระบวนการประชาธิปัตย์เป็นไปตามอุดมการณ์และวัฒนธรรมของพรรค ไม่ประสงค์จะเห็นสังคมแปรความผิด ว่า พรรคประชาธิปัตย์แตกแยก สะท้อนความไม่เป็นเอกภาพ ขณะนี้พรรคมีความสมบูรณ์ ข่าวความแตกแยกเป็นเรื่องไม่จริง
ด้าน นพ.วรงค์ กล่าว่า พรรคประชุมประเด็นความแตกแยกนานกว่าการประชุมทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม ไม่มีการปิดกั้น เป็นสิทธิของ ส.ส.ที่จะพูดกับสื่อและพรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยินดีที่จะให้ ส.ส.แสดงความคิดเห็น แต่สุดท้ายพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรม ทุกคนมีสิทธิแตกต่าง แต่สดท้ายจะจบในทีประชุมพรรค หลังจากมีความเป็นเอกภาพทางความคิด และที่ประชุมพรรคได้ประเมินว่ามีสองยุทธศาสตร์ที่จ้องทำลายพรรค คือ 1.ทำให้สังคมมีความเห็นว่าพรรคมีความแตกแยกหรือขัดแย้ง ซึ่งที่ประชุมได้ย้ำว่าอย่าหลงกลกับสิ่งที่เกิดขึ้น
น.พ.วรงค์ กล่าวว่า 2.จะมีการกล่าวหาว่ารัฐบาลมีการทุจริตในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งที่ประชุมได้ฝากความเห็นไปยังรัฐมนตรีของพรรค ทั้งนี้ ในวันนี้พรรคได้เปิดโอกาสให้สมาชิกที่ถูกพาดต่อสังคมได้แสดงความคิดเห็นร่วมกัน หลังเคลียร์กันแล้วทุกคนเข้าใจกันดี