“มาร์ค” โต้ “ทักษิณ” ทวิตเตอร์โวยรัฐบาลยัดเหยียดคดี ยันรัฐบาลตรงไปตรงมาไม่มีใส่ร้ายใคร ย้อนเจ้าตัวน่ารู้ตัวดี เปิดอกแทน ปชช.ส่วนใหญ่ต้องการความสงบ อย่าคิดถึงแต่เป้าหมายแค่การเมือง ซัด “ทักษิณ” ทำไทยเสี่ยงประเทศเสียเปรียบ หวังครึ่งปีหน้าสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ดีขึ้น หากแก้ที่ต้นตอได้
วันนี้ (17 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดผ่านทางทวิตเตอร์ กล่าวหาพาดพิงรัฐบาลเหมือนกับโยนความผิดให้กับตัวเองทุกเรื่องว่า ไม่ทุกเรื่อง เฉพาะเรื่องที่ท่านทำ เมื่อถามว่า มีการพูดในลักษณะที่บอกว่าไม่รู้ว่าคนเสื้อแดงจะทนได้อีกนานแค่ไหน คำพูดลักษณะนี้จะส่งผลอะไรหรือเปล่า นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าท่านหมายถึงอะไร รัฐบาลนี้ดำเนินทุกอย่างตรงไปตรงมา คดีความก็ไม่ใช่คดีความที่รัฐบาลชุดนี้ ไปยัดเหยียดให้เป็นคดีความซึ่งเกิดขึ้นมาก่อน พิพากษาตัดสินกันในยุคที่ผู้สนับสนุนคุณทักษิณเป็นรัฐบาล และรัฐบาลนี้มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเท่านั้นเอง ส่วนกรณีความสัมพันธ์ที่มีปัญหากับกัมพูชา ตนคิดว่า คุณทักษิณต้องรู้ตัว ถ้าไม่มีเรื่องคุณทักษิณเข้าไปเกี่ยวข้อง เรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่เกิด ฉะนั้นไม่มีอะไรที่เราจะไปใส่ร้าย แต่ตนไม่ทราบว่าท่านไปเข้าใจว่าเราไปทำอะไร เราก็ทำหน้าที่ของเราในการรักษาประโยชน์ของประเทศเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า สิ่งที่คุณทักษิณสื่อสารมาจะทำให้เกิดการปลุกเร้าในหมู่คนเสื้อแดง แล้วทำให้เกิดปัญหาสำหรับประเทศอีกหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าตนพูดแบบนี้ก็จะบอกว่า ตนไปให้ร้ายท่านอีก เอาเป็นว่าคุณทักษิณต้องทราบว่าจริงๆ แล้วขณะนี้ประชาชนคนไทยต้องการให้บ้านเมืองสงบ ต้องการให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ต้องการให้ประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับทุกคนทุกฝ่าย ฉะนั้น ควรจะระมัดระวังในการเอาเป้าหมายส่วนตัว หรือเป้าหมายทางการเมืองของตัวเอง มาทำให้กระทบกระเทือนกับความเป็นอยู่ของประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลไทยจะประสานไปทางยูเออีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ประสานอยู่แล้ว โดยประสานไปตามปกติของช่องทางของความร่วมมือระหว่างประเทศ เมื่อถามว่า มีความหวัง หรือไม่ว่ายูเออีจะเชิญให้คุณทักษิณออกนอกประเทศเหมือนช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นายกฯ กล่าวว่า ตนไปตอบแทนเขาไม่ได้ เมื่อถามว่า การที่คุณทักษิณให้สัมภาษณ์ไทมส์ออนไลน์ ถือเป็นการใช้ดูไบเป็นฐานในการเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่าเป็นประเด็นที่ได้มีการพูดคุยกันอยู่และเห็นได้ชัด เพราะในไทมส์ออนไลน์เขียนชัดว่าสัมภาษณ์จากที่ไหน
เมื่อถามว่า การที่ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปรับตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชา ไม่เกี่ยวกับมาตรการความร่วมมือต่างๆ ระหว่างไทย-กัมพูชา นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่า นายสุรเกียรติ์พูดว่าอะไร แต่โดยข้อเท็จจริงการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงเมื่อปี 2544 มีการเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่มีการประชุมเจรจาเมื่อปี 2543 พอสมควร เมื่อคุณทักษิณไปเป็นที่ปรึกษาของกัมพูชา ข้อตกลงนี้ก็ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลในขณะนั้น คงจะปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องเลยคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่จะเกี่ยวข้องลึกแค่ไหนอย่างไร ไม่มีใครทราบได้ แต่โดยอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ต่อไปนี้หากทางการไทยจะมีข้อตกลงอะไรร่วมกับกัมพูชา จะทำให้เราเกิดความระแวงใจหรือไม่ เพราะมีคนไทยไปเป็นที่ปรึกษาและรู้ข้อมูลภายในของไทยเป็นอย่างดี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทำให้เราต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เมื่อถามว่า การทบทวนข้อตกลงระหว่างไทย-กัมพูชา จะทำให้ปัญหาความสัมพันธ์ทางการทูตกระพือขึ้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในสภาพที่ปกติ ตนมีหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทย คนไทย ในเมื่อคุณทักษิณทำให้เกิดเงื่อนไขของความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะเสียเปรียบ ตนก็ต้องแก้ไข ถ้าไม่อยากให้มีปัญหานี้ ต้องไปเรียกร้องจากคนที่สร้างปัญหาขึ้นมา ส่วนกรณีที่นักวิชาการหลายท่านออกมาเตือนในจุดนี้นั้น ไม่มีปัญหา ขณะนี้ที่ทุกท่านแสดงความคิดมา ตนก็รับฟังหมด และจะเห็นว่า แนวที่ตนดำเนินการอยู่ ยึดมาตรฐานสากล ยึดประโยชน์ประเทศไทย และส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไปน้อยที่สุด
เมื่อถามว่า ในช่วงครึ่งปีหน้าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา จะคลี่คลายได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนหวังว่าจะดีขึ้น แต่ต้องไปดูว่าต้นตอของปัญหาอยู่ที่ไหน ต้องแก้ที่นั้น เมื่อถามต่อว่า ขั้นตอนการคลี่คลายปัญหารัฐบาลจะต้องส่งเอกอัครราชทูตกลับไปหรืออย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวย้ำว่า ต้องไปแก้ที่ต้นตอของปัญหา
