นายกฯ เตรียมเสนอตั้ง “ธานี สมบูรณ์ทรัพย์” เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ต่อ ครม.พรุ่งนี้ เล็งมอบหมายงานดูแลคดีพันธมิตรฯ-นปช.-คดี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เริ่มงาน 18 พ.ย.นี้ ด้าน กต.เรียกทูตยูเออีเข้าพบให้ข้อมูล “นช.แม้ว” ใช้ดูไบเป็นฐานโจมตีประเทศไทย
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เผยว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนนตรี ในวันพรุ่งนี้ (17 พ.ย.) แต่งตั้ง พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐตรีฝ่ายการเมือง แทนนายอิสรา สุนทรวัฒน์ ที่ลาออกไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยงานที่ พล.ต.อ.ธานี จะเข้ามารับผิดชอบ คืองานด้านความมั่นคง และติดตามคดีต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ ทั้งคดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ นปช. รวมถึงคดีใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และช่วยงานทางด้านกฎหมายต่างๆ รวมไปถึงงานตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดย พล.ต.อ.ธานี จะเริ่มเข้าปฎิบัติงานในวันพุธนี้ (18 พ.ย.) หลังจากที่มีคำสั่งแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ มีรายงานด้วยว่าเจ้าหน้าที่ได้จัดสถานที่ทำงาน ให้กับ พล.อ.อ.ธานี ไว้ที่บ้านพิษณุโลก เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า สามารถประสานงานกับ พล.ต.อ.ธานีได้ดี และไม่กังวลใจว่าจะเป็นการลดทอนอำนาจของตน เนื่องจากไม่ยึดติดอำนาจ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายกรัฐมนตรียังไม่ได้หารือว่าจะให้ พล.ต.อ.ธานี มาช่วยงานเรื่องใดเป็นพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าได้เชิญทูตของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี ประจำประเทศไทย มารับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีทุจริตที่อยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าขณะนี้ได้ใช้เมืองดูไบเป็นฐานในการโจมตีประเทศไทย โดยเห็นได้จากการให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ที่ผ่านมา ที่มีเนื้อหาพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ของไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และยังมีข้อมูลอีกว่า การเดินทางออกจากกัมพูชาของ พ.ต.ท.ทักษิณ มีเป้าหมายไปที่เมืองดูไบ
ดังนั้น ทางการไทยจึงขอให้ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วยตรวจสอบการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตามหนังสือที่รัฐบาลไทยเคยขอไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะเมื่อช่วงเหตุการณ์ความวุ่นวายในเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมานั้น ประเทศไทยได้ขอความร่วมมือไป และในครั้งนั้นยูเออีก็ได้ดำเนินการขอให้ทักษิณเดินทางออกนอกประเทศแล้ว
ทั้งนี้ แม้ว่าทางประเทศไทยและยูเออีจะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกันเหมือนอย่างไทยกับกัมพูชา แต่ก็สามารถขอความร่วมมือได้เป็นดีเสมอมา ซึ่งทางการไทยเองก็หวังว่าครั้งนี้จะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีอีกเช่นเคย