รายละเอียดประชุมสุดยอด “สหรัฐฯ-อาเซียน” ที่สิงคโปร์ มีวาระสำคัญ “มาร์ค-โอบามา” จะออกแถลงการณ์ร่วมในหัวข้อ “ความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูน เพื่อความสันติภาพและความมั่งคั่งอันยั่งยืน”
วันนี้ (13 พ.ย.) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า การประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐอเมริกา ครั้งที่ 1 ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานอาเซียน จะเป็นประธานร่วมประชุมกับนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ ภายหลังการประชุมจะมีการออกแถลงการณ์ร่วมในหัวข้อ “ความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูน เพื่อความสันติภาพและความมั่งคั่งอันยั่งยืน”
ทั้งนี้มีรายงานว่า สาระสำคัญที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะมีการหารือและตกลงกันในเวทีนี้ นอกจากจะร่วมกันจัดประชุมอาเซียน-สหรัฐฯ ครั้งที่ 2 ในปี 2010 หรือ พ.ศ.2553 แล้ว ขณะเดียวกันจะมีการเรียกร้องให้ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นผู้นำในการยกร่างแผนปฏิบัติการอาเซียน-สหรัฐฯ ในอีก 5 ปีถัดไปและยังจะเป็นประเทศผู้ประสานงานกับทั้ง 2 ฝ่าย
ในวาระการประชุม สหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุนการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี 2015 และจะมีการจัดตั้งกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิด้านความสัมพันธ์อาเซียน-สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนความร่วมมือ 2 ฝ่าย ขณะที่จะมีแผนในการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการปฏิสัมพันธ์กันของประชาชน เช่น เพิ่มโอกาสในการเรียนภาษาอังกฤษ การศึกษาต่อในสหรัฐฯและประเทศในอาเซียน รวมทั้งถึงการสร้างความเข้าใจในศาสนา
นอกจากนี้ ประเด็นที่สหรัฐฯ จะเข้าร่วมเป็นภาคีสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคอาเซียน จะมีการแต่งตั้งเอกอัครราชทูตกิจการอาเซียน และเป็ดคณะทูตถาวรอาเซียนที่ประเทศอินโดนีเซีย
ขณะที่การจัดตั้ง คณะกรรมการธิการว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนอาเซียน สหรัฐฯ ก็จะสนับสนุนและเชิญชวนคณะกรรมาธิการชุดนี้เดินทางไปเยือนสหรัฐฯ ในปี 2553 เพื่อปรึกษาหารือกับผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ซึ่งในอนาคตจะมีการจัดตั้งศูนย์ทรัพยากรด้านสิทธิมนุษยชนขึ้น โดยมีสถาบันการศึกษาประเทศอินโดนีเซียดำเนินการร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างทั่วอาเซียน ส่วนสถานการณ์อาทิ การเลือกตั้งในพม่า สหรัฐและอาเซียนจะสรุปบทบาทหลังจากที่ตัวแทนของสหรัฐฯ ได้เยือนพม่าเมื่อเร็วๆนี้
ด้านเศรษฐกิจ สหรัฐฯ สนับสนุนที่จะให้ประธานอาเซียนเข้าไปมีส่วนร่วมในการประชุมสุดยอด จี 20 อย่างต่อเนื่องเพื่อนำนโยบายตามหลักการที่ จี 20 ได้กำหนดไว้มาปรับใช้ ทั้งนี้พบว่า การค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ มีการลงทุนสูงถึง 178,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2008 และตัวเลขการลงทุนโดยตรงของสหรัฐฯ ในอาเซียนอยู่ที่ 153,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังยืนยันว่าอาเซียนเป็นแหล่งลงทุนระดับต้นๆ ของสหรัฐฯ ขณะที่การหารือภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าและการลงทุน (เอฟทีเอ) อาเซียน-สหรัฐฯ ก็จะมีการหยิบยกมาหารือช่นกัน ขณะนี้การรวมตัวในนโยบายด้านการค้าและการลงทุนที่มากขึ้นจากกรอบเขตเศรษฐกิจเอเปก และการเข้ามามีสว่นร่วมของรัฐสมาชิกนอกเอเปก เช่น กัมพูชา ลาว ก็จะนำมาเป็นข้อหารือเช่นกัน
นอกจากนั้น ข้อตกลงกันการร่วมมือในปฏิญญาในการขจัดการก่อการร้ายระหว่างประเทศระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ การลดช่องว่างในการพัฒนาอาเซียน แนวคิดริเริ่มความร่วมมือสหรัฐ-ลุ่มแม่น้ำโขงตอนใต้ ที่จะมีการจัดประชุมประจำทุกปี การไม่แพร่ขยายนิวเคลียร์และการลดอาวุธ หรือจัดตั้งเขตปลอดนิวเคลียร์ในภูมิภาคอาเซียน จะมีการนำมาหารือในวเทีนี้เช่นกัน รวมทั้งการเรียกร้องให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจา 6 ฝ่าย นอกจากนี้ การบรรจุอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่จะมีการหารือในเร็วๆ นี้ก็จะมีการบรรจุเป็นแผนระยะยาวของสหรัฐฯ-อาเซียน ในส่วนของงานวิจัยต่างๆ
ทั้ง 2 ฝาย อาจจะเห็นพ้องแต่งตั้งคณะทำงานภาครัฐ/เอกชนเพื่อนำเสนอแนะด้านนโยบายในการพัฒนาพลังงานสะอาด ขณะที่ความร่วมมือความมั่นคงด้านอาหารจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตร ส่วนด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะได้รับมอบหมายให้พัฒนาและจัดเก็บรักษายาต่อต้านไวรัส ยาเวชภัณฑ์ที่จำเป็นเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดเอช 1 เอ็น 1 (ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009) และโรคระบาดอื่นๆ พ่วงกับการแต่งตั้งคณะทำงานภาครัฐ/เอกชน เพื่อนำเสนอการพัฒนาแนวคิดใหม่ด้านสาธารณสุขของทั้ง 2 ฝ่าย