“น้องเดียว” กร้าวไม่ลดตัวถก “ฮุนเซน” แต่รักษาสถานะพี่ใหญ่อาเซียน

รมต.สำนักฯ ยืนยันรัฐบาลจะไม่ลดตัวลงไปชี้แจงกับกัมพูชา เพื่อรักษาสถานะความเป็นพี่ใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน แต่จำเป็นต้องตอบโต้เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิ ชี้ปัญหาจะยุติได้ขึ้นอยู่กับสองเกลอ “นช.แม้ว-ฮุนเซน” เท่านั้น ที่ยึดความสัมพันธ์ส่วนตัวอยู่เหนือผลประโยชน์ชาติ

วันนี้ (11 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีปัญหาความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่เป็นอยู่ในขณะนี้ว่า ตนคิดว่าสถานการณ์ไทย-กัมพูชาขณะนี้ ต้องแยกให้ออกว่า หนึ่งไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง ระหว่างพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องนี้เป็นเรื่องปัญหาที่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะว่าทางกัมพูชาได้เลือกที่จะเลือกใช้ความส่วนตัวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เหนือผลประโยชน์ของทั้ง 2 ชาติ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ต้องทำ 3 อย่าง คือ ปกป้องเกียรติภูมิของชาติ และปกป้องการค้าขายก็ต้องทำ แต่เกียรติภูมิประเทศและการดำเนินการทางการทูตสากลก็ต้องทำต่อไป การชี้แจงที่กระทบต่อท่าทีของประเทศไทย โดยชี้แจงคนในประเทศ ซึ่งใช้สื่อเป็นช่องทางการชี้แจงเท่าที่ทำได้ เพื่อไม่ให้ความสัมพันธ์นี้เลวร้ายไปกว่านี้ คิดว่าคงไม่มีใครอยากเห็นสงครามชายแดน และการทำความเข้าใจกับนานาประเทศ โดยเฉพาะมิตรประเทศในอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้จะจบได้ขึ้นอยู่กับตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กับทางกัมพูชา และสมเด็จฯ ฮุนเซน ว่าจะต้องแยกแยะความสัมพันธ์ส่วนตัวออกจากผลประโยชน์ของทั้ง 2 ประเทศ

เมื่อถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์ของนายฮุนเซนที่มีต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในปัจจุบันค่อนข้างรุนแรงจากสื่อที่ผ่านมา คิดว่าถ้าไปเผชิญหน้ากันอีกครั้งจะมองหน้ากันติดหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า ไทยต้องมีศักดิ์ศรี เพราะเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตย นายกฯไทยก็มาจากการเลือกตั้ง และทำงานในฐานะที่เป็นรัฐบาลของไทยก็ต้องมีศักดิ์ศรี เพียงแต่ว่าไทยต้องคงสถานะความเป็นพี่ใหญ่ทางการเมืองในภูมิภาคนี้ไว้ให้ได้ การชี้แจงตอบโต้ก็จะทำเท่าที่จำเป็น เพื่อรักษาเกียรติภูมิของประเทศ แต่จะลดตัวลงไปชี้แจงทุกเรื่องก็คงไม่ใช่ ยืนยันว่าจะไม่ทำให้คนไทยเสียศักดิ์ศรีในประชาคมระหว่างประเทศ

ต่อข้อถามว่า หมายความว่าการออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของนายฮุนเซน ทางนายกฯ จะไม่มีการออกมาตอบโต้กลับหรือไม่ นายสาทิตย์กล่าวว่า เราจะแยกแยะว่าระหว่างความรู้สึกส่วนตัว และความรู้สึกที่จะต้องปกป้องเกียรติภูมิของชาติ ซึ่งในแง่ของปกป้องเกียรติภูมิของชาติจะต้องตอบโต้แน่นอน ถ้าเรื่องใดทำให้เสื่อมเสียหรือพาดพิง เช่น กรณีกระบวนการยุติธรรม ที่ทางกัมพูชาบอกว่ากระบวนการยุติธรรมไทยเชื่อถือไม่ได้ ฉะนั้นเรื่องนี้ต้องชี้แจง ส่วนมาตรการจะดำเนินการอย่างไรต่อไปก็ต้องทำอย่างรอบคอบ

เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่หากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปใช้เวทีการประชุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ เป็นช่องทางในการชี้แจง นายสาทิตย์กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องแยกกัน เพราะว่าไม่ใช่ความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างพรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเกียรติภูมิศักดิ์ศรีของประเทศ และเป็นเรื่องการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ฉะนั้น ปัญหานี้ไม่ใช่ท่าทีของพรรคการเมืองใหม่ แต่เป็นท่าทีของรัฐบาลต่อสถานะและศักดิ์ศรีของประเทศ ในเวทีระหว่างประเทศ

เมื่อถามว่าการวิพากษ์วิจารณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสื่อต่างประเทศว่ารัฐบาลไทยปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน ตรงนี้จะชี้แจงอย่างไร นายสาทิตย์กล่าวว่า รัฐบาลไทยของมีนโยบายที่ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญ และนโยนายของรัฐบาลต้องการส่งเสริมเสรีภาพในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ก็เห็นว่าข้อมูลข่าวสารในประเทศไทย ก็เป็นข่าวสารที่แต่ละฝ่ายสามารถนำเสนอได้ แม้แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ก็ยังเห็นว่าออกข่าวได้ทุกวัน เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไร

“ข้อกล่าวหาของฝ่ายกัมพูชากับฝ่ายไทยขณะนี้ ในฐานะคนไทยต้องอดทนอดกลั้น และต้องชี้แจง เพื่อไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลายออกไป แต่ที่เป็นห่วง คือ คนไทยที่ไปฝักใฝ่โดยไปให้ข้อมูลที่ผิดกับฝ่ายเขมร ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ จนกระทั่งลูกสมุนทุกคน ผมว่าคิดถึงศักดิ์ศรีของความเป็นไทยให้มากๆ อย่าให้ประวัติศาสตร์ของไทย-กัมพูชาซ้ำรอย” นายสาทิตย์กล่าว

ต่อข้อถามว่ามันเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าท้ายสุดรัฐบาลไทยก็ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ นายสาทิตย์กล่าวว่า คงไม่ใช่ แต่มันเป็นการสะท้อนตัวตนของเขามากกว่า บทสัมภาษณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในไทมส์ออนไลน์เป็นสิ่งที่พิสูจน์ตัวตนและวิธีคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณดีที่สุด มันย้อนไปถึงท่าทีของกลุ่มเสื้อแดง และคนสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ และสะท้อนยุทธศาสตร์ของเขาในการดำเนินการดำเนินการต่อประเทศไทย และสะท้อนแนวคิดของเขาต่อโครงสร้างสังคมไทยที่มีสถาบันสูงสุดที่ยึดเหนี่ยวของประเทศ และเรากังวลว่าคนที่รับแนวคิดทักษิณในประเทศมีจำนวนเท่าไหร่ และรับด้วยความเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ดังนั้น ขึ้นอยู่กับคนไทยว่าเราจะคิดอย่างไร และจะปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรือจะไม่ตอบโต้กับคนที่อยู่รอบข้างเขาหรือศรัทธาต่อเขาเลยหรือ