ยุทธศาสตร์เกาะกง ฐานทัพ “ทักษิณ” ถล่มไทย!!

“ผ่าประเด็นร้อน”

เดินทางไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาส่วนตัว “ฮุนเซน” ควบที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.2552) สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าได้กลายเป็น “ข้าขอบขัณฑสีมา” ของราชอาณาจักรกัมพูชาไปเรียบร้อยแล้ว

ต่อไปนี้เขาจะทำหน้าที่ในการพิทักษ์รักษาผลประโยชน์ให้กับรัฐบาลกัมพูชา รวมไปถึงพิทักษ์ผลประโชยน์ส่วนตัวให้กับ ฮุนเซน อย่างเต็มตัว

ถือว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้ขาดจากความเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์แล้ว !!

ขณะเดียวกันอีกมุมหนึ่งของประเทศไทยหากสังเกตดูบรรยากาศจะพบว่านาทีนี้ถือว่า คนทุกสีทุกฝ่ายแทบจะผนึกรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ไม่เว้นแม้แต่ “คนเสื้อแดง” ที่รู้ความจริงจากการได้เห็นใบเสร็จหลุด “ตัวตน” ออกมาจากการให้สัมภาษณ์ผ่านทางหนังสือพิมพ์ “เดอะไทมส์” ของอังกฤษที่มีคำพูดพิมพ์ออกมาเป็นแผ่นกระดาษยาวกว่า 12 หน้า นานกว่าชั่วโมง

แม้ว่าเมื่อจวนตัวดิ้นไม่หลุดก็จะพยายามใช้วิธีการแบบเดิมๆอีกครั้งโดยป้ายความผิดให้กับสื่อดังกล่าว ซึ่งเหมือนกับวิธีที่เคยใช้กับสื่อไทยที่มักกล่าวหาว่าสื่อบิดเบือน แต่คราวนี้กลายเป็นว่ายิ่งเข้าเนื้อ ยิ่งดิ้นไม่หลุด เพราะถัดมาเพียงไม่กี่นาทีทาง เดอะไทมส์ได้เปิดเผยบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มออกมาให้สังคมได้รับรู้

ที่สำคัญทำให้คนไทย “เกลียด” ทักษิณ ชินวัตร เพิ่มมากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ

นอกเหนือจากนี้จากกรณี ทักษิณ ขายชาติ ทำร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ทำให้คนไทยหันหน้ามาจับมือกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้เห็นมานานหลายปีแล้ว โดยสัญญาณที่เกิดขึ้นมีให้เห็นจากผลสำรวจก่อนหน้านี้ที่มาจากการรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับฮุนเซน และที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลกัมพูชา ที่รวมพลังกันปฏิเสธตัวเขาอย่างเป็นเอกภาพ ขณะเดียวกันยังให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐบาลเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

อีกด้านหนึ่งเมื่อหันมามองในมุมของทักษิณบ้าง หลังจากที่เดินทางเหยียบแผ่นดินเขมรเมื่อตอนสายวานนี้ (10 พ.ย.) โดยพาหนะเครื่องบินส่วนตัวมีบอร์ดี้การ์ดรายล้อมดูขึงขัง ได้บรรยากาศความเป็นผู้นำที่ตัวเองขาดหายไปนานหลายปี ได้กลับมาให้ตัวเองได้ชุ่มชื่นหัวใจอีกครั้ง แม้ว่าจะเป็นภาพลวงตาก็ตาม

อย่างไรก็ดี การให้สัมภาษณ์ล่วงหน้ายังไม่ยืนยันว่าจะอาศัยแผ่นดินกัมพูชาเป็นหลักแหล่งถาวรก็ตาม แต่หากย้อนกลับไปดูข้อตกลงในอดีตบางเรื่องที่เคยเปิดเผยและยืนยันจากปากของ พล.อ.เตียร์ บันห์ รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชา คนสนิทของฮุนเซนว่า ทักษิณ ชินวัตรได้ขอเช่า “เกาะกง” ของกัมพูชาเป็นเวลาถึง 99 ปี โดยจะพัฒนาลงทุนทำธุรกิจแบบครบวงจร

แต่หากพิจารณาในแง่ของสภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์แล้วมาปะติดปะต่อกันก็ย่อมมีนัยทางการเมืองอย่างแน่นนอน เพราะเกาะกงอยู่ห่างจากพื้นที่ชายแดนไทยด้านจังหวัดตราดเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น และการเช่าเป็นเวลานาน 99 ปี ก็ย่อมหมายความว่าพื้นที่ดังกล่าวย่อมเป็นพื้นที่ “พิเศษ” มีลักษณะใกล้เคียงกับเขตเช่า ฮ่องกง หรือ มาเก๊าที่อังกฤษและโปรตุเกสเคยทำสัญญากับจีนในอดีต

ซึ่งก็ย่อมเปิดโอกาสให้ทักษิณ ได้ใช้เกาะกงเป็นที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อก่อกวนรัฐบาลไทยได้สะดวกมากขึ้นอีกทางหนึ่ง นอกเหนือจากพื้นที่อื่นๆในกัมพูชา หลังจากที่รับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งนอกเหนือจากการร่วมทำธุรกิจด้วยกันแล้ว ยังสามารถขอรับการสนับสนุนในทางการเมืองได้ในทุกด้าน ทั้งในเรื่องกำลังคนรวมไปถึงอาวุธก็ตาม

การออกตัวอย่างเปิดเผยของทักษิณ ในแผ่นดินกัมพูชาแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาไม่ต้องปิดบังอำพรางอะไรอีกต่อไปแล้ว หลังจากการคำให้สัมภาษณ์โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ถูกเปิดโปงออกมาอย่างหมดเปลือก และนี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงต้องรับคำเชิญเป็นที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการ และยังเป็นการเดินทางไปล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดนัดในวันที่ 12 พ.ย.โดยไปถึงกรุงพนมเปญในวันที่ 10 พ.ย.

เมื่อทุกอย่างเป็นใจแบบนี้ทำให้ “ยุทธศาสตร์เกาะกง” เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง สำหรับการเคลื่อนไหวก่อกวนและรวมไปถึงโค่นล้มรัฐบาลไทย ซึ่งหากการมาใช้ฐานที่มั่นในประเทศกัมพูชาที่อยู่ใกล้เคียงก็ย่อมสะดวกในการติดต่อประสานงานกับเครือข่ายในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านมวลชน หรือด้านอื่นๆที่ “พิเศษ” นอกเหนือไปจากนั้นก็ทำได้ง่ายกว่า ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่า และที่สำคัญยังตรงเป้ากว่าที่ดูใบ ที่มีกฎระเบียบมากมาย

ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมว่า เวลานี้ ทักษิณได้ร่วมมือกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี รวมทั้งเครือข่ายฝ่ายซ้ายในอดีตที่ยังมีอยู่พร้อมพรัก ทำให้การเคลื่อนไหวงานใต้ดินเริ่มเดินหน้าอย่างเต็มตัวเพื่อไปถึงเป้าหมายตามที่ตัวเองได้ให้สัมภาษณ์เปิดเผยตัวตนออกมาในหนังสือพิมพ์ “เดอะไทมส์” ดังกล่าว

ดังนั้น การเดินทางไปรับหน้าที่อย่างเป็นทางการในแผ่นดินกัมพูชาของ ทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนี้ย่อมต้องจับตาอย่างใกล้ชิดทุกฝีก้าว เพราะอีกด้านหนึ่งย่อมหมายความว่าเขาเลือกเป็นข้าขอบบันธสีมาของอีกประเทศหนึ่งแล้ว และเลือกใช้แผ่นดินของราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นฐานที่มั่นในการบ่อนทำลายประเทศไทย ซึ่งอาจรวมไปถึงการใช้กองกำลังต่างชาติเข้ามาผสมโรงเพื่อบ่อนทำลายรัฐบาลไทยได้สะดวกยิ่งขึ้น

เพราะก่อนหน้านี้สิ่งที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็ยังเป็นไปได้หน้าตาเฉย และยิ่งมาพิจารณาจากลักษณะนิสัยของทั้ง ทักษิณ และ ฮุนเซน ที่ต้องการทำทุกอย่างเพื่อแสวงหากำไรและอำนาจด้วยแล้ว ก็ยิ่งไม่น่าจะมีอะไรจะมาขวางกั้นความทะเยอทะยานของคน “บ้าอำนาจ” ทั้งคู่ไปได้

อย่างไรก็ดีนั่นเป็นแนวทางตามยุทธศาสตร์ของ ทักษิณ ที่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือแบบต่างตอบแทนจาก ฮุนเซน ส่วนจะเป็นไปได้แค่ไหนขึ้นกับคนไทยที่ต้องรู้ทัน ซึ่งนาทีนี้เชื่อว่าทุกคนคงตาสว่าง และรู้กันดีว่าจะต้องกำจัดคนขายชาติอย่างไร!!