ASTVผู้จัดการ - “นช.ทักษิณ” ไม่สำนึก ออกรายการวิทยุออนไลน์ล่วงละเมิดในหลวง-เชื้อพระวงศ์ซ้ำอีก พิลึกขอพระราชทานอภัยโทษกลางอากาศเพราะจำนนต่อหลักฐาน รับพลาดเองที่ให้สัมภาษณ์สื่ออังกฤษ แต่ยังกล้าตะแบงไม่ได้หมิ่นฯ โม้ต่อได้เป็นที่ปรึกษาเขมร อ้างแค่ช่วยเพื่อนมนุษย์ ระบุไม่เคยคิดร้ายต่อประเทศ เห็นแก่ตัว หรือเอาเปรียบใคร
ช่วงค่ำวานนี้ (10 พ.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี ซึ่งขณะนี้ได้พำนักอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตามคำเชิญของ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ได้กล่าวในรายการวิทยุ “ทอล์ก อะราวด์ เดอะเวิลด์ ครั้งที่ 11” ของตนเอง โดยยอมรับสารภาพว่าตนเองได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ของอังกฤษจริง และได้กล่าวขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากการพาดหัวข่าวที่ผิดพลาดของสื่ออังกฤษ ซึ่งตนไม่ได้มีความหมายในเชิงหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแต่อย่างใด และตนได้ทำหนังสือประท้วงไปถึงหนังสือพิมพ์อังกฤษแล้ว
“การสัมภาษณ์ของผมในไทมส์ที่ลอนดอน แล้วก็ไปลงไทมส์ออนไลน์ พาดหัวข่าวได้เลวมาก ซึ่งการพาดหัวข่าวนี้อาจจะทำให้เกิดการระคายเบื้องพระยุคลบาท หรือทำให้ความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเสียไปว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น เพราะจริงๆ แล้วผมให้สัมภาษณ์ด้วยความจงรักภักดี ...” นักโทษหนีคดีกล่าว พร้อมแก้ตัวว่า ที่ตนกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเชื้อพระวงศ์ทุกพระองค์นั้นไม่ได้เป็นการหมิ่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ต่อมาในช่วงประมาณนาทีที่ 4 ถึงนาทีที่ 6 ของรายการวิทยุดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวข้อความหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและล่วงละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างรุนแรงอีก โดยเป็นการกล่าวเลี่ยงโดยใช้คำพูดทั้งที่เป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย
“(ประโยคหมิ่น) … ซึ่งก็ผมในโมเมนต์นั้นไม่ได้คิดอะไรเลย ผมคิดถึงเรื่องหลักความจริงตามหลักมณเฑียรบาล ... ผมไม่มีอารมณ์คิดถึงตรงนั้นแม้แต่แวบเดียว” ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจคนล่าสุดของรัฐบาลกัมพูชากล่าวอย่างไม่ยี่หระ พร้อมกับกล่าวล่วงละเมิดถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีกหลายครั้ง
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวว่า ตนเองรู้สึกภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้รับพระบรมราชโองการแต่งตั้งจากกษัตริย์นโรดมสีหมุนีของกัมพูชาให้เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน โดยรู้สึกภูมิใจเหมือนที่นายศุภชัย พานิชภักดิ์ ได้รับเลือกเป็นผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) และนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ ที่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการอาเซียน พร้อมทั้งโจมตีว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์นั้นกลับมัวแต่มุ่งโจมตีและให้ร้ายตนในทางการเมือง และปราศจากวิสัยทัศน์ในการบริหารบ้านเมือง
“คนอย่างผม เป็นนายกฯ มา 6 ปี เกิดที่ประเทศไทย โตที่ประเทศไทย นะครับ เรียนหนังสือโรงเรียนเหล่า เคยบวชเรียนด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้ ผมจะไม่มีทางที่ทำให้ชาติเสียหาย ผมจะไม่มีทางที่จะไม่จงรักภักดี ผมจะไม่มีทางที่จะเอาความลับอะไรมาขาย มันไม่ใช่วิสัยผมฮะ แต่ผมมีวิชาการที่จะมาแนะนำเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อนร่วมโลก เพื่อนร่วมชาติ เพื่อให้ได้สิ่งดีๆ นี่เกิดขึ้นในชีวิต ผมไม่มีเรื่องที่จะเห็นแก่ตัวอะไร ...” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว
ในตอนท้าย นักโทษหนีคำพิพากษาจำคุก 2 ปียังกล่าวเหน็บแนมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีด้วยว่านายอภิสิทธิ์อย่าพยายามแสดงความจงรักภักดีหรือแสดงความรักชาติเหนือตน เพราะตนนั้นเกิดเมืองไทย โตเมืองไทย เป็นนักเรียนเตรียมทหาร เป็นนักเรียนนายร้อย ส่วนนายอภิสิทธิ์นั้นเกิดในต่างประเทศและได้รับการศึกษาในต่างประเทศอีกทั้งเมื่อเป็นทหารก็ยังไม่ใช้ยศทหารอีกด้วย
“มันเป็นอะไรที่ประวัติมันสั่งสมฮะ แล้วคุณจะ ... คือ คุณเล่นลิ้นเก่งกว่าผมอ่ะ ... คือวันนี้ผมคิดว่า คือ อย่าผูกขาดความจงรักภักดี อย่าผูกขาดความรักชาติ ...” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว และพูดถึงนายอภิสิทธิ์ด้วยความคับแค้นต่อว่า
“ถ้าเมื่อไหร่ ผมไม่จงรักภักดี พี่น้องประชาชนรุมกระทืบผมได้เลย ถ้าเมื่อไหร่ผมทรยศต่อชาติ พี่น้องที่วันนี้เป็นกำลังใจให้ผมรุมกระทืบผมได้เลย ผมรักบ้านเกิด ผมรักพระเจ้าอยู่หัวของผม ผมรักพี่น้องคนไทยทุกคน เพราะฉะนั้นผมไม่ได้คิดเรื่องของการจะมาทำอะไรไม่ดี อย่ามาเล่นลิ้นคำพูดเล็กๆ น้อยๆ บางครั้งแน่นอนครับ ภาษาอังกฤษผมไม่ดีเท่าคุณอภิสิทธิ์แน่นอนครับ เพราะผมเกิดเมืองไทย โตเมืองไทย ไปเรียนเมืองนอกตอนปริญญาโท ปริญญาเอกแล้ว เพราะฉะนั้นภาษาอังกฤษผมสู้คุณไม่ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นความฉะฉานในการตอบภาษาอังกฤษผมสู้คุณไม่ได้หรอก แต่ว่าผมว่าหัวใจผมไม่แพ้คุณก็แล้วกัน”
(แำ้ก้ไขและเพิ่มเติมข่าวเวลา 17.30น. 11 พ.ย. 2552)