ปธ.วิป รบ.มั่นใจประชุมร่วมไม่ล้มซ้ำซาก วอนขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาล และวุฒิสภา เนื่องจากฝ่ายค้านก็ไม่ยอมแสดงตน ลั่นยังไม่มีมาตรการคาดโทษ แนะ รบ.หากไม่แน่ใจยกเลิกเอ็มโอยูต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้ยื่นศาล รธน.ตีความ เชื่อฝ่ายค้านเสนอเปิดอภิปรายทั่วไปทำไม่ทัน เหตุมีกฎหมายสำคัญค้างหลายฉบับ
วันนี้ (10 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่องค์ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมาล่มว่า การประชุมที่ผ่านมาได้ให้ความเห็นชอบบันทึกความตกลงถึง 8 ฉบับแล้ว จนมาถึงการพิจารณาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา จึงเกิดปัญหาความวุ่นวาย เนื่องจากพรรคฝ่ายค้านต้องการให้มีการประชุมอย่างเปิดเผย แต่รัฐบาลเห็นว่าเรื่องดังกล่าวควรประชุมลับเพราะเกรงว่าอาจจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเกรงว่าอาจจะมีการใช้เวทีสภาเพื่อตอบโต้ทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตามเมื่อสามารถหาทางออกร่วมกันได้ คือมีการเสนอให้ถอนวาระดังกล่าว แต่เกิดเหตุการณ์องค์ประชุมไม่ครบ ซึ่งตนเห็นว่า ส.ส.ส่วนใหญ่คงคาดว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะใช้เวลานานจึงออกไปทำธุระ ส่วนรัฐมนตรีบางท่านติดภารกิจ บางท่านก็ได้ลากับวิปแล้ว จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าการประชุมร่วมรัฐสภาในวันนี้ไม่น่าจะเกิดปัญหา โดยตนจะเข้าหารือกับวิปของพรรคต่างๆ เพื่อขอความร่วมมืออีกครั้ง เพราะการประชุมในวันนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องพิจารณา คือ พิธิสารเพิ่มเติมฉบับที่ 2 ภายใต้พิธีสารระหว่างราชอาจักรไทยกับสาธารณรัฐเปรู เพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า และหนังสือแลกเปลี่ยนความเข้าใจเรื่องสินค้าสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ที่รัฐบาลไทยจะต้องไปลงนามที่ประเทศสิงคโปร์ในวันที่ 10 พ.ย.นี้
เมื่อถามว่าปัญหาการประชุมล่มซ้ำซากจะมีมาตรการแก้ไขอย่างไร นายชินวรณ์กล่าวว่า ก็ต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล และวุฒิสภา เนื่องจากฝ่ายค้านก็ไม่ยอมแสดงตน ดังนั้นเราจึงต้องร่วมกันรับผิดชอบ ส่วนจะมีการคาดโทษหรือไม่นั้น ประธานวิปรัฐบาลกล่าวว่า คงไม่มีการคาดโทษ แต่จากการตรวจสอบตนเห็นว่าคนที่ขาดการประชุมร่วมรัฐสภานั้นไม่ใช่บุคคลที่ขาดการประชุมซ้ำซาก โดยเป็นสัดส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ 20 คน
เมื่อถามว่าการยกเลิกเอ็มโอยูพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกัมพูชาจะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก่อนหรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศจะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งหากไม่แน่ใจว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา 190 หรือไม่นั้น ก็อาจจะต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป
เมื่อถามถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 161 ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิของวุฒิสภาที่จะต้องเข้าชื่อ 1 ใน 3 เพื่อเสนอให้เปิดอภิปราย แต่ทั้งนี้ต้นเห็นว่าสมัยประชุมนี้เหลือเวลาอีกเพียง 4 สัปดาห์ และยังมีกฎหมายสำคัญค้างอยู่ จึงไม่น่าจะขอเปิดอภิปรายได้ทัน เมื่อถามย้ำว่านายกรัฐมนตรีจะขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไปเองตามมาตรา 179 หรือไม่ นายชินวรณ์กล่าวว่า รัฐสภายังมีกฎหมายที่สำคัญที่จะต้องพิจารณาอีกหลายฉบับ
