“สุวิทย์” แจง กมธ.ยันประท้วงยูเนสโก ค้านจดทะเบียนเขาพระวิหาร

ไทยเตรียมยื่นประท้วงยูเนสโก ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ยันคำตัดสินของยูเนสโกที่ให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้นไม่ถูกต้อง รวมทั้งการกระทำของคณะกรรมการมรดกโลกไม่ถูกต้องตามอนุสัญญา แต่ไม่ต้องการประท้วงกัมพูชาเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า

วันนี้ (4 พ.ย.) ที่รัฐสภา น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า นายสุวิทย์ คุณกิตติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางมาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการฯ ด้วยตนเองถึงการเตรียมตัวของคณะกรรมการมรดกโลกของประเทศไทย ในการรวบรวมข้อมูลและล็อบบี้ประเทศอื่นๆ กรณีการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ก่อนจะถึงวันประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 34 ที่ประเทศบราซิล ในปี 2553 ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า ประเทศไทยมีการรวบรวมเอกสารและทำความเข้าใจกับอีก 21 ประเทศสมาชิกมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ไทยจะยื่นเรื่องประท้วงต่อยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลกด้วยว่า คำตัดสินของยูเนสโกที่ให้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกนั้น ไม่ถูกต้อง และไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลก ข้อ 11.3 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การขึ้นทะเบียนทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ดินแดนอธิปไตย หรือเขตอำนาจที่อ้างสิทธิโดยมากกว่า 1 ประเทศจะต้องไม่เป็นเหตุให้เกิดการโต้แย้งจากรัฐภาคีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งการกระทำของคณะกรรมการมรดกโลกนั้นดำเนินการไม่สมบูรณ์และไม่ถูกต้องตามอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกและ Operational Guidelines for the Implementation of the World Heritage Convention เนื่องจากข้อมูลแผนการบริหารจัดการพื้นที่เขตแดน และการกำหนดพื้นที่กันชนและเขตพัฒนา ที่กัมพูชาต้องส่งภายในเดือน ก.พ.2552 นั้นจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สมบูรณ์ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชาเองก็ยังไม่มั่นใจในเรื่องของพื้นที่เขตแดน

“เราจะยื่นประท้วงคำตัดสินของยูเนสโก แต่ไม่ใช่การประท้วงประเทศกัมพูชา เพราะเราต้องการยุติความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ ให้มีการเปิดอุทยานเขาพระวิหารเพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว และลดการเผชิญหน้าทางการทหาร และท่านสุวิทย์ก็ได้ชี้แจงด้วยว่า โอกาสที่จะถอนนั้นเป็นไปได้ เพราะแนวทางการขอขึ้นทะเบียนนั้นต้องมีการจัดทำรายงาน จัดการพื้นที่พรมแดนและกำหนดพื้นที่กันชนโดยรอบให้ชัดเจน ซึ่งแม้ปราสาทพระวิหารจะเป็นของกัมพูชาแต่พื้นที่กันชน จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถกำหนดเขตแดนได้อย่างชัดเจน” น.ส.รัชดากล่าว