xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” ต้องกล้าผ่าทางตัน สางปัญหา “สุญญากาศสีกากี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
รายงาน
โดย...แสงตะวัน

หลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันจันทร์ที่ 2 พ.ย. ต้องยกเลิกกระทันหัน

จากเหตุประธาน ก.ตร. สุเทพ เทือกสุบรรณ เจอพิษไข้หวัดเล่นงาน ต้องวิ่งเข้ารักษาอาการป่วยเป็นการด่วน ทำให้เดินทางมา “ทำคลอด” โผนายพลล็อตใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่ได้

เลยทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยุคนี้เห็นได้ชัดว่าอยู่ในสภาพป่วยเป็นโรค

เลื่อนเรื้อรัง!

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น โดยเฉพาะตัว อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นทั้งประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) และในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเล่นบท “ซื้อเวลา” การบริหารงานใน สตช.ออกไปเรื่อยๆ ไม่ได้แล้ว

อภิสิทธิ์ต้องแสดงความเป็นผู้นำที่เด็ดขาด และมากด้วยบารมี ด้วยการทำให้ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพลใน สตช.เสร็จสิ้นเสียที

ไม่ว่าจะเป็นระดับ “หัวสุด” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่จนป่านนี้ก็ยังตั้งไม่สำเร็จ จนต้องใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยการออกคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็นรักษาการ ผบ.ตร.

มาจนถึงระดับรองลงมา คือ รอง ผบ.ตร.-ผช.ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการ-รองผู้บัญชาการ-ผู้บังคับการ นี่ก็ปาเข้าไปเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพ “สุญญากาศ” ส่งผลให้ระดับล่างๆ ลงมาตั้งแต่รอง ผบก.-ผกก.-รอง ผกก.ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน

ปัญหาที่เกิดขึ้น แน่นอนย่อมกระทบกับการบริหารราชการใน สตช.ที่มีคนอยู่ในสังกัดสองแสนกว่าคน ที่ยามนี้ทำงานกันแบบทั้งเกียร์ว่าง และไม่เข้าเกียร์

เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะได้เลื่อนตำแหน่งที่ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรือไม่ หรือจะถูกเด้งพ้นจากตำแหน่งปัจจุบันไปอยู่ในตำแหน่งที่แย่กว่าเดิม ทำให้ไม่มีจิตใจจะทำงานในหน้าที่

ขณะที่เหล่าลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน เพราะก็ไม่รู้ว่าออกไปวิ่งไล่จับบ่อนการพนัน จับยาบ้า จับโจรฆ่าข่มขืน ปล้นฆ่า โดยที่ตัวเองก็เสี่ยงชีวิต ในสภาพหัวแถวยังไม่มีความแน่นอน ว่านายเก่าจะโดนเด้งหรือเปล่า และนายใหม่จะมาอย่างไร จะให้ความสนใจในเรื่องการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุขประชาชน หรือจะมองหาแต่ส่วยอย่างเดียว สภาวะเช่นนี้ทำให้ตำรวจผู้น้อยด้อยวาสนาโลเล ไม่กระตือรือร้นทำงานกันในตอนนี้ เพราะต้องการรอความชัดเจนจากหน่วยเหนือคือผู้ใหญ่ในสตช.ว่า

ใครจะไปใครจะมา จะได้จับทิศทางลมได้ถูก

ผลที่เกิดขึ้นก็เลยทำให้ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจระยะนี้ อยู่ในสภาพประคองตัวไปก่อน ส่งผลให้ทำงานกันแม้ไม่ถดถอย แต่ก็ไม่เต็มร้อย

สิ่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นปัญหาที่เหล่าตำรวจทั้งหลาย รับรู้กันดี และยากที่คนภายนอกจะรู้ถึงสภาพการทำงานที่เกิดขึ้นของตำรวจยามนี้

โดยเฉพาะแม้แต่ อภิสิทธิ์ที่เป็นทั้งผู้บริหารประเทศสูงสุด ประธาน ก.ต.ช. และกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็อาจไม่ล่วงรู้ได้เลยว่า วันนี้ “โรคเลื่อน” ซ้ำซากที่เกิดขึ้นใน สตช.ได้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ทั้งความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ปัญหาอาชญกรรม ยาเพสติด และความมั่นคง

ถึงวันนี้ อภิสิทธิ์ต้องเลิกซื้อเวลาในการสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นใน สตช.ได้แล้ว และควรต้องคิดว่า อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ดีกว่าที่หลบลี้หนีปัญหาไปเช่นนี้เรื่อยๆ


อภิสิทธิ์ในฐานะประธาน ก.ต.ช.จะต้องตัดสินใจเรียกประชุม ก.ต.ช.ได้แล้ว เพื่อให้ที่ประชุมลงมติรับรองการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ เป็น ผบ.ตร. ตามที่อภิสิทธิ์ ผลักดันมาตลอด และหากว่าอภิสิทธิ์ไม่สามารถผลักดันพล.ต.อ.ปทีปได้ อภิสิทธิ์ ก็ต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น และต้องตัดสินใจทางการเมืองเพื่อแก้ปัญหาที่

มี “อำนาจ” แต่ “บริหาร” ไม่ได้

อาทิ หาก ก.ต.ช.อย่าง ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หน.พรรคภูมิใจไทย และรมว.มหาดไทย ขวางการตั้งพล.ต.อ.ปทีป โดยไม่มีเหตุผลอีกเป็นครั้งที่สอง ทั้งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน อภิสิทธิ์ ก็อาจจำเป็นต้อง

เขี่ยพรรคภูมิใจไทย

ออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไปเสีย แล้วเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเพื่อรอ “ยุบสภา” ในต้นปีหน้า

ขณะที่การแก้ปัญหาการแต่งตั้งโผนายพล ระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. ที่เลื่อนมาแล้วสองครั้ง แม้มีคำยืนกรานจากสุเทพ ที่เช้าป่วยประชุม ก.ตร.ไม่ได้ แต่ช่วงดึกกลับโผล่ไปร่วมงานแต่งงานลูกชายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่เมืองทองธานีได้

แถมยังนั่งชนไวน์ในงานอย่างสนุกสนาน แล้วยังบอกว่าจะเรียกประชุม ก.ตร.ในวันศุกร์ที่ 6 พ.ย.นี้

เหตุสุเทพติดหวัดเลื่อนประชุม ก.ตร.ก็เพราะมีการงัดข้อกันในบางตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว ระหว่างฝ่ายสุเทพกับอภิสิทธิ์ และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อันอาจมีผลทำให้การแต่งตั้งขาดความเหมาะสม

โดยเฉพาะ 3 ตำแหน่งสำคัญ คือ ผบช.น.-ผบช.สตม.-ผบช.สันติบาล ที่ถือเป็นสามหน่วยหลักของ สตช.


เริ่มจาก ผบช.น.ที่อภิสิทธิ์ และ พล.ต.อ.ปทีป ขวางการผลักดัน พล.ต.ท.สัญฐาน ชยนนท์ ผบช.ภ.8 ที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ซึ่งรวมถึงสุราษฏร์ธานี ของสุเทพยาวนานถึง 17 ปี และยังมีสายสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ.ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่น เตรียมทหาร 12 ซึ่งมีบทบาทสูงในการร่วมตั้งรัฐบาลชุดนี้ในค่ายทหารมาพร้อมกับสุเทพ มาเป็น ผบช.น.

สำหรับเหตุผลที่ พล.ต.อ.ปทีป และอภิสิทธิ์ไม่เห็นด้วย เพราะ พล.ต.ท.สันฐาน อยู่ระหว่างการตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาเข้าข่ายผิดวินัยตำรวจ ผิดกฎระเบียบทางราชการ 7 เรื่อง เช่น ยกเลิกการจัดซื้อครุภัณฑ์ไฟฟ้า 634 เครื่อง วงเงิน 10 ล้านบาท และซ่อมแซมบ้านพัก ผบช.ภ.8 วงเงิน 7 หมื่นบาท ขัดระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ และยังออกคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อื่นโดยไม่เป็นธรรม จึงควรรอให้ผลการสอบสวนเสร็จสิ้นก่อน

ส่วนเก้าอี้ ผบช.ส. ก็มีรายงานว่าอภิสิทธิ์ต้องการผลักดันให้ พล.ต.ต.อดิเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. ตำรวจน้ำดีคนหนึ่งในสตช. มาทำหน้าที่นี้ แต่สุเทพกลับจะดัน พล.ต.ต.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย รอง ผบช.ส. ขณะที่เก้าอี้ ผบช.สตม. ก็มีรายงานว่า สุเทพ รับโผมาจาก เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่ให้หนุน พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผบช.ก.ตร. คนสนิท พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรอง อ.ตร. พ่อตา อนุทิน ชาญวีรกูล แกนนำภูมิใจไทย เข้ารับตำแหน่ง แต่ผู้ใหญ่ใน ปชป.ก็ผลักดันผ่านอภิสิทธิ์ ให้เสนอชื่อ พล.ต.ท.รชต เย็นทรวง จเรตำรวจหรือ พล.ต.ท.วุฒิ ลิปตพัลลภ ผบช.ปส. น้อง สุวัฒน์ ลิปตพัลลภ มาเป็นผบช.สตม. เลยตกลงกันไม่ได้

ยังมีข่าวสะพัดมาว่า มีนายพลที่เป็นตัวสอดแทรกตำแหน่งหลักคนหนึ่ง ทำเงินหล่นไป 40 ล้านบาท ก่อนจะมีการทำโผไม่กี่วัน มีคนเก็บได้ไปแล้วด้วย

จริงอยู่ว่า สุเทพ เป็นประธาน ก.ตร.ย่อมมีสิทธิและอำนาจเต็มที่ในการเสนอชื่อและผลักดันใคร แต่หากชื่อที่เสนอพบว่ามีความเหมาะสมน้อยกว่าคนที่อภิสิทธิ์เห็นว่าเหมาะสมมากกว่า เช่นไม่มีประวัติมัวหมอง หรือข้ามอาวุโสมากเกินไป และสุดท้ายตกลงกันไม่ได้ เพราะสุเทพ ต้องการนำตำรวจมาสร้างฐานการเมืองโดยไม่คำถึงถึงความถูกต้อง

อภิสิทธิ์ก็ไม่ควรรอช้าในการ “ยึดคืนอำนาจ” ในการดูแล สตช.จากสุเทพ ด้วยการดึง สตช.กลับมาดูแลเอง และเข้าทำหน้าที่ประธาน ก.ตร.ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ สุเทพไปทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมให้เกิดขึ้นกับ สตช.

สำคัญแต่ว่า อภิสิทธิ์จะกล้าหรือไม่ กับภารกิจสะสางปัญหาที่เกิดขึ้นใน สตช.เพราะหากอภิสิทธิ์ไม่สามารถฝ่าด่านปัญหาของแวดวงตำรวจไปได้ แล้วจะแก้ปัญหาชาติที่หนักหนากว่านี้ได้อย่างไร ถึงเวลาแล้วที่อภิสิทธิ์ ต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อยุติทุกปัญหาใน สตช.เสียที
สุเทพ เทือกสุบรรณ
กำลังโหลดความคิดเห็น