“โฆษกรัฐ” ฉะไอเดีย “จิ๋ว” ตั้งรัฐปัตตานีเข้าทางโจร ย้อนยุค “สุลต่าน” แบ่งเขตปกครองพิเศษ เชื่อ ชาวบ้านไม่ยอมรับ อัดยับ ไปรับแนวคิดจากผู้ก่อการมาปฏิบัติ เผย แก๊งป่วนใต้เคยเสนอให้ตั้ง “ผู้สำเร็จราชการ” มาปกครอง ดักคอ เยือนเพื่อนบ้าน โจมตีแผ่นดินแม่ตัวเอง “ผิดมารยาท”
วันนี้ (3 พ.ย.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเดินทางไปพบผู้นำมาเลเซียของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย ว่า ฝ่ายค้านควรจะทำมานานแล้ว สมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านก็เดินทางไปให้ข้อมูลกับประเทศเพื่อนบ้านอยู่บ่อยครั้ง แต่ต้องทำหน้าที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และต้องแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ทางการเมืองของพรรค กับผลประโยชน์ของชาติออกจากกัน อย่างฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในสหรัฐฯ เวลาที่ไปต่างประเทศก็จะวางเรื่องการเมืองภายในเอาไว้แล้วเจรจาเพื่อผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก แต่หาก พล.อ.ชวลิต เดินทางไปแล้วให้ข้อมูลในทางลบ โจมตีประเทศไทย ถือว่าผิดมารยาท การทำเช่นนั้นจะไม่ได้รับการยอมรับจากผู้นำต่างชาติ
“ถ้าเดินทางไปแล้วย้อนกลับมาโจมตีแผ่นดินแม่ของตัวเอง หรือไปพูดเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวกับบางคน พูดให้ร้ายกระบวนการยุติธรรมของตัวเอง โดยมารยาทแล้วจะไม่มีใครทำกัน ผู้นำต่างชาติเข้าจะรู้สึกแปลกใจ และจะได้รับการยอมรับน้อย” นายปณิธาน กล่าว
ส่วนแนวคิดการจัดตั้งนครรัฐปัตตานีเพื่อแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น นายปณิธาน กล่าวว่า เชื่อว่า เบื้องหลังแนวคิดนี้มาจากที่ พล.อ.ชวลิต ได้รับข้อมูลจากแกนนำบางกลุ่ม ซึ่งเป็นกลุ่มอุดมการณ์ในพื้นที่ จากการศึกษาเรื่องนี้นาน จึงพบว่าแนวคิดนี้สอดคล้องกับกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน และกลุ่มที่เคลื่อนไหวผลักดันให้จัดตั้งรัฐอิสระ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ต้องการความอิสระ เพราะเห็นว่าอิสรภาพเป็นสิ่งที่ขายได้ ที่ผ่านมา กลุ่มเหล่านี้เคยเสนอถึงขั้นให้ 3 จังหวัดชายแดนกลับไปใช้ระบบการปกครองโดยสุลต่าน หรือเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้วยุครัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ กลุ่มผู้ก่อการก็มีการเสนอให้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการปกครองจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก็เป็นระบบสุลต่านอีกรูปแบบหนึ่ง
นายปณิธาน กล่าวว่า แนวคิดของ พล.อ.ชวลิต ที่จะให้ 3 จังหวัดเลี้ยงตัวเอง มีกองกำลังเป็นของตัวเอง โดยมีการเลือกตั้งผู้ปกครองของตัวเอง ก็เท่ากับว่า เปิดให้มีสุลต่านที่มาจากการเลือกตั้งกลายร่างกลับมาปกครองคนพื้นที่ ซึ่งการชนะเลือกตั้งก็ทำได้ไม่ยาก เพราะเครือข่ายลูกหลานของสุลต่านเดิมยังคงกว้างขวางเป็นนักการเมืองที่เชี่ยวชาญระบบเลือกตั้ง แต่หากถามประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากกลับไปปกครองโดยสุลต่านอีกแล้ว ทั้งนี้ แนวคิดในการจัดตั้งรัฐอิสระในที่สุดจะแก้ปัญหาไม่ได้ยกตัวอย่างติมอร์ ที่เคยเรียกร้องแบ่งแยกดินแดน สุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ต้องให้ต่างประเทศเข้าไปแทรกแซงอยู่ดี
“แนวคิดของ พล.อ.ชวลิต เป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เป็นการใช้ชาวบ้านทดลองโครงการของตัวเอง ถ้าทำสำเร็จก็ดีไป ถ้าล้มเหลวก็เลิก เหมือนที่เคยทำโครงการฮารัปปันบารู หรือเคยยุบพ.ต.ท.43 และ ศอ.บต.ซึ่งผลสุดท้ายสร้างความเสียหายมากมาย ขณะที่รัฐบาลนี้พยายามสร้างกลไกคุ้มครองความปลอดภัยให้ประชาชน รวมทั้งปรับโครงสร้างการศึกษา เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือของขบวนการก่อความรุนแรง หลังจากนี้ จะให้ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ อดีตรักษาการ ผบ.ตร.มาดูแลกระบวนการยุติธรรมในพื้นที่ในคดีต่างๆ เช่น คดียิงในมัสยิด” โฆษกรัฐบาล กล่าว
นายปณิธาน กล่าวถึงการเจรจากับกลุ่มผู้ก่อการในพื้นที่ ว่า รัฐบาลยังไม่มีแนวคิดจะเจรจาเพราะแม้แต่ภายในขบวนการเอง ทั้งพูโล หรือ บีอาร์เอ็น ก็แตกแยกกันเองระหว่างกลุ่มอุดมการณ์ซึ่งเป็นผู้สูงอายุ อยู่ใน กทม.ต่างประเทศเป็นคนมีการศึกษาสูง ทั้งหมอ พยาบาล กับกลุ่มปฏิบัติการที่เป็นคนหนุ่มสาวอยู่ในพื้นที่ คนสองกลุ่มนี้ยังไม่คุยกันเองแล้วรัฐบาลจะเจรจาเพื่อหาข้อยุติได้อย่างไร