xs
xsm
sm
md
lg

ศาล ปค.สูงสุด ไม่รับฟ้องเพิ่ม ร้อง “นพดล” ลงนามร่วมขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารมิชอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศาลปกครองสูงสุด ยืนตามศาลชั้นต้นไม่รับฟ้อง กรณี “อายุทธ์ จิรชัยประวิตร” ยื่นคำฟ้องเพิ่มเติมคดีเพิกถอนแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ขึ้นทะเบียนมรดกโลกเขาพระวิหาร โดยฟ้องเพิ่มเฉพาะ “นพดล” ศาลชี้คำฟ้องอยู่นอกเหนือมูลเหตุที่ฟ้องคดีในสำนวนหลักครั้งแรก จึงไม่รับฟ้อง

วันที่ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองสูงสุด โดย นายเกษม คมสัตย์ธรรม ตุลาการเจ้าของสำนวน มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้น ไม่รับคำฟ้องเพิ่มเติมที่ นายอายุทธ์ จิรชัยประวิตร คณะทำงานนโยบายอินเทอร์เน็ต สำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ยื่นเพิ่มในคดีที่ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับพวกรวม 13 คน ยื่นฟ้อง รมว.ต่างประเทศ (นพดล ปัทมะ) และคณะรัฐมนตรี (ยุครัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช) กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีลงนามแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2551 เพื่อให้กัมพูชาเสนอองค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก

โดยคดีนี้ นายอายุทธ์ ได้ยื่นคำฟ้องเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2551 ว่า รมว.ต่างประเทศ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ได้กระทำการอื่นอีก นอกเหนือจาก นายสุวัตร ทนายความกลุ่มพันธมิตรฯ กับพวกรวม 13 คน ยื่นฟ้องไว้ คือ เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2551 ได้มีการอนุมัติกรอบเจรจาข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา, การเสนอพื้นที่กันชนรอบปราสาทพระวิหาร การถอนทหารและอื่นๆ, จัดประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2551, ยอมให้ราชอาณาจักรกัมพูชาชักธงมรดกโลกคู่กับธงชาติสู่ยอดเสาที่ปราสาทพระวิหารเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2551 ดังนั้น นายอายุทธ์ ในฐานะหนึ่งใน 13 ผู้ฟ้องคดี จึงประสงค์จะฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 3 และเพิ่มเติมคำขอให้ศาลเพิกถอนการกระทำทางปกครองที่ใช้อำนาจโดยมิชอบที่ให้ นายอายุทธ์ เสียหายจากการอนุมัติกรอบเจรจาข้อตกลงชั่วคราวไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2551, การเสนอพื้นที่กันชนรอบปราสาทพระวิหาร การถอนทหารและอื่นๆ, จัดประชาพิจารณ์เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2551, ยอมให้ราชอาณาจักรกัมพูชาชักธงมรดกโลกคู่กับธงชาติสู่ยอดเสาที่ปราสาทพระ วิหาร เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2551 โดยให้มีผลย้อนหลังนับตั้งแต่เริ่มต้นรวมทั้งให้ศาลกำหนดมาตรการคุ้มครอง ชั่วคราวตามที่ศาลเห็นสมควรด้วย

ทั้งนี้ ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องเพิ่มเติมดังกล่าวเนื่องจากเห็นว่า มูลเหตุที่ฟ้องคดีตั้งแต่แรก สืบเนื่องจาก รมว.ต่างประเทศ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 เสนอร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชา กรณีขอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมแผนที่แนบท้าย โดยมี ครม.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 มอบหมายให้เป็นผู้ลงนาม แต่ส่วนที่ นายอายุทธ์ ยื่นเพิ่มเติมเป็นการอ้างเหตุใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลัง ไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมที่ศาลได้รับฟ้องไว้แล้ว ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องเพิ่มเติมได้

ขณะที่ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่า มูลคดีที่ นายสุวัตร กับพวกรวม 13 คน ยื่นฟ้อง กล่าวอ้างถึงการเสนอร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทย-กัมพูชาและขอให้ศาลเพิกถอน มติของ รมว.ต่างประเทศ-ครม.ผู้ถูกฟ้องที่ 1-2 คดี จึงมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่าแถลงการณ์ร่วมนั้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ส่วนคำฟ้องที่ นายอายุทธ์ ยื่นเพิ่มเติมในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครองชั้นต้น เป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำของ รมว.ต่างประเทศ ผู้ถูกฟ้องที่ 1 ที่นอกเหนือจากคำฟ้องเดิมซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ศาลต้องวินิจฉัยที่จะรวมพิจารณาด้วยกันได้ ที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องเพิ่มเติมนั้นศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งยืนไม่รับฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีที่ยื่นฟ้องกรณีแถลงการณ์ไทย-กัมพูชา ขึ้นทะเบียนมรดกโลกปราสาทพระวิหาร นั้น ที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2551 มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองชั้นต้นในคดีหมายเลขดำที่ 984/2551 กำหนด มาตราคุ้มครองชั่วคราว ห้ามไม่ให้ รมว.ต่างประเทศ และ ครม.ดำเนินการใดๆ ที่เป็นการอ้างหรือใช้ประโยชน์จากมติ ครม. เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.2551 ที่เห็นชอบแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชา และการดำเนินการตามมติดังกล่าว จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ขณะที่การพิจารณาเนื้อหาแห่งคดีว่าการลงนามแถลงการณ์ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ยังอยู่ในชั้นพิจารณาของศาลปกครองชั้นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น